แม้ว่าเจ้าห้าจะพูดอย่างละเอียดมากแล้ว แต่ท่านหมิงก็ยังคิดว่าถ้าเขาทำแบบนี้ มันจะต่างอะไรกับพวกฮ่องเต้เลอะเลือนที่รักเพียงหญิงงามไม่รักแผ่นดินล่ะ?
การปกครองประเทศ ก็คือการนำพาให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง ประชาชนร่มเย็น ทำให้ประชาชนมีอาหารและเครื่องนุ่งห่มที่เพียงพอ ส่วนของอื่นใดที่นอกเหนือไปจากอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ก็ไม่น่าจะสำคัญอะไรมากมายนักหรอก
ตอนนี้ทำได้ดี ทั้งยังมีความมุ่งมั่นและกำลังวังชาอยู่ สามารถทำให้ดีอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ได้ รักษาสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้เอาไว้ไม่ดีกว่าหรือ? การเปลี่ยนผู้กุมอำนาจมันมีความเสี่ยงมากนะ
หยู่เหวินเห้าบอกเขาว่า มีความเสี่ยงแต่ก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อเปลี่ยนคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ก็เท่ากับการเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ มีโอกาสมากที่มันจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ อีกทั้งตัวเขาเองก็ยังไม่ถือว่าเกษียณออกไปเต็มตัวด้วย
สุดท้าย ท่านหมิงก็พูดว่า: "ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว และอู๋ซ่างหวงก็เห็นด้วย เช่นนั้นพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ แต่เจ้าต้องคอยจับตาให้ดีนะ รัชทายาทยังเด็กมาก"
“เสด็จพ่อวางใจเถอะ ข้าจะคอยจับตาดูแน่นอน” หยู่เหวินเห้าให้คำมั่นสัญญา
สุดท้าย ท่านหมิงก็พูดว่า: "ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว และอู๋ซ่างหวงก็เห็นด้วย เช่นนั้นพ่อก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ แต่เจ้าต้องคอยจับตาให้ดีนะ รัชทายาทยังเด็กมาก"
“เสด็จพ่อวางใจเถอะ ข้าจะคอยจับตาดูแน่นอน” หยู่เหวินเห้าให้คำมั่นสัญญา
ท่านหมิงมองเขา พลางถอนหายใจเฮือก "พ่อไม่เข้าใจการตัดสินใจของเจ้านัก แต่พ่อก็จะสนับสนุนเจ้า เชื่อเจ้า เพราะการที่เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ ย่อมผ่านการชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสียมาแล้วแน่นอน"
เขาไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะสนับสนุน นี่คือทั้งหมดที่เจ้าห้าเข้าใจ
ในใจของเขารู้สึกซาบซึ้ง จำได้ว่าก่อนที่เจ้าหยวนจะกลับมา นางกอดแม่แล้วพูดคำพูดประโยคหนึ่งว่า "หนูรักแม่ค่ะ" เขาได้ยินก็รู้สึกประทับใจมากเหมือนกัน จึงคุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดว่า: "พ่อ ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของท่าน ข้า....."
เขาหยุดชะงักไป พบว่าการจะเอ่ยคำสามคำว่าข้ารักท่านออกจากปาก มันเป็นอะไรที่ยากมากจริง ๆ เหมือนว่าเขาจะพูดได้แค่กับเจ้าหยวนคนเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคุกเข่าแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อกอดเสด็จพ่อ ก่อนจะพูดว่า "ขอบคุณในความไว้เนื้อเชื่อใจของท่าน"
ท่านหมิงไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
แค่ปล่อยให้ลูกชายกอดต่อไปทั้งอย่างนี้
จู่ ๆ ขอบตาก็ถูกคลื่นความร้อนระลอกหนึ่งพุ่งเข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด เขาก็นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ลูกชายเป็นถึงฮ่องเต้ ในช่วงหลายปีมานี้ มันหาได้ยากมากที่เขาจะมีอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้
รอจนพวกเขาสองสามีภรรยาออกไปจากหมู่ตึกเหมย หัวใจของท่านหมิงก็ยังไม่อาจสงบลงได้ ยังคงรู้สึกตื่นเต้นระคนยินดีอยู่ไม่หาย
ฮู่เฟยเห็นว่าเขาเอาแต่ใจลอย จึงคิดไปว่าเขาคงนึกบ่นในใจว่าฮ่องเต้ไม่ได้รั้งอยู่เป็นเพื่อนเขาให้นานกว่านี้ จึงพูดขึ้นว่า: "ฮ่องเต้มีเรื่องสำคัญในราชสำนักต้องรีบสะสาง ท่านโปรดเข้าใจเขาด้วย"
ท่านหมิงหันไปมองฮู่เฟย ในดวงตาเปียกชื้น "ข้าเข้าใจดี ข้าแค่รู้สึกว่าลูกชายคนนี้ ยิ่งนับวันก็ยิ่งทำให้รู้สึกรักใคร่ผูกพันจนยากจะตัดใจแยกจากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว"
เดิมทีฮู่เฟยคิดจะพูดว่าพออายุมากขึ้น ก็มักจะรู้สึกผูกพันจนยากจะตัดใจแยกจากลูกชายเป็นธรรมดา แต่คิด ๆ ไปก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้เขามักจะกังวลเรื่องอายุที่มากขึ้น ดังนั้นนางจึงไม่พูดประโยคนี้ออกมา แค่ยิ้ม ๆ แล้วพูดว่า: "เช่นนั้นวันหลัง ถ้าท่านอยากกลับไปเยี่ยมเยียนพวกเขา หม่อมฉันจะไปกับท่านนะเพคะ"
"อื้ม" ท่านหมิงพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาแค่รู้สึกว่าในใจเหมือนมีพันธะบางอย่างที่ผูกพันกับคนในราชวงศ์อย่างลึกซึ้งกว่าเล็กน้อย เต็มไปด้วยความคิดถึงและยากจะตัดใจแยกจาก
หรือบางทีอาจเป็นเพราะอายุมากแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้เคยรู้สึกว่าหลังได้ออกจากเมืองหลวงมาแล้ว ค่อนข้างเป็นอิสระขึ้นแท้ ๆ
จู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจว่า "ข้าอยากกลับไปอยู่ที่จวนอ๋องซู่ ในฐานะลูกชาย ก็สมควรจะไปอยู่เคียงข้างพ่อตัวเองสักหน่อย ไม่ควรเห็นแก่ตัวเกินไปนัก"
ฮู่เฟยถึงกับตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ๆ "ข้าเกรงว่า ความเคยชินในการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ลองถามอู๋ซ่างหวงดูก่อนเถอะนะเพคะ"
พวกชายชุดดำต่างก็อายุมากแล้ว ทนรับความคับข้องใจแบบนี้ไม่ได้ จึงพากันไปบ่นกับเจ้าดำที่เป็นหัวหน้า
หัวหน้าองครักษ์ชุดดำมองเห็นทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง จึงขอให้พวกเขาอดทนต่ออีกสักสองสามวัน เพราะการใช้ชีวิตที่ลำบากเช่นนี้ เขาไม่สามารถทนอยู่ได้นานนักหรอก นอกจากนี้ก็หาได้ยากที่เขาจะเกิดความกตัญญูแบบนี้ขึ้นมา ก็ช่วย ๆ เติมเต็มความปรารถนาของเขาสักหน่อยแล้วกัน
สามยักษ์ใหญ่ตัดสินใจอ้างว่าป่วยออกไปไม่ไหว วางแผนว่าจะแอบเอาเตาเล็ก ๆ เข้ามาในห้องไว้ทำอะไรกินเอง แต่เมื่อท่านหมิงเห็นว่าพวกเขาไม่ออกมากินข้าว จึงคิดไปว่าคงจะไม่สบาย จึงมาปรนนิบัติดูแลอาการป่วยให้ถึงที่
อาหารที่สามยักษ์ใหญ่เตรียมไว้ในครัวเล็ก ๆ จึงมีอันต้องหยุดชะงักไปทั้งอย่างนั้น ความห่วงใยที่ท่านหมิงค้นพบด้วยมโนธรรมในใจของเขา ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งดึกดื่น ทำให้สามคนนั้นหิวท้องกิ่วเสียจนหน้าอกแทบจะแนบติดกับแผ่นหลังได้อยู่แล้ว สุดท้ายพวกเขาจึงแสร้งทำเป็นหลับเพื่อจะได้ไล่เขาออกไป
ทันทีที่เขาจากไป พวกเขาก็กระโจนเข้าไปในครัว
แต่ในคืนแรก ท่านหมิงยังพอทนเสียงเอะอะอึกทึกเหล่านี้ได้ จนถึงคืนที่สอง เขานอนหลับไปแล้ว แต่ข้างนอกยังคงส่งเสียงเอะอะเซ็งแซ่กันไม่หยุด หลังจากคุยกันไปแค่ครู่เดียว ก็เริ่มทะเลาะกัน แล้วก็ต่อยตีกันให้อุตลุด ส่งเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นจนถึงดึกดื่น
การพักผ่อนของท่านหมิงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นรูปแบบที่ปกติธรรมดามาก มีหรือที่เขาจะทนรับความทรมานแบบนี้ได้? เช้าตรู่วันต่อมา เขาก็ลุกจากที่นอนมาด้วยสองตาที่ดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า อดทนไปจนถึงตอนค่ำ ก็วนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก
ในที่สุด พอถึงวันที่ห้า เขาก็คุกเข่าลงตรงหน้าอู๋ซ่างหวงแล้วบอกว่า เขารู้สึกไม่วางใจที่จะปล่อยให้พวกแมว หมา ไก่ เป็ด วัวกับแกะ อยู่ที่หมู่ตึกเหมยกันตามยถากรรมถึงอย่างไรก็คงต้องกลับไปอยู่ที่นั่น
อู๋ซ่างหวงอาลัยอาวรณ์อย่างยิ่ง ถอนหายใจพลางพูดว่า: "ในเมื่อเลี้ยงไว้แล้ว เจ้าจะทิ้งพวกมันไปโดยไม่ใส่ใจไม่ได้ เจ้ากลับไปเถอะ วันหน้าถ้ามีเวลาว่าง ข้าจะไปนั่งเล่นที่หมู่ตึกเหมย"
ท่านหมิงปากก็พูดว่ายินดีต้อนรับ พอหันหลังได้ก็สั่งให้คนเก็บข้าวของกลับหมู่ตึกเหมยทันที
ตลอดเส้นทางที่กลับไป เขาถอนหายใจไม่หยุด ต่อให้พวกเขาเป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ แต่อย่างไรก็ควรจะรักษาระยะห่างไว้ให้มาก ๆ จะดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...