บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 74

หลงเฟยหลีหยุดมอง ภายใต้แสงที่มืดสลัว ดวงตาสีดำของสาวน้อยเป็นระยับราวกับดวงดาวเต็มท้องฟ้า เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลัง

แสงในดวงตา เกือบจะจี้ดวงตาอสูรที่เดินอยู่ในความมืดมาหลายปี

เขาเก็บสายตา แสยะยิ้มแล้วพูดว่า :

“อย่างนั้นหรือ เจ้าจะถอนพิษข้าอย่างไร?”

มีพิษที่ซับซ้อนกว่าสิบชนิด ประสานตัวกัน กลายเป็นสารพิษที่น่ากลัวยิ่งขึ้น เลือดของเขาที่หยดลงไปในบ่อน้ำ สามารถฆ่าคนทั้งหมู่บ้านได้เลย เขาชินกับการถูกสารพิษทรมาน ไม่เห็นตะวันและจันทรา กระทั่งไม่เห็นแสงสว่าง เหมือนหนูที่อยู่ในท่อระบายน้ำ ไม่เคยมุ่งมาดว่าจะถอนพิษได้ แม้โลหิตหงส์แท้ของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าจะมีคุณอนันต์ แต่ก็ไม่สามารถถอนพิษทั้งหมดให้เขาได้

เขารู้สึกว่านางทำเพื่อเอาตัวรอด จึงแกล้งโกหกเขา

“โอสถทิพย์ยาสะเดาะเคราะห์ขั้นหกหนึ่งเม็ดสามารถถอนพิษเจ้าได้ครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเพียงแค่ให้ตัวที่ถูกต้องก็จะค่อยๆ ถอนได้

เย่จายซิงจับจ้องมองดูเขา พูดอย่างแน่วแน่

“เจ้ารู้มั๊ยว่าเจ้าพูดอะไรอยู่?”

สายตาหลงเฟยหลีเย้ยหยัน : “ยาสะเดาะเคราะห์ เป็นโอสถทิพย์ขั้นหกที่กลั่นยากที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้าให้อาจารย์กลั่นโอสถขั้นเจ็ดกลั่นก็ยังกลั่นไม่ได้ เจ้าคิดว่าคนที่ไม่ได้ฝึกฌานมาแม้แต่นิดเดียวอย่างเจ้าจะกลั่นได้อย่างนั้นหรือ? เจ้าเห็นข้ามีปัญหาตรงนี้หรือไง?”

เขาใช้นิ้วมือที่ขาวเรียวยาวเคาะไปที่ศีรษะตัวเอง หางตาที่เชิดขึ้นเต็มไปด้วยเสน่ห์ท่วมท้น แต่จิตสังหารกลับแผ่ซ่าน

เย่จายซิงที่อยู่ใต้จิตสังหารของเขา รู้สึกได้เพียงเลือดลมสูบฉีดแรงขึ้น แน่นหน้าอก เกร็งลำคอ หายใจขัด

เป๊าะ!

อยู่ ๆ นางก็ดีดนิ้ว

เปลวไฟที่ร้อนเริงระบำอยู่ที่นิ้วมือของนาง

“เพลิงพิลึกขั้นหก !”

สีหน้าของหลงเฟยหลีฉายถึงความไม่น่าเชื่อ จิตสังหารหายไป พูดอย่างคาดไม่ถึงว่า :

“เจ้าไม่เคยฝึกฌานเลย แต่กลับทำปฏิกิริยาไฟพิลึกขั้นหกได้ ช่างเหนือความคาดหมายของข้าจริง ๆ ”

จำได้ว่า หลายปีก่อนที่เขาบังคับอาจารย์กลั่นโอสถทิพย์ขั้นเจ็ดมา แต่ทำปฏิกิริยาเพลิงพิลึกขั้นสี่ได้เท่านั้น ทั้งที่ไม่ใช่หาเพลิงพิลึกขั้นสูงกว่านี้ไม่ได้ ทว่าไม่กล้าทำปฏิกิริยาสุ่มสี่สุ่มห้า

ในฐานะเป็นอาจารย์กลั่นโอสถทิพย์ แน่นอนระดับเพลิงยิ่งสูงก็ยิ่งดี คุณภาพโอสถทิพย์ที่กลั่นออกมาก็ยิ่งดีด้วย

แต่ปัญหาคือเพลิงพิลึกอันตรายมาก ยากที่จะทำปฏิกิริยา ไม่รู้ว่ามีอาจารย์กลั่นโอสถทิพย์ตายจากการอมเพลิงพิลึกไปแล้วกี่ราย สุดท้ายเหลือไว้เพียงขี้เถ้ากำมือเดียว

สาวน้อยที่ไม่เคยฝึกฌาน กลับมีเพลิงพิลึกขั้นหกอยู่ในกาย เมื่อมองดูเปลวเพลิงที่เปลี่ยนรูปเป็นลักษณะต่าง ๆ บนนิ้วมือที่เรียวเล็กของนาง มุมปากของหลงเฟยหลีก็ฉีกขึ้น

เขาไม่รู้เลยว่า แมวป่าน้อยที่เขาจับกลับมา มีความน่าประหลาดใจเช่นนี้

“ข้าเป็นอาจารย์กลั่นโอสถขั้นหก สิ่งที่เจ้าไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี แม้ข้าจะไม่ได้ฝึกฌาน แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการเป็นอาจารย์กลั่นโอสถทำปฏิกิริยาเพลิงพิลึก”

เย่จายซิงเก็บเพลิงพิลึกในมือ หยิบยาเลี้ยงจิตขั้นหกที่นางกลั่นไว้เมื่อก่อนออกมาหนึ่งเม็ด

“นี่เป็นโอสถทิพย์ที่ข้ากลั่นเอง เจ้าดูคุณภาพก่อนแล้วค่อยใคร่ครวญว่าจะเชื่อข้าหรือไม่”

โอสถทิพย์สีครามของนางส่องประกายระยิบระยับ พอจมูกเขาขยับ ก็รู้ได้ว่าโอสถทิพย์เม็ดนี้ประกอบด้วยตัวยาอะไรบ้าง ยาเลี้ยงจิตขั้นหก เป็นโอสถขั้นสูงที่ช่วยให้ดวงจิตเสถียรป้องกันธาตุไฟเข้าแทรกปีศาจ

ในโอสถทิพย์ไม่มีสิ่งเจือปนอื่น ใสกระจ่างไร้มลทิน คุณภาพดีกว่าโอสถทิพย์ขั้นหกใด ๆ ที่เขาเคยเห็น

“ได้ ข้าเชื่อเจ้า แล้วเจ้าคิดว่า ข้าต้องให้เวลาเจ้านานเท่าไหร่ถึงพอ?”

หลิงเฟยหลีหลี่หางตายาวมองดูนาง

“ขอแค่เจ้าเอาตัวยายาสะเดาะเคราะห์ออกมาได้ ข้าก็กลั่นให้ท่านได้ตอนนี้ อย่างมาก ก็ใช้เวลาหนึ่งวัน”

นางตอบกลับ ที่จริงนางมีตัวยายาสะเดาะเคราะห์อยู่ แต่ยาทิพย์ที่ล้ำค่าเหล่านั้นนางไม่นำออกมาหรอก ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียเปรียบเขา

อีกอย่างเขาบอกว่าเขาเคยหาอาจารย์กลั่นโอสถทิพย์ขั้นเจ็ดมากลั่นยาสะเดาะเคราะห์ แสดงว่าในตัวเขามีตัวยาทิพย์ที่เกี่ยวข้อง

“วันเดียว?”

หลงเฟยหลีหัวเราะหึ ๆ ท่าทางเหมือนจะไม่คำพูดของนาง

เขาเดินนำหน้า ให้นางเดินตามหลัง

น้ำเสียงของเขาเปี่ยด้วยความไม่ชอบใจ อารมณ์อันตรายพลุ่งพล่านในดวงตามารสีแดงก่ำ

เย่จายซิงไม่พูดอะไร ได้แต่ใช้สายตาที่ไม่ตระหนกมองกลับเขา พอเขาปล่อยมือ คางของนางก็ถูกบีบจนแดงระเรื่อ ปานกระดูกจะแตกอย่างนั้น

เขาสลัดแขนเสื้อเดินไปไม่เหลียวกลับ ประตูถูกเขาวางม่านอาคมหนาแน่นเอาไว้หนึ่งชั้น

แม้เข้าจะไม่พูดอะไร แต่เย่จายซิงกลับยิ้มเล็กน้อย นางเดิมพันถูกต้องแล้ว

นางคลำคางที่เจ็บ เปล่งเสียง “ซี๊ด” เบา ๆ แต่ไม่มีโอสถทิพย์ที่บรรเทาอาการปวด ความเจ็บปวดเช่นนี้อยู่ในขอบเขตที่ทนได้ ความเจ็บปวดที่เหมาะสมทำให้นางยิ่งรวบรวมสมาธิได้ดี

นางนำเตากลั่นโอสถออกมา เริ่มกลั่น ยาสะเดาะเคราะห์

……

ณ ใจกลางพระราชวัง

มารหนูโส่วเหล่าซานคุกเข่าสั่นงันงกอยู่ที่พื้น แอบดูหลงเฟยหลีที่นั่งด้วยท่าทางขี้เกียจ เขารู้ดีว่า ชายผู้นี้ยิ่งทำตัวง่าย ๆ ก็ยิ่งอันตราย

ตัวเองปล่อยให้สาวน้อยผู้นั้นหนีไปได้ เรียกได้ว่าทำผิดอย่างใหญ่หลวง และไม่รู้ว่าวิธีตายอย่างอนาถแบบไหนที่รอเขาอยู่

“เจ้าถนัดค่ายกลหลอนจิตที่สุด?”

ทันใดนั้น ชายหนุ่มถามเขา

เหนือความคาดหมายที่ไม่ฆ่าเขา?

ใบหน้าโส่วเหล่าซานเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อพยักหน้ากันติด ๆ :

“ใช่ ๆๆ ใช่ขอรับ ตอนนั้นข้าน้อยแอบฝึกค่ายกลหลอนจิตในห้องฝึกพญามาร หลายปีมานี้น้อยคนนักที่จะหนีรอดค่ายกลหลอนจิตของข้าน้อยได้

“ดีมาก เจ้าไปตั้งค่ายกลที่ข้างนอก ขังชายที่อยู่ข้างนอกให้ตายในค่ายกลหลอนจิต ถ้าทำดี ข้าจะตกรางวัลใหญ่”

แค่ใช้ค่ายกลหลอนจิตเท่านั้นเอง ไม่ได้ลงมือทำร้ายชายผู้นั้นด้วยตัวเองเสียหน่อย ถือว่ารักษาคำพูดแล้วสินะ

หลงเฟยหลียิ้มเยาะที่มุมปาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา