เย่จายซิงและน้องชายกลับมาที่ลานบ้าน
เหยียนเฟิงได้เฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่ทางเข้าลานบ้านแล้ว สวมใส่หน้ากากสีดำอยู่ราวกับคนอำพรางตัวก็ไม่ปาน
ตอนที่นางเดินผ่านก็ได้กลิ่นเลือดจางๆ จากตัวเขา
“เจ้าถูกลงโทษงั้นหรือ?”
นางขมวดคิ้วถามขึ้น
“เรียนพระชายา ข้าน้อยไม่ได้ปกป้องอยู่ข้างกายของพระชายาได้ทันการณ์ เป็นความละเลยในหน้าที่ของข้าน้อย ควรแล้วที่จะได้รับโทษ”
เหยียนเฟิงกล่าว
เย่จายซิงไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ นางสามารถได้กลิ่นเลือดจางๆได้ แสดงว่าบาดแผลที่ได้รับนั้นต้องไม่เบาเลย จวินหยวนก็เหลือเกินช่างไม่มีความเห็นอกเห็นใจถึงได้ลงโทษหนักเช่นนี้
“ขอโทษด้วยที่ข้าทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน”
เหยียนเฟิงคิดไม่ถึงว่านางจะกล่าวคำขอโทษ จากนั้นก้มหน้ากล่าวว่า
“พระชายาไม่ต้องโทษตัวเอง ข้าน้อยละเลยต่อหน้าที่เองก็ควรได้รับโทษ”
“ข้าแค่ไม่อยากให้ความเป็นส่วนตัวเล็กน้อยของข้าก็ไม่มี ถ้าเช่นนั้นเจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเฝ้าไว้”
เย่จายซิงกล่าวกับเขา
“พระชายา นายท่านบอกกับข้าว่า ต่อจากนี้ท่านอยากจะไปที่ใด หากจำเป็นต้องให้ข้าน้อยติดตามไป ข้าก็จะตามไป หากไม่ต้องการข้าน้อยก็จะไม่ล้ำเส้นท่าน ดังนั้นต่อจากนี้ให้ท่านวางใจได้ นายท่านให้ข้าน้อยมาที่นี่ไม่ใช่เพราะว่าจะเฝ้าดูความเคลื่อนไหวพระชายา แต่เพื่อปกป้องพระชายาขอรับ”
เหยียนเฟิงกล่าว
เย่จายซิงประหลาดใจจนปากค่อยๆ อ้าออก จวินหยวนเป็นคนที่บ้าอำนาจเช่นนั้นคิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องที่อ่อนข้อเช่นนี้ได้!
ในจุดนี้นางคิดไม่ถึงเลยแม้แต่นิด
นางมักจะคิดว่าเขาเลือดเย็นไร้ความรู้สึกอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความมุ่งหมาย แต่กลับไม่เคยคิดว่าเขาส่งเหยียนเฟิงมาไม่ใช่เพื่อเฝ้าจับผิดนาง
ผ่านไปชั่วครู่แล้วนางก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี นิ่งอึ้งไปหลายวินาทีนางจึงกล่าวว่า
“ข้ารู้แล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะหลอมรวมเพลิงพิลึก ไม่ว่าใครก็ตามห้ามให้เข้ามาเด็ดขาด”
นางหมายถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ในจวนแม่ทัพ
นางรู้ดีว่าจิ้งจอกน้อยไม่อาจรับเย่เจียหยูเป็นนายหญิงได้อยู่แล้ว ไม่แน่ว่าที่เรือนคงจิตในตอนนี้ชุลมุนไปหมดแล้ว นางไม่ต้องการให้มีใครมารบกวนนางในช่วงเวลาสำคัญแห่งการหลอมรวมเพลิงพิลึก
“พระชายาวางใจได้ขอรับ”
พูดจบเหยียนเฟิงก็หยิบเอากล่องที่ห่อมิดชิดด้วยผ้าสีดำกล่องหนึ่งออกมา
“พระชายา นี่เป็นสิ่งที่นายท่านมอบให้ท่าน เขาบอกว่าท่านจำเป็นต้องได้ใช้มันแน่นอน”
“ไม่ต้อง ข้ายอมรับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เขามอบให้แล้ว......”
เย่จายซิงปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว
“นายท่านบอกว่าหากท่านบอกว่าไม่เอาก็ให้ข้าน้อยกำจัดทิ้งซะ”
นาง: .......
นี่มันเป็นหลักการใดของเจ้านายจอมเผด็จการกัน
นางทำได้เพียงรับเอากล่องข้ามมือมา กล่องเบามาก ไม่มีความหนักอะไรเลย ผ้าสีดำห่อมิดชิดจนอากาศผ่านเข้าไปไม่ได้ แยกออกจากตัวสำนึก แต่ก็ไม่รู้ว่าด้านในคือสิ่งใดกัน
เข้ามาในลานบ้านแล้ว เย่ยู่หยางลังเลที่จะพูด
“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไร เสี่ยวยู่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าพี่เจ้าไม่ทำเรื่องอะไรที่ข้าไม่แน่ใจหรอก”
เย่จายซิงมองไปที่เขา ภายในดวงตาสีดำนั้นเต็มไปด้วยพลัง
เย่ยู่หยางรู้สึกว่าในดวงตาของท่านพี่มีพลังที่ทรงพลังอยู่อย่างหนึ่ง ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของนางต่างเป็นเรื่องเล็กไปหมด
เขาพยักหน้าอย่างหนักหน่วงแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ ข้าเชื่อในความสามารถของท่าน แต่ท่านจะต้องเอาความปลอดภัยในชีวิตวางไว้เป็นอันดับแรก”
“แน่นอน ข้ารับปากเจ้าเสี่ยวยู่”
นางยื่นมือออกไปหยิกแก้มของน้องชาย แก้มที่อ่อนนุ่มทำให้ได้ความสัมผัสที่นุ่มนวลจึงหยิกอยู่ชั่วครู่ หน้าของเขากลายเป็นสีแดงระเรื่อไปหมด และขนตาที่ทั้งยาวและหนาก็กระพือสองสามครั้งราวกับปีกผีเสื้อ
น้องชายน่ารักน่าชังมากทีเดียว!
มีน้องชายเช่นนี้คนหนึ่งช่างดีจริงๆ เลยเชียว!
เย่จายซิงแอบยิ้มอยู่ในใจ อาศัยจังหวะที่น้องชายกำลังเขินอายอยู่และยังไม่ได้รู้สึกตัวอะไร ก็เลยหยิกไปอีกสองสามที จากนั้นก็รีบเผ่นหายไปเลย
เจ้าไป๋ชี้ไปยังกล่องที่ห่อด้วยผ้าสีดำที่นางหยิบเข้ามาเมื่อครู่ด้วยความสงสัย
“จวินหยวนมอบให้ข้าน่ะ ไม่รู้ว่าคือสิ่งใดกัน”
นางกำลังจะเอาวางไปด้านข้าง ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะเปิดออกดู
เจ้าไป๋มือไวแกะผ้าสีดำออก ปรากฏออกเป็นกล่องสีดำในขณะเดียวกัน กลิ่นอายที่ร้อนแรงแพร่ออกมา
“นายหญิง!มันคือเพลิงพิลึก!ดูเหมือนว่าจะเป็นเพลิงพิลึกขั้นสาม!”
เจ้าไป๋กล่าวด้วยอาการตื่นเต้น
เย่จายซิงถลึงดวงตาอันกลม กล่องนี้เป็นกล่องหินเหล็กที่เห็นในงานประมูลเมื่อครั้งก่อน เป็นอาวุธฝึกตนชั้นดีและหาได้ยากมาก ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือแค่นี้ก็มีค่ามากมายมหาศาลแล้ว
แต่ทว่าที่นางยิ่งแปลกใจไปมากกว่านั้นคือคิดไม่ถึงว่าเจ้าไป๋จะบอกว่าของที่บรรจุอยู่ด้านในนั้นคือเพลิงพิลึกขั้นสาม!
เป็นไปได้ไหมว่า......ของที่บรรจุอยู่ด้านในก็คืออัคคีผนึกนภากาฬเพลิงพิลึกขั้นสามที่จะประมูลในงานประมูลตั้งแต่แรก?
เจ้าไป๋เปิดกล่องออก
“เป็นอัคคีผนึกนภากาฬที่อยู่ในขั้นสามจริงด้วยนายหญิง! คนที่ชื่อจวินหยวนผู้นั้นช่างรู้ใจนายหญิงเสียจริงเชียว!”
ในใจลึกๆ ของนางก็ค่อยๆ หวั่นไหวบ้างเล็กน้อย
เขาไม่ได้มีความดีความชอบอะไร มอบของกำนัลก็มอบได้เรียบง่ายมาก ราวกับว่ามอบแค่เพียงผักกาดขาวไม่กี่ต้นก็ไม่ปาน
ของที่มอบให้นั้นใจของนางกลับรับรู้ได้ ไม่รับก็ไม่ได้ประมาณนั้นก็ว่าได้
ไม่รู้ว่าเขาโน้มน้าวใจผู้อื่นเป็นจนเกินไป หรือว่าเป็นอย่างที่เจ้าไป๋บอกว่าเขารู้ใจนางจริงนะ?
ของที่ได้มามันยิ่งทำให้นางติดหนี้บุญมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปนางจะใช้คืนไหวหรือ
ก็อย่างที่ว่ามันเป็นน้ำใจคน ใช่ว่าจะคืนก็คืนกันได้หมดเสียที่ไหนกัน
“ไม่สนแล้ว กลืนกินหลอมรวมเพลิงพิลึกก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
นางไม่ได้ลืมที่รับปากกับชายผู้นั้นที่ตลาดมืดเรื่องขายยาขั้นหกหนึ่งเม็ดให้เขา
รอนางฝึกปรุงยาขั้นหกได้อย่างสบายๆ ก่อน การหาเงินก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...