จวินหยวนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาไว้ ปรากฏเพียงริมฝีปากที่เห็นได้ชัดว่ายากที่จะเข้าใกล้ได้
เขารูปร่างสูงเรียว เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ดูสูงกว่าเย่จายซิงหลายเท่าเลยทีเดียว อีกทั้งการดำรงอยู่ของเขาก็ยังค่อนข้างรุนแรงด้วย ตอนที่ไม่มีคำพูดใดนั้นก็ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันมาก
ดูเหมือนว่าเขากำลังโมโหที่นางจะคืนเงินให้เขา หรือว่าโมโหที่นางทิ้งเหยียนเฟิงเอาไว้แล้วแอบหนีออกไป?
เดิมทีนางไม่อยากขึ้นเกี้ยวของเขา แต่เพราะถูกเขาจูงมือพาขึ้นมา มิเช่นนั้นนางก็กลับไปเองแล้ว
เดิมคิดว่าเขาจะมาไต่ถามความผิดเสียอีก ใครจะไปคาดคิดว่าพอถึงหน้าจวนแม่ทัพ เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย เอาแต่นั่งอยู่ตรงนั้นหลับตาทำสมาธิ
เกี้ยวหยุดลง เย่จายซิงรีบกระโดดลงไปในทันทีแล้วหันหน้ากลับมาแล้วกล่าวว่า
“เสด็จอา ข้าขอตัวเข้าไปก่อน”
เขาลืมตาที่ลึกขึ้นมองมาที่นางชั่วครู่ สั่งการให้ให้ออกเกี้ยว แม้แต่คำเดียวก็ไม่ได้พูดกับนาง
ช่างหยิ่งผยองเสียจริง เย่จายซิงดูตำหนิ มองดูเกี้ยวที่จากไปไกลแล้ว นางจึงเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพ
“ช้าก่อน คุณหนูสี่ ฮูหยินเฒ่ามีธุระจะขอพบท่าน!”
นางเดินไปทางลานบ้านของตนเองได้เพียงไม่กี่ก้าว แม่นมเฒ่าคนหนึ่งก็พาคนรับใช้สองสามคนมาดักขวางหน้านางเอาไว้ดูท่าทางหยิ่งยโสและดูเหยียดหยามอย่างไม่ต้องปิดบังซ่อนเร้น
เย่จายซิงจำนางได้ นางเป็นหญิงรับใช้ที่แต่งมาเป็นเพื่อนฮูหยินเฒ่าแซ่หลิน เป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ตัวหนึ่งของฮูหยินเฒ่า
แม่นมหลินมองเย่จายซิงมองท่าทางเย็นชาแล้วกล่าวว่า
“คุณหนูสี่ยังยืนอึ้งอะไรอยู่เล่า ยังไม่รีบตามหญิงรับใช้ไปอีก!”
เย่จายซิงยิ้มที่มุมปากด้วยอาการเยาะเย้ยอย่างเด็ดเดี่ยว
"ในเมื่อแม่นมหลินรู้ว่าตนเป็นหญิงรับใช้ก็ควรมีท่าทีของหญิงรับใช้ กล้าชี้นิ้วสั่งการกับนายหญิง ความกล้าช่างไม่ธรรมดาเลย"
แม่นมหลินยิ้มด้วยท่าทางเย็นชา นางเป็นคนอัปลักษณ์ที่ไร้ความสามารถคนหนึ่ง นับเป็นเจ้านายแบบไหนกัน!
นางกำลังคิดจะชี้หน้าด่าว่าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังออกมา ทันใดนั้นเองเจ้าแดงจิ้กจอกที่อยู่ในอ้อมอกของเย่จายซิงก็โผล่กระโดดเข้ามา จากนั้นยื่นกรงเล็บที่แหลมคมออกไปข่วนหน้าของนาง
แม่นมหลินกรีดร้องออกมา บนใบหน้าทั้งสองด้านปรากฏเป็นรอยเลือดลึกๆ ลงไปหลายรอยจนเนื้อเปิดออกแล้วเลือดก็ไหลลงมา
โดยเฉพาะปากนั้นของนางฉีกยาวตั้งแต่แก้มจนถึงมุมปาก เจ็บจนนางอยากจะร้องตะโกนก็ไม่กล้าร้อง กัดฟันจนตัวสั่นเทาไปหมด
คนรับใช้คนอื่นพอเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันตรงหน้าต่าพากันตกใจจนถอยหลังไป 10ก้าว สีหน้าซีดเผือดไปตามๆ กัน
เย่จายซิงเลิกคิ้วขึ้นเกิดความแปลกใจเล็กน้อย นางไม่ได้ให้จิ้กจอกน้อยลงมือ คิดไม่ถึงว่ามันจะปกป้องนายมันเช่นนี้ นี่ขนาดนางยังไม่ได้เข้ากันกับมันเลย
แต่อาจเพราะเป็นไปได้ว่ามันแสนรู้เกินไป รับรู้ได้ว่าตัวนางเองกำลังลังเลที่จะทำตัวให้เข้ากัน มันก็เลยเอาใจตนเป็นพิเศษ
ที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยก็คือจิ้งจอกน้อยประจบสอพลอถึงจุดที่ใช่เลย ตัวนางเองก็เตรียมที่จะสั่งสอนแม่นมหลินผู้นี้ มิเช่นนั้นใครก็กล้าที่จะมาขี่อยู่บนหัวนางได้
ตอนนี้จิ้งจอกน้อยข่วนใบหน้าของแม่นมหลินเละเทะไปหมด จึงกลายเป็นว่าตัดปัญหาให้นางไปเรื่องหนึ่งได้
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ค่อยๆ เช็ดกรงเล็บให้จิ้งจอกน้อย ดวงตาสีดำที่เช็ดชาจืดชืดคู่หนึ่งกวาดสายตามองไปที่คนอื่นๆ อารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ของคนพวกนี้ไม่กล้าที่จะปรากฏออกมาเลย
แม่นมหลินอยากจะด่าว่าสักสองสามประโยค พอขยับปากก็เจ็บไปถึงหัวใจเลยทีเดียว ในดวงตาที่ขุ่นมัวของนางแฝงไปด้วยความขุ่นเคืองราวกับจะบอกว่าแล้วเราจะได้เห็นดีกัน จากนั้นก็วิ่งไปทางเรือนคงจิตของฮูหยินเฒ่า หญิงรับใช้พวกนั้นก็รีบตามไปทันทีเช่นกัน
รอจนตอนที่เย่จายซิงค่อยๆ เดินไปถึงเรือนคงจิต หญิงรับใช้หลายคนกำลังใส่สีตีไข่กล่าวหาว่าเย่จายซิงสั่งการให้จิ้งจอกน้อยข่วนใบหน้าของแม่นมหลินอย่างไรบ้าง แม่นมหลินก็ได้เพียงแต่พยักหน้าอย่างสุดกำลัง ท่าทางต้องการให้ฮูหยินเฒ่าเป็นคนออกหน้าให้
ฮูหยินเฒ่าโมโหอย่างผิดปกติ จะตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ เย่จายซิงช่างไม่ได้เห็นแก่หน้าของนางเลยจริงเชียว
เย่จายซิงเพิ่งจะเดินเข้าไป กาน้ำชาในหนึ่งก็โยนมาทางศีรษะของนาง นางค่อยๆ เอียงศีรษะหลบกาน้ำชาไปได้ แต่น้ำชาก็คงสาดเข้าที่ชายกระโปรงของนาง
คนที่มากับเย่เจ๋อหย่งด้วยกันยังมีคนแซ่หวังและเย่เจียหยู
พอเย่เจียหยูกลับมาถึงก็รีบมาที่นี่ เป็นนางที่ให้คนรับใช้ไปส่งข่าว ทำให้ฮูหยินเฒ่าเรียกเย่จายซิงมาที่นี่ จุดประสงค์ของนางคือจิ้งจอกทิพย์จิ่วอิง
ยิ่งเห็นจิ้งจอกแดงที่เย่จายซิงอุ้มอยู่ในอ้อมอกนั้น ในดวงตาของนางยิ่งเปล่งแสงแห่งความปรารถนาอยากแวววาว
“ยังกล้าต่อปากต่อคำอีก! ให้คนมาตบปากนางให้ข้าซิ!”
ฮูหยินเฒ่ากล่าวด้วยเสียงโมโห ทำให้หญิงรับใช้ชราสองสามคนจะเดินเข้าไปตบปากของเย่จายซิงให้เละเทะ ดูว่าวันหลังยังกล้าต่อปากต่อคำอีกไหม
ในคลังมีเงินเท่าไหร่มันใช่เรื่องที่นางจะสืบได้เหรอ
“ข้าดูว่าใครกล้า”
สายตาอของเย่จายซิงดูไม่อยากจะสนใจแล้วกล่าวว่า “องครักษ์ลับที่เสด็จอาให้ข้าไว้อยู่ด้านนอก เพียงแค่ข้าตะโกน เขาก็จะรีบเข้ามาในทันที เสด็จอาบอกกับองครักษ์ลับแล้วว่าคนที่คิดจะทำร้ายข้าไม่ว่าใครก็ตามฆ่าให้หมดไม่ต้องเหลือ พวกเจ้าอยากจะลองดูไหมล่ะ?”
หญิงรับใช้ชราได้ฟังก็ตกใจกลัวจนสั่นไปหมด ไม่มีใครไม่รู้ว่าความเย็นชาของอ๋องเซ่อเจิ้งนั้นโหดร้ายทารุณ เขาต้องการให้ใครตายก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ฮูหยินเฒ่าและพวกของเย่เจ๋อหย่งต่างพากันแสดงท่าทางที่หวาดกลัวออกมา
เย่เจียหยูซ่อนความโลภไว้ภายใต้ดวงตาจองนางแล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะขำขันว่า
“ท่านย่า ท่านพ่อ พวกท่านอย่าล้อเล่นกับน้องสี่เลย น้องสี่คิดไปจริงจังใหญ่แล้ว”
และขณะที่กล่าวอยู่นั้นนางก็เดินมาทางเย่จายซิงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“น้องสี่ พวกท่านย่าล้อเล่นกับเจ้าน่ะ จะไปตบตีเจ้าได้อย่างไรกันเล่า ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว ที่จริงแล้วในใจของท่านย่ารักเป็นดูเจ้าที่สุด ท่านย่าเข้มงวดกับเจ้าก็เพราะหวังว่าเจ้าจะดีวันดีคืน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...