บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 2070

เช้าวันถัดมา ประธานโพ่ขับรถอเนกประสงค์มารับฮ่องเต้ ฮองเฮาและสามใหญ่ด้วยตนเอง ทีแรกผู้จัดการใหญ่บอกว่าจะส่งคนขับรถมา เพราะคิดว่าเป็นครอบครัวของนักเขียนบทหยู่เหวินเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเอิกเกริกขนาดนั้น

คำพูดนี้ทำประธานโพ่โมโหเดือดพลุระเบิดลงทันที บอกว่านักเขียนบทหยู่เหวินนั่นแหละที่เป็นเจ้าของบริษัทที่แท้จริง เขาเข้าทำงานมาตั้งนาน หากเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ก็ไม่ต้องอยู่ต่อแล้ว

ผู้จัดการใหญ่ถูกด่าจนมึน ถึงเขาจะรู้ว่านักเขียนบทหยู่เหวินต้องมีฐานะระดับหนึ่งในบริษัท แต่ประธานโพ่ไม่เคยบอกมาก่อนว่าเขานั่นแหละที่เป็นเจ้าของบริษัทที่แท้จริง

งานนี้ทำต่อไม่ได้แล้วจริงๆ

แต่สภาพเศรษฐกิจไม่ดี ด้วยความสามารถของเขา การได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ประธานโพ่ตาถั่วแล้วจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัทอื่น น่ากลัวว่าจะได้อยู่ตำแหน่งกลางๆ

เขาไปดูความเรียบร้อยที่สถานที่ก่อน พอได้ยินว่าทางนั้นมีญาติมาด้วย ก็ส่งรถไปพร้อมกับประธานโพ่ด้วยตนเอง รับตา ยายและน้าของนักเขียนบทหยู่เหวินมา

เซเว่นอัพไปสถานที่ถ่ายทำเอง เมื่อคืนเขาทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่ได้กลับไปพบพ่อแม่และพวกอู๋ซ่างหวง

โค้กกับข้าวเหนียวนัดมาด้วยกัน พอมาถึงก็เห็นว่าพ่อแม่มาถึงแล้ว พวกเขาเก็บกิริยาหนักแน่นแล้วพุ่งไปกอดแม่

เซเว่นอัพกำลังสนทนากับอาจารย์นักแสดงนำสองคน เมื่อหันกลับไปเห็นว่าครอบครัวของตัวเองมาแล้วก็พูดขึ้นด้วยความดีใจว่า “ผมต้องไปทางนั้นก่อนนะครับ ครอบครัวผมมาแล้ว”

แม่และลูกๆ พูดคุยพร้อมหน้ากัน กระทั่งอู๋ซ่างหวงส่งเสียงหึไม่พอใจ พวกเขาถึงเห็นว่าท่านผู้เฒ่าทั้งหลายก็อยู่ด้วย จึงรีบไปคารวะ

เจ้าห้าเดินเตร่อยู่แถวนี้ นี่คือโรงถ่ายภาพยนตร์ ใหญ่ก็ใหญ่อยู่หรอก แต่จะดูราคาถูกไปหน่อยแล้ว ประกายทองเหล่านี้ดูแล้วเก๊มาก แต่สวีอีอาจจะชอบก็ได้ รู้อย่างนี้พาเขามาด้วยก็ดี

ไม่รู้ว่าเด็กเฒ่านั่นกำลังทำอะไรอยู่ ทำงานกับรัชทายาทหรือเปล่า ลืมกำชับไปเลย ว่าเจ้านี่ต้องถีบสักหน่อย กระตุ้นสักนิด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะซังกะตาย

เมื่อประธานโพ่เห็นอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวจึงรีบเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน “ฝ่าบาท ทอดพระเนตรแล้วดูเป็นอย่างไรบ้าง จัดการพอใช้ได้หรือไม่ พบอาจารย์นักแสดงนำของพวกเราแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”

“ยัง พวกเขาเป็นดาราดังกระมัง พบได้ง่ายๆ หรือ” หยู่เหวินเห้าเอ่ย

“ทำไมจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หากทรงต้องการ กระหม่อมจะพาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ค่อยดีกระมัง” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าถึงตนจะเคยดูละครมาบ้าง และรู้เรื่องโดยรวมของโลกนี้ แต่จะให้สนทนาลึกซึ้งกับคนแปลกหน้า เขาก็ยังไม่สามารถทำได้

จักรพรรดิผู้ชำนาญในการเจรจาพาที กลับกลัวการเข้าสังคมเมื่ออยู่ที่นี่

“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังอยากเชิญพระองค์เป็นดารารับเชิญเลย ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ...” ประธานโพ่หัวเราะอย่างเก้อเขิน หลักๆ เป็นเพราะหากฝ่าบาทสามารถร่วมแสดงภาพยนตร์ที่เขาทำขึ้นได้ นั่นก็จะวิเศษไปเลย

“อ้อ ข้า...เล่นบทอะไรได้หรือ มีบทที่เหมาะสมกับข้าหรือ” หยู่เหวินเห้าถามด้วยความสงสัย หรือก็คือเขามีความสนใจนิดๆ จริงๆ ไม่รู้ว่าหากได้เห็นตัวเองในโทรทัศน์แล้วจะมีความรู้สึกอย่างไร

“มีพ่ะย่ะค่ะ มีแน่นอน” ประธานโพ่ผงกหัวหงึกหงักอย่างกับสากตำครก ต่อให้ไม่มีก็สร้างมันขึ้นมาสิ

“อ้อ บทอะไรหรือ เจ้าลองว่ามาสิ” หยู่เหวินเห้ามองเขายิ้มน้อยๆ “วันหยุดข้ามีไม่มาก จะอยู่ในกองถ่ายนานเกินไปไม่ได้”

ประธานโพ่เค้นสมอง แต่ก็คิดไม่ออกว่าบทอะไรเหมาะที่จะให้เขามาร่วมเล่นแสดงแทรกได้ เพราะตอนนี้บทต่างๆ แทบจะกำหนดหมดแล้ว

ได้แต่เพิ่มตัวละครแล้ว

“เรื่องนี้ กระหม่อมจะกลับไปศึกษาเนื้อเรื่องสักหน่อย แล้วค่อยมาทูลฝ่าบาททีหลังพ่ะย่ะค่ะ” ประธานโพ่เปลี่ยนเรื่องพูดทันที “กระหม่อมจะพาพระองค์เสด็จไปพบอาจารย์นักแสดงนำของพวกเรานะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ ต่อให้ยิ้มน้อยๆ ก็ยังพกพาความกดดันอยู่ดี

ดังนั้นเธอจึงเดินขึ้นหน้าทักทายอย่างระมัดระวัง ตอนจับมือ ฝ่ามือเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ

หยู่เหวินเห้ามองเธอนานพักหนึ่ง นัยน์ตาอ่อนโยนสิบส่วน “ไม่ต้องตื่นเต้น ตั้งใจแสดง เจิ้น(*สรรพนามของฮ่องเต้)...เชื่อว่าเธอจะแสดงได้ดี”

ไม่รู้ว่าอย่างไร พอเห็นเด็กสาวคนนี้แล้ว ก็นึกถึงอานจือหลานสาวของตนเอง อานจืออยู่จวนเจียงเป่ยเป็นส่วนมาก ทุกครั้งที่กลับเมืองหลวงมาพบเขากับเจ้าหยวน ใบหน้ามักพกพาความระมัดระวังในแบบเดียวกันนี้

เมื่อได้รับกำลังใจจากผู้ลงทุน เธอก็ลอบโล่งอก เผยรอยยิ้มสวย ขอบคุณอาจารย์หยู่เหวินที่ให้กำลังใจ

อาจารย์หูที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มกับเธอด้วย “สู้ๆ!”

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณอาจารย์หูค่ะ!” โล่เป่าอี้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว ต่อให้ฝันเธอก็ยังไม่เคยคิดว่าจะได้แสดงคู่กับอาจารย์หู

หลังจากสนทนากับพวกเขาครู่หนึ่ง หยู่เหวินเห้าก็ไปกับประธานโพ่ เตรียมพิธีเปิดกองถ่าย

หยู่เหวินเห้าพูดกับประธานโพ่ประโยคหนึ่ง “แม่สาวคนนั้น เจ้าอย่าเอาแต่ว่านางราคาถูก เจ้าช่างไม่เคารพเพศหญิงเอาเสียเลย”

ประธานโพ่อ้อเสียงหนึ่ง “ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เขาหันไปมองโล่เป่าอี้อย่างสงสัยทีหนึ่ง ดูแล้วก็ไม่นับว่าสวย ทำไมฝ่าบาทถึงถูกใจได้

หรือจะสร้างโอกาสให้ฝ่าบาทสักหน่อยดี แต่ที่นี่ไม่ใช่เป่ยถัง จะบอกให้โล่เป่าอี้ไปถวายตัวแบบหุนหัน จะโดนฟ้องไหมนะ

ไม่อย่างนั้นก็ลองหยั่งเชิงดูก่อน? ฝ่าบาทประทับอยู่ข้างนอก อย่างไรก็ต้องมีคนปรนนิบัติกระมัง ไม่เกินไป ฐานที่เขาเป็นประชาชนเป่ยถัง เขาปัดความรับผิดชอบไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน