บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 47

องค์หญิงหลิงหยุนต้องการจะพบเย่จายซิง คนของตระกูลเย่ต่างรู้ดีว่าคงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะให้องค์หญิงสั่งสอนนางสักยก

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คนรับใช้ของตระกูลเย่ก็กลับมาด้วยความอัปยศ มีรอยฝ่ามือตบอยู่บนใบหน้า บวมเป็นหัวหมูเลย

“นี่เกิดอะไรขึ้น?”

เย่เจียหรงขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างอ่อนโยน

คนใช้ประคองใบหน้าของตนและกล่าวว่า

“คุณหนูใหญ่เพคะ ข้าน้อยยังไม่ทันได้เข้าใกล้ลานบ้านของคุณหนูสี่เลยก็ถูกองครักษ์ลับผู้นั้นซัดฝ่ามือมาแต่ไกล องครักษ์ลับเตือนข้าน้อยว่าไม่ว่าใครก็ตามห้ามไปรบกวนคุณหนูสี่เด็ดขาด!”

“ข้าออกปากเชิญนางมาด้วยตัวเองยังเชิญไม่ได้ ช่างไม่รู้จักให้เกียรติกันเลย!”

องค์หญิงหลิงหยุนหรี่ตาลงและกล่าวเสียงเย็นชาออกมา

“องค์หญิง น้องสี่นางมีอ๋องเซ่อเจิ้งคอยให้ท้ายอยู่จึงไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา ท่านก็ทราบดีว่าอ๋องเซ่อเจิ้งเขาน่ากลัวเพียงใด คนที่เขาปกป้องไม่มีใครกล้าล่วงเกิน......”

เย่เจียหยูจงใจพูดถึงเย่จายซิงอย่างเสียๆ หายๆ

เป็นไปตามที่คิดองค์หญิงหลิงหยุนโกรธมาก ฐานะของนางสูงส่ง อยู่ที่เมืองศักดิ์สิทธิ์ยกเว้นคุณหนูตระกูลใหญ่ๆ พวกนั้นแล้ว ไม่มีใครไม่ให้เกียรตินาง ในจุดนี้หลังจากที่นางคารวะอาจารย์กลั่นยาขั้นหกท่านโจผิงไปไม่นานก่อนหน้านี้ก็บรรลุถึงจุดสูงสุดเหนือกว่าคนอื่นแล้ว

คิดไม่ถึงว่ากลับมาถึงแคว้นหงส์แดง คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนที่อัปลักษณ์ไร้ความสามารถคนหนึ่งทำให้เสียหน้าได้ นางหยิ่งผยองจนชินแล้วจะทนรับกับอารมณ์เช่นนี้ได้อย่างไรกัน!

“นำทางข้า ข้าจะไปตัวตัวกับนางด้วยตัวเอง!”

องค์หญิงหลิงหยุนหยิบดาบยาวหนึ่งเล่มออกมาแล้วลุกขึ้นยืน

เย่เจียหรงมองไปทางเย่เจียหยูน้องสาวครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าหน้าไปทางนางอย่างพอใจ

มุมปากของเย่เจียหยูยกขึ้นเล็กน้อย สองปีมานี้นางเลียนแบบพี่สาว ภาพลักษณ์ความบริสุทธิ์และความเมตตาได้หยั่งรากลึกในใจของผู้คน การใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นแผนนี้ยิ่งถ่ายทอดมาได้ดีและยังทำได้ดีกว่าด้วย

ทุกคนต่างตามไปด้วย เย่จายซิงยั่วให้องค์หญิงหลิงหยุนโมโห อีกประเดี๋ยวจะต้องมีฉากเด็ดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ในใจพวกของฮูหยินเฒ่าบ้านรองนั้น สองพี่น้องเย่จายซิงไม่ได้แตกต่างจากคนนอกเลย

องค์หญิงหลิงหยุนยังอยู่ไกลๆ ก็เห็นองครักษ์ลับเหยียนเฟิงที่เฝ้าอยู่นอกลานบ้านแล้ว

เหยียนเฟิงสวมชุดสีดำทั้งตัว ใส่หน้ากากสีดำอยู่ บนร่างแฝงไว้ด้วยแรงกดอันทรงพลังของผู้แข็งแกร่งแห่งแดนมหาจักรพรรดิทิพย์

นางเดินเข้าไปห่างอีก 30ก้าวก็ไม่สามารถที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้อีกแล้ว หลังของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อไปหมด

ในหัวของนางตกใจเป็นอย่างยิ่ง หลายปีก่อนก่อนที่จวินหยวนจะหายตัวไปนั้น องครักษ์ลับของเขาดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้มีผลการฝึกตนที่สูงเช่นนี้ได้

ต้องรู้ว่าผู้แข็งแกร่งแห่งแดนมหาจักรพรรดิทิพย์แม้ว่าในเมืองศักดิ์สิทธิ์จะมีจำนวนไม่มาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะได้รับการปฏิบัติเป็นแขกผู้ทรงเกียรติเสมอ

แต่ทว่าคิดไม่ถึงว่าจวินหยวนจะเอาองครักษ์ลับที่ทรงพลังเช่นนี้มาเป็นองครักษ์ให้กับคนอัปลักษณ์เช่นนั้นอย่างเย่จายซิง เขาคิดอะไรอยู่นะ?

ยังไงมาก็มาแล้ว จะถอยกลางทางก็ไม่ใช่นิสัยของนาง วันนี้นางจะต้องพบเย่จายซิงให้ได้

“เจ้าให้เย่จายซิงออกมาพบข้า ข้ามีเรื่องต้องถามนาง!”

นางเชิดหน้าขึ้นแล้วกล่าว

เหยียนเฟิงหล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า

“พระชายาสั่งเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าใครก็ไม่พบ”

“พระชายา?”

น้ำเสียงขององค์หญิงหลิงหยุนแหลมขึ้น ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

และคนที่ตกตะลึงในคราวเดียวกันก็ยังมีพวกของเย่เจียหรงด้วย

เย่เจียหรงมองมาทางเย่เจียหยูกระซิบถามด้วยเสียงเบาว่า “อ๋องเซ่อเจิ้งจะแต่งกับเย่จายซิงหรือ?”

เย่เจียหยูส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ยังไม่แน่หรอก ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เย่จายซิงไม่เคยพูดเลย อ๋องเซ่อเจิ้งก็ไม่เคยป่าวประกาศว่าต้องการจะแต่งกับเย่จายซิงด้วย”

“เจ้าก็คือองค์หญิงหลิงหยุนงั้นหรือ? หาข้ามีธุระอะไร?”

เย่จายซิงเดินออกมาอย่างเชื่องช้า กวาดสายตามองไปยังสองพี่น้องเย่เจียหรงชั่วครู่ สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าขององค์หญิงหลิงหยุนอย่างไม่ได้คิดอะไรแล้วก็หาวออกมา

นางพักผ่อนไม่พอ สีหน้าดูอิดโรย ไม่ใช่เพราะเรื่องของการกลืนกินเพลิงพิลึก นางก็กลืนกินเพลิงพิลึกขั้นสามและขั้นห้าเสร็จไปนานแล้ว ตอนนี้เพลิงเทวจิ่วโยของนางเพิ่มระดับสูงขึ้นกลายเป็นเพลิงพิลึกขั้นหกเท่ากับว่าเพลิงพิลึกขั้นสูงแล้ว

ต่อมานางปรุงยาเลี้ยงจิตขั้นหกมา 1เม็ด แล้วส่งมอบไปให้ชายรูปโฉมงดงามที่เหมือนราชสีห์ขนทองผู้นั้นที่อยู่โรงชาหยกหิมาลัย

นางหยิบเงินงวดสุดท้ายแล้วกำลังจะจากไป ราชสีห์ขนทองขวางทางนางไว้ หยิบยื่นคำสั่งซื้อที่มากยิ่งกว่าเดิม เขาต้องการยาเลี้ยงจิต 100เม็ด มูลค่า 1เม็ดยังคงเป็นราคาเดิมที่หินทิพย์ 500ตำลึง

ราคานี้อันที่จริงแล้วสามารถซื้อยาเลี้ยงจิตได้เกือบ 200เม็ดเลย แน่นอนว่าคุณภาพต้องเทียบไม่ได้ครึ่งกับที่นางปรุงเป็นแน่ และที่สำคัญก็คือไม่มีอาจารย์กลั่นยาคนไหนที่สามารถปรุงยาขั้นหกออกมาได้เยอะเช่นนี้ในระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้

นางทำเพื่อคืนเงินให้จวินหยวนได้ในเร็ววันจึงรับเอาคำสั่งซื้อนี้มา หลายวันนี้ก็กลั่นยาต่อเนื่องมาตลอด

“เห็นข้าแล้วทำไมไม่คำนับ!”

องค์หญิงหลิงหยุนเห็นผู้หญิงที่อัปลักษณ์และต่ำต้อยอย่างเย่จายซิงก็คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเงยหน้ามองหน้านางอย่างตรงๆ โมโหจนไม่รู้จะทำอย่างไร

เย่จายซิงหัวเราะออกมา นางคิดว่าองค์หญิงหลิงหยุนตามที่เขาพูดๆ กันจะร้ายกาจสักแค่ไหนเชียว คิดไม่ถึงว่าจะยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่ได้ถึงเพียงนี้ ยังห่างไกลจากสองพี่น้องเย่เจียหรงเยอะเลย

“เจ้าหัวเราะอะไร! คิดไม่ถึงว่าเจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้า!”

องค์หญิงหลิงหยุนกล่าวด้วยท่าทางโมโห

“ใช่สิ ข้ากำลังหัวเราะเยาะท่าน จำทำไมเหรอ ต้องการให้ข้าคำนับท่าน ท่านฝันไปหรือเปล่า ไม่ได้ยินที่องครักษ์พูดเหรือ ข้าเป็นพระชายาในอนาคตของอ๋องเซ่อเจิ้ง อ๋องเซ่อเจิ้งอยู่เหนือคนนับหมื่น จำเป็นต้องมาคำนับคนอย่างท่านเหรอ?”

นางลากจวินหยวนเข้ามาเป็นโล่กำบัง ไม่ว่าเวลานี้หรือเวลาไหนก็ตามให้คนในโลกยุคปัจจุบันอย่างนางมาคุกเข่า สู้สับเข่าของนางโดยตรงเลยเสียจะดีกว่า

“เจ้า!” องค์หญิงหลิงหยุนโมโหจนตัวสั่น

“เจ้าอะไรเจ้า หากท่านอยากจะคุกเข่าต่อหน้าข้า ข้าไม่ห้ามท่านแน่นอน หากไม่มีธุระอะไรแล้วก็รีบไปให้พ้นซะ”

คนที่มีเจตนาไม่ดีต่อตนเอง เย่จายซิงไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว ตาต่อตาฟันต่อฟันเสมอมาอยู่แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา