หลงเฟยหลีไม่ปล่อยตัวนางอย่างที่เย่จายซิงคิด. แต่กลับสร้างม่านอาคมขึ้นมาใหม่ ขังนางไว้ตำหนักด้านข้างที่ใช้กลั่นยา
ซึ่งเหนือความคาดหมายของนาง ว่าตามหลักแล้วเขาต้องการนางสนองยาสะเดาะเคราะห์ให้เขาต่อไปก็ควรจะปล่อยตัวนาง แต่เขากลับหน้าดำคร่ำเครียดขังนางเอาไว้ ซึ่งไร้เหตุผล
นางเดินวนไปเวียนมาอยู่ในตำหนักข้างหาหนทางรับมือ
ซึ่งนางได้ใช้ความตายมาข่มขู่เขาแล้ว ตอนนั้นเขาเองก็คลายท่าทางลง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาเห็นสายตาของนางก็รู้สึกประหลาด กระทั่งสับสน นางเองก็บอกไม่ถูกว่าสายตาของเขาสื่อความหมายอันใด
“นี่ หลงเฟยหลี ข้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฌาน ไม่ให้กินอะไรนานแบบนี้ อยากให้ข้าตายหรือยังไง?”
นางตะโกนผ่านม่านอาคม
ไม่มีเสียงใด ๆ ตอบกลับในความมืด นางตะโกนอยู่ไม่กี่ครั้งก็หยุดตะโกน นางจะทดสอบเขา เขาต้องได้ยินแน่นอน
เมื่อรออยู่ครึ่งชั่วยาม มารหนูโส่วเหล่าซานถือถาดเข้ามา
ม่านอาคมหายไป เขาเดินเข้ามาเอาอาหารวางบนโต๊ะ ใช้สายตาประหลาดใจมองเย่จายซิง
“รีบกินสิ นี่ข้าไปหาสัตว์ปีกจากข้างนอกมาให้เจ้าเองเลยนะ ใช้วิธีเอาดินห่อแล้วย่างแบบมนุษย์อย่างพวกเจ้า
กลิ่นหอมแตะจมูก ดมแล้วท่าทางอร่อยน่าดู”
เย่จายซิงฉายแววตาด้วยความประหลาดใจ ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า : “หลงเฟยหลีเป็นคนย่างเองเลยเหรอ? ถ้าไม่ใช่เขาย่างข้าก็ไม่กิน!”
“เจ้าจะบ้าเหรอไง พระองค์เป็นใคร ถึงจะมาย่างให้เจ้ากิน!”
โส่วเหล่าซานพูดเสียงแหลมด้วยสัญชาตญาณ ในสายตาเต็มไปด้วยคำว่า “ไม่รู้ดีชั่ว” สี่คำนี้
พระองค์ไปเอาสัตว์ปีกมาให้นาง นี่เป็นประวัติการณ์ครั้งแรก แล้วยังคิดจะให้พระองค์ย่างให้นางอีก นางช่างกล้าคิดได้จริง ๆ
แล้วยังกล้าเรียกพระนามของพระองค์ ช่างบังอาจนัก
“อย่างนั้นเจ้ายกออกไปเถอะ ข้าไม่กิน”
นางพูดด้วยความเย็นชา นั่งหันหลังให้เขา
โส่วเหล่าซานโมโหจนกัดฟันกรอด ๆ อีกทั้งไม่เข้าใจว่าพระองค์คิดยังไงกับนาง จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่กลับไปรายงานภารกิจ
“ไม่กินก็ปล่อยให้นางหิวตาย !”
ณ ใจกลางท้องพระโรง หลงเฟยหลียิ้มเยาะ สะบัดชายเสื้อปัดอาหารที่ย่างลงบนพื้น กราดสายตามอง นางไม่ยอมอ่อนข้อ
โส่วเหล่าซานคิดในใจว่า ท่าทางพระองค์จะทรงเกลียดนางอัปลักษณ์ผู้นั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จึงหาอาหารมาให้นาง
ไม่ว่าแม่สาวน้อยนั่นจะทำยังไง พระองค์คงไม่ยอมให้นางกินอะไรแล้วแน่ นางคงหิวตายก็คราวนี้
ด้วยฐานันดรของพระองค์ จะไปย่างอาหารให้นางกินได้อย่างไร?
“เจ้าไปจับตาดูชายผู้นั้นเอาไว้ หากเขาเข้ามาได้ ข้าจะตัดหัวเจ้า !”
หลงเฟงหลีใช้สายตาเย็นชากวาดไปทั่วร่างเขา
“พ่ะย่ะค่ะ ๆๆ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้ รับรองจะไม่ให้เขาหนีออกมาได้ !”
โส่วเหล่าซานตกใจจนรีบเดินออกมา
ทว่าเขาไม่ได้กลัวว่าชายที่อยู่ข้างนอกผู้นั้นจะหนีไป นับตั้งแต่เขาเข้าไปในค่ายกลหลอนจิต ก็ไม่ขยับตัวอีกเลย คิดว่าอาจจะบาดเจ็บสาหัส ไม่ก็เห็นค่ายกลนี้ร้ายกาจจนสิ้นหวัง
สิ่งที่เขากลัวคือพระองค์จะพิโรธจนมาลงที่เขา
พอโส่วเหล่าซานไป หลงเฟยหลีก็ลุกขึ้น
เขาเอาแขนไพล่หลัง ส่งจิตไปยังตำหนักด้านข้าง เย่จายซิงยืนนั่งกอดอกพิงประตู เห็นเงาด้านหลังที่ผอมบ้างแข็งกร้าว
“ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวที่บังอาจเช่นนี้มาก่อน !”
เขาขมวดคิ้วที่เรียวงามของเขา ดวงตาผลท้อเรียวยาวฉายแววจำใจเลี่ยงไม่ได้ ส่ายหน้าเล็กน้อย ม้วนชายเสื้อขึ้น
เย่จายซิงท้องร้องโครกคราก หิวจนหน้ามืด
“นายหญิง กินอะไรสักหน่อยเถอะ ไม่ก็กินยาที่ทำให้อิ่มท้องสักเม็ดก็ยังดี”
เจ้าไป๋พูดกับนางในช่องว่างเวลา
“จะเล่นละครต้องเล่นให้ถึงที่สุด ข้าจะทดสอบว่าเขามีท่าทียังไงกับข้า ข้ารู้สึกว่าสายตาที่เขามองข้าดูแปลก ๆ ” นางกล่าว
“เจ้าไป๋ เลือดของข้าคือโลหิตหงส์บริสุทธิ์เช่นนั้นหรือ?”
นางหันกลับมา ข้างหลังว่างเปล่าไม่มีคน แต่บนโต๊ะที่ว่างเปล่า กลับมีถาดอาหารมากมาย มีใบไม้ห่ออาหารเอาไว้
“ข้าไม่กิน !ข้าจะกินแต่ที่หลังเฟยหลีย่าง โส่วเหล่าซาน เจ้ายกออกไปเถอะ !”
นางลูบท้อง แกล้งทำเป็นพูด
“นี่ข้าเป็นคนย่างเอง เจ้ากล้านักก็จงกิน ข้าได้โรยผลพิษร้ายแรงเอาไว้ กินเสร็จเจ้าก็สู้ยมโลกได้เลย”
เสียงยั่วเย้าเย็นชาดังลอยมาในอากาศ ใบหน้าหล่อเหลาในความมืดของหลงเฟยหลียิ่งมืดมนแต่กลับชวนให้หลงใหล เข้าจ้องดูนาง ว่านางจะกล้ากินหรือไม่
เย่จายซิงเดินตรงเข้าไป คลี่ใบไม้ที่ร้อนออก กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ปีกข้างในโชยออกมา มีสีเหลืองทอง สุกกำลังดี
นางฉีกขานกข้างหนึ่ง บรรจงกินอย่างเรียบร้อย
“อร่อยจริง ๆ หลงเฟยหลี เจ้าไม่ทำครัวนี่เสียดายตายเลย ถ้าเจ้าเปิดภัตตาคารในเฉินตูสักแห่ง กิจการต้องรุ่งเป็นพลุแตกแน่”
“เจ้าไม่กลัวข้าวางยาเจ้าเหรอ?”
หลงเฟยหลีปรากฏกายขึ้นพูดอย่างเนิบ ๆ
“วางยาพิษข้าตาย แล้วใครจะกลั่นยาสะเดาะเคราะห์ให้เจ้าล่ะ ข้ารู้ว่าเจ้าปากอย่างใจอย่าง”
นางเงยหน้า ฉีกยิ้มให้เขา นัยน์ตาสีดำดุจดั่งจันทร์เสี้ยว
“ปล่อยข้าไปเถอะ หลงเฟยหลี”
เข้าเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้นาง นัยน์ตาแดงก่ำชั่วร้ายไร้เทียมทาน :
“ข้าอุตส่าห์ได้พบแมวป่าน้อยตัวหนึ่งที่น่าสนใจ แล้วคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปเหรอ? ข้าจะให้เจ้าอยู่ข้างกายข้า จนถอนพิษหมด พอข้าเบื่อ ก็จะปล่อยเจ้าไป”
เนื้อที่อยู่ในมือของเย่จายซิงตกลงบนโต๊ะ
เรื่องราวเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ช่างต่างจากที่นางคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง !
นางนึกว่าหลงเฟยหลีตามใจนางเพื่อโอสถทิพย์ พอฟังเขาพูดเช่นนี้ คงไม่ใช่ว่าชอบนางเข้าแล้วสินะ?
เป็นไปไม่ได้หรอก ตอนนี้นางเป็นหญิงสาวที่อัปลักษณ์อย่างสิ้นเชิง !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...