บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 95

จวินหยวนดื่มน้ำค้างดอกไม้ทิพย์ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ลมหายใจของเขาราบรื่นเท่านั้น แต่เขาทำให้เขาไอมากขึ้นอีก

เย่จายซิงตกใจเมื่อเห็นดังนั้น และรู้สึกเหมือนกับว่าปอดของเขากำลังจะหลุดออกมา นางเห็นเขายกมือขึ้นเพื่อปิดสีแดงที่มุมปาก

เขากระอักเลือด

“เสด็จอา”

นางรีบเอาผ้าเช็ดหน้าให้เขา แล้วตรวจชีพจรให้เขา

“ข้าไม่เป็นไร น้องซิงไม่ต้องเป็นห่วง”

จวินหยวนโบกมือ แต่แทนที่จะปล่อยให้นางตรวจชีพจร เขากลับจับมือนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้การที่ร่างกายของน้องซิงมีกลิ่นหอมมากขนาดนี้เพราะดื่มน้ำค้างดอกไม้ทิพย์นี่เอง ถ้าข้าดื่มมันทุกวัน ข้าจะมีกลิ่นหอมเหมือนเจ้าหรือไม่?”

นางหลุดขำ “เจ้าเป็นผู้ชาย จะให้ร่างกายหอมไปทำไม กลิ่นหอมของน้ำค้างดอกไม้ทิพย์นี้มีประโยชน์สำหรับผู้หญิงเท่านั้น อย่าเปลี่ยนเรื่อง บอกข้ามา ตอนนี้ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่เป็นไร ข้าเคยบาดเจ็บสาหัสมากกว่านี้ ตอนนี้ข้ายังรู้สึกสบายดี ในอนาคตข้างหน้าข้าจะต้องแต่งงานกับน้องซิง ถ้าเกิดกลายเป็นคนขี้โรค ข้าจะให้ความสุขกับน้องซิงได้อย่างไร”

ความสุข? เขาหมายถึงจุดสุดยอดกระมัง

เย่จายซิงรีบเอ่ย

“เสด็จอา ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้ว่าเจ้าก็มีช่วงเวลาที่ปากลามกแบบนี้กับเขาด้วย ช่างไม่เห็นแก่หน้าตาตัวเองเลย”

นางยืนขึ้นและพูดว่า

“เจ้ากระอักเลือด อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นตอนเจ้ากลืนเข้าไป เจ้าไม่ต้องซ่อน เจ้าควรจะรู้ว่าข้าเป็นนักกลั่นยา และข้าสามารถกลั่นยารักษาเจ้าได้ อายุขัยที่เจ้าสูญเสียไป พอข้ากลายเป็นนักกลั่นยาระดับเทพ ข้าก็จะสามารถกลั่นยาเซียนช่วยเจ้าซื้ออายุขัยได้”

“ข้าย่อมรู้ว่าน้องซิงนั้นต่างจากคนอื่น ข้าจะรอเจ้ากลั่นยาเซียนให้ข้า ตอนนี้ข้าแค่เลือดลมพลุ่งพล่านเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ เจ้าก็ตวรชีพจรข้าได้”

จวินหยวนยื่นมือออกไป

เย่จายซิงรับตรวจชีพจรให้เขาทันที และพบว่าเป็นอย่างที่เขาพูด อีกอย่างอาการบาดเจ็บของเขาก็หายไปไม่น้อย

เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็สบายใจแล้วกล่าวว่า

“หลังจากกลับไป ข้าจะดูแลร่างกายของเจ้าอย่างดี จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อนเวลาฝึกตนมาถึง”

จวินหยวนยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า

“ได้”

ใบหน้าคมของเขามีความงามที่เกิดจากความอ่อนล้าและซีดเผือดแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

เย่จายซิงรู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าความงามนั้นทำให้คนเข้าใจผิดจริงๆ

“ประตูเมืองเปิดหรือยัง?”

จวินหยวนรีบถามออกมาทันที

“เปิดแล้ว แต่อย่าเพิ่งรีบกลับเลย รอรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อนค่อยขยับตัว” นางกล่าว

“เมืองซางหยูจะอยู่นานไม่ได้ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งทิ้งเบาะแสเอาไว้มากเท่านั้น ร่างกายข้าปกติดี จะไม่ส่งผลต่อการเดินทาง ถ้าน้องซิงเป็นห่วงจริงๆ เช่นนั้นก็เปลี่ยนเส้นทางไปที่นครจิงเหลยที่นั่นมีค่ายกลขนส่งไปเมืองหลวงได้”

เขาหยิบแผนที่อาณาจักรเทียนหย้าออกมา ชี้ไปที่แคว้นหงส์แดง และบอกตำแหน่งของนครจิงเหลยกับนาง

อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซางหยู ใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งวัน

“ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไปนครจิงเหลยกันเถอะ”

ทั้งสองปลอมตัวแล้วออกจากเมืองไป ไม่ได้นั่งกิเลนออกมา เพราะมันเด่นเกินไป พวกเขาขึ้นเรือวิญญาณแล้วบินไปนครจิงเหลยพร้อมกับกลุ่มคน

เรือวิญญาณเป็นเครื่องมือที่ใช้กันทั่วไปใลก แบ่งออกเป็นสามประเภทคือใหญ่ กลาง และเล็ก ยิ่งเรือเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งบินได้เร็ว รับผู้โดยสารได้น้อยและแพงที่สุด คนทั่วไปส่วนใหญ่ซื้อไม่ได้

แต่เมื่อหมื่นปีก่อน การเดินทางในโลกฝึกตนนั้นสะดวกมาก เพราะมีค่ายกลขนส่ง

ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วัสดุที่สำคัญที่สุดในการสร้างค่ายกลที่เรียกว่าสารโชนเพลิงได้หายไปในเมืองเทียนเหย้า เมื่อไม่มีสารโชนเพลิง ค่ายกลขนส่งก็สร้างไม่ได้ และไม่สามารถซ่อมแซมค่ายกลเดิมได้

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปค่ายกลขนส่งในอาณาจักรต่างๆ ก็เริ่มลดน้อยลง

“น้องซิง คืนนี้เจ้าจะอยู่ที่จวนข้า หรือไปพักในโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้าม?”

“ข้าก็ต้องกลับไปที่โรงเตี๊ยม!”

นางตอบไปด้วยความเคยชิน แล้วโบกมืออีกครั้ง “ช่างเถอะ คืนนี้ข้าจะอยู่ดูแลเจ้าเอง ข้าไม่ค่อยวางใจเรื่องร่างกายของเจ้า…”

จวินหยวนจับผมของนาง ก่อนจะเอ่ยหยอกล้อ “ถ้าน้องซิงให้ข้ากอด อาการป่วยของข้าก็จะดีขึ้นเร็วมาก”

“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ทำไมเจ้าถึงคิดแต่เรื่องนี้ทั้งวัน!”

นางปัดมือเขาพร้อมบ่น

“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหญิงอันเป็นที่รัก ไม่คิดเรื่องพวกนี้ก็คงไม่ใช่บุรุษทั่วไป”

เขากระแอมเบาๆ และพูดกับนางอีกว่า “น้องซิงควรจะกลับไป เพราะข้าเกรงว่าจะทนไม่ได้...”

คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่จายซิงหน้าแดง เหตุใดเขาถึงได้หนักข้อขึ้นทุกวัน

“ลั่วกูหยุนกลับมาเมืองหลวงแล้ว และเขาจะรักษาบาดแผลให้ข้า ตอนกลางวันเจ้าค่อยมา น้องซิงเชื่อฟังข้าเถอะ”

เสียงต่ำของเขามีความอดทนและอ่อนโยน

เมื่อเสียงของเขาจบลง เสียงไร้กังวลของลั่วกูหยุนก็ดังขึ้นมา และไม่รู้ว่ากำลังบ่นเรื่องอะไร

ทักษะทางการแพทย์ของลั่วกู่หยุนนั้นดีจริงๆ และเขาเป็นแพทย์อัจฉริยะและนักกลั่นยาในท้องถิ่น เขาน่าจะคิดวิธีรักษาอาการบาดเจ็บของจวินหยวนได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่จายซิงก็พยักหน้าและไม่ยืนอยู่ตรงนั้นอีก

จวินหยวนพานางไปทานอาหารเย็นก่อน จากนั้นก็ไปส่งนางที่โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้าม

ทันทีที่นางจากไป จวินหยวนก็ไออย่างรุนแรง เลือดสีแดงก็หยดจากมุมปากของเขา

“โม่เสิ่นยวน เจ้าบอกว่าเจ้า เป็นเซ่าตี้ เหตุใดถึงทำให้ตัวเองดูน่าสังเวชขนาดนี้”

ลั่วกูหยุนส่งเสียงจิจ๊ะ และรีบยกกล่องยาเดินเข้าไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา