บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 96

“เจ้ากินยาต้องห้ามสองเม็ดเพื่อเพิ่มวรยุทธอย่างนั้นรึ?!”

ลั่วกูหยุนหน้าเขียวคล้ำ

เขายังไม่ได้ตรวจร่างกายของจวินหยวน มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ของเขาดูไม่ดี

แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกินยาต้องห้ามสองเม็ดอย่างไม่คิดชีวิต น้ำเสียงสุขุมราบเรียบนั่น คล้ายกับกินเพียงถั่วเคลือบน้ำตาลก็ไม่ปาน

ช่างไม่ห่วงร่างกายตนเองเอาเสียเลย

“ข้าจะตรวจอาการให้เจ้าก่อนแล้วกัน การฝืนเพิ่มวรยุทธสองครั้ง จะทำลายอายุขัยอย่าง

ไม่อาจหลีกเลี่ยง เจ้ากระอักเลือดเป็นอะไรหรือ อาการบาดเจ็บภายในสาหัสเกินไปหรือไม่? ”

ลั่วกูหยุนนิ่วหน้า กำลังจะตรวจร่างกายให้เขา

“ไม่ต้อง”

จวินหยวนห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ :

“ข้าให้เจ้ามา เพื่อให้มาช่วยข้ายับยั้งพิษกู่ เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องยุ่ง”

“เจ้าโดนกู่ตั้งแต่เมื่อไร? ใช่ครั้งที่ไปเทือกเขาอัสดงหรือไม่? ”

สีหน้าของลั่วกูหยุนเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

ด้วยคุณสมบัติร่างกายของเขา กู่ไม่สามารถเฉียดใกล้ได้ เว้นแต่จะเป็นราชากู่

“สิบหกปีก่อน ราชากู่ไหมน้ำแข็ง”

จวินหยวนสีหน้านิ่งเรียบ น้ำเสียงไร้การสะทกสะท้านใดๆ

ลั่วกูหยุนสะดุ้งตกใจทันใด ความไม่อยากเชื่อเต็มเปี่ยมอยู่ในแววตา

สิบหกปีก่อน?

สิบหกปีก่อนเขาเพิ่งอายุหกขวบเองนิ!

ถูกพิษราชากู่ไหมน้ำแข็งที่ร้ายแรงที่สุดตอนหกขวบ แล้วยังสามารถรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้อย่างนั้นหรือ?

คนธรรมดาคงสิ้นใจไปนานแล้ว ไม่แน่ว่าแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลือสักชิ้น

ไหมน้ำแข็งสามคำนี้ฟังดูไพเราะ ทว่าแท้จริงแล้วพิษร้ายแรงเป็นที่สุด เมื่อคนมากมายถูกพิษจนสิ้นชีพ ทั้งร่างจะถูกกู่พันจนกลายเป็นดักแด้ กู่จะค่อยๆ กัดกินร่างกายไปจนถึงไขกระดูก

ร่างกายจอมยุทธของจวินหยวนเช่นนี้ กู่นั้นโปรดปรานเป็นที่สุด สุดท้ายกระดูกทั้งหมดจะค่อยๆ ถูกกัดแทะไปจนไม่เหลือหลอ

ราวกับรู้ความในใจของเขา จวินหยวนเอ่ยเรียบๆ ว่า:

“โลหิตมังกรแท้ในกายข้าคอยควบคุมราชากู่มาตลอด มีเพียงวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้นพิษถึงจะกำเริบ บาดเจ็บครั้งนี้ โลหิตมังกรแท้เยียวยาอาการบาดเจ็บแทนข้า ราชากู่จึงถือโอกาสกำเริบขึ้น เลยยากจะควบคุม”

ลั่วกูหยุนถึงบางอ้อทันที มิน่าเล่าหลายปีที่ผ่านมาตนถึงไม่รู้ว่าในร่างของเขามีราชากู่ ที่แท้ก็เป็นเพราะโลหิตมังกรแท้นี่เอง

เขาขมวดคิ้ว:

“ต่อให้ยับยั้งไว้ ราชากู่ก็จะเร่งเวลากำเริบพิษของเจ้า สิ่งที่เจ้าต้องรีบทำในตอนนี้ ก็คือสังหารราชากู่สะ!”

“ราชากู่เผ่าโฮ่วาน ฆ่าได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือ”

บนใบหน้าของจวินหยวนเผยแววประชดประชันที่พบเห็นได้ยาก

เผ่าโฮ่วาน?

ฮองเฮาคนปัจจุบันของแคว้นเทพมังกรไม่ใช่นักบุญหญิงเผ่าโฮ่วานหรอกหรือ?

แม้ลั่วกูหยุนจะรู้นานแล้วว่าจวินหยวนไม่ถูกกับมารดาเลี้ยงของเขา แต่กลับไม่รู้ว่า สตรีนางนั้นจะใส่ราชากู่ไหมน้ำแข็งเข้าไปในร่างของจวินหยวนตั้งแต่สิบหกปีที่แล้ว!

“นังแพศยาจอมปลอม!”

ลั่วกูหยุนสบถด่าเสียงต่ำ

ต้องทราบก่อนว่าที่แคว้นเทพมังกร ฮองเฮาได้รับความรักและการยกย่องจากผู้คนพอสมควร ใครๆ ต่างก็ชื่นชมนางว่าโฉมงามใจดี เป็นมารดาของแผ่นดิน กลับไม่รู้ว่าฉากหลังนางจะเป็นคนชั่วร้ายเช่นนี้

เสี่ยวยู่ยังไม่ออกมาเลยสักครั้ง บำเพ็ญตบะอยู่ตลอดเลยอย่างนั้นหรือ?

นางไม่คิดว่าเขาจะมุ่งมั่นถึงเพียงนี้ ในใจจึงอดปลาบปลื้มไม่ได้

เสี่ยวยู่กินยานิพพานไปแล้ว ฟื้นฟูวรยุทธของตนอย่างขันแข็ง ปรารถนาจะลบล้างความอัปยศที่เคยมี แสดงว่าเขาได้ฟื้นคืนจิตวิญญาณการต่อสู้กลับมาแล้ว นี่เป็นเรื่องดี

ไป๋จู๋วยังสาธยายอีกมากมาย เช่นว่าเหยียนฮั๋วกวงมาดูหมิ่นดูแคลน เช่นว่าองค์หญิงฉายเวยประสงค์จะพบนายน้อย คิดว่านายน้อยถือตนไม่อยากเจอนาง จึงรู้สึกสิ้นหวังและอีกต่างๆ นานา พูดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน

เย่จายซิงค้นพบในที่สุดว่า แม่สาวใช้ร่าเริงกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ได้มีนิสัยก้มหน้าเออออเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว รอยฝีดาษบนใบหน้าก็หายไปแล้วเช่นกัน แปรเปลี่ยนเป็นขาวใสเนียนเกลี้ยง ราวกับเปลี่ยนไปเป็นอีกคน ไม่น่าเล่าอารมณ์ถึงได้เปลี่ยนเป็นสดใสร่าเริง

“วันพรุ่งเจ้าจะได้เห็นนายน้อยของเจ้าเอาชนะเหยียนฮั๋วกวงด้วยตาตนเองแน่ ทางข้าไม่ต้องให้เจ้าคอยรับใช้หรอก ไป๋จู๋วเจ้ารีบไปพักผ่อนเถิด วันพรุ่งพวกเรามาดูการประลองของพวกเขาด้วยกัน”

“เจ้าค่ะ บ่าวไม่รบกวนคุณหนูแล้ว คุณหนูต้องพักผ่อนให้มากๆ นะเจ้าคะ”

ไป๋จู๋วยิ้มสดใสพร้อมถอยร่นออกจากห้องไป

เมื่อไป๋จู๋วออกไป เหยียนเฟิงก็มายืนเฝ้าหน้าประตูห้องของเย่จายชิง

นางเห็นเงาร่างของเหยียนเฟิง ก็พยักหน้า ปิดประตู ก่อนจะเข้าไปยังมิติ เริ่มบำเพ็ญตบะครั้งแรกของนาง

จนถึงตอนนี้ เสี่ยวไป๋ยังตั้งใจนำวิชาฝึกจิตในมิติทั้งหมดออกมา ให้นางเลือกการบำเพ็ญตบะที่ดีที่สุดหนึ่งอย่าง

วิชาบำเพ็ญในมิติมีมากมายหลายแบบ ที่ดีที่สุดคือวิชาระดับสูงสามฐานที่ปรากฏขึ้นหลังจากยกระดับมิติให้สูงขึ้นแล้ว แต่นางไม่ค่อยพอใจนัก

“เสี่ยวไป๋ ข้าอยากฝึกสิ่งนี้”

นางหยิบตำราวิชาเล่มที่อยู่ล่างสุดออกมา บนกระดาษตำราสีเหลืองคร่ำเขียนไว้ว่า “วิชาลิขิตสวรรค์”

“เอ่อ นายหญิง วิชาลิขิตสวรรค์จะว่าดีก็ดีอยู่ แต่มันมีเพียงห้าส่วนแรก ห้าส่วนหลังหายสาบสูญไป สำหรับเศษตำรา ความจริงแล้วนายหญิงไม่จำเป็นต้องเรียนเศษซากนี้หรอก มันจะส่งผลต่อการบำเพ็ญเพียรในอนาคต”

เสี่ยวไป๋พูดกับนาง

“วิชาลิขิตสวรรค์” นี้ อยู่ในมิติมาตั้งแต่แรกเริ่ม ตอนนั้นมิติยังไม่มีการยกระดับเลยสักครั้ง วิชาตกอยู่ตรงริมบ่อน้ำ ถูกทรายกลบอยู่ ดูซอมซ่อเสียยิ่งกว่าอะไร

แม้จะบอกว่านามทรงอำนาจก็จริง แต่เศษซากก็คือเศษซาก แน่นอนว่าสู้วิชาที่สมบูรณ์ไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา