บทที่ 549 เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ
บทที่ 549 เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ
ตายหรือ?
ราชันผู้ปรีชาราวกับถูกฟ้าผ่า เกิดเสียงหึ่งภายในหัว ขณะพึมพำเสียงสั่นออกมาว่า “ตายแล้ว ฉางเทียนเองก็ตายเช่นกัน มันเป็นไปได้อย่างไรกัน…?”
ผู้อยู่ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งหลายในห้องโถงพากันเงียบและถอนหายใจ ศิษย์คนอื่นเข้าแดนภวังค์ทมิฬได้สำเร็จทั้งหมด แต่บุตรชายของราชันผู้ปรีชากลับเอาชีวิตไปทิ้งในสมรภูมิบรรพกาล เรื่องเช่นนี้เกินจะรับไหว!!!
“เป็นไปไม่ได้! บุตรชายข้ามีความสามารถสูง พละกำลังเหนือใคร ในเมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ สามารถเข้าแดนภวังค์ทมิฬได้ เหตุใดเขาจึงไม่ได้? เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้แน่!” การสูญเสียบุตรชายอันเป็นที่รักทำให้จิตใจของหวงฝู่จิ่งเทียนไม่อาจคิดอะไรได้ตามปกติ เขาคำรามเสียงลั่นออกมา
“พอแล้ว!” จักรพรรดิซ่งคำรามเสียงต่ำ “สาเหตุที่เขาตายล้วนมาจากตัวเขา ทั้งสมคบคิดกับคนนอก ทำร้ายพวกตนเอง คนอกตัญญูเช่นนั้นสมควรตายแล้ว!”
น้ำเสียงเขาดังดั่งฟ้าลั่น ทำเอาทุกคนตื่นกลัว ไม่คิดเลยว่าบุตรชายของราชันผู้ปรีชาจะกระทำความผิดร้ายแรงเช่นนั้นได้
หวงฝู่จิ่งเทียนตกตะลึงด้วยความไม่อยากเชื่อ
จักรพรรดิซ่งเอ่ยเสียงเรียบ “นับจากนี้ไป เจ้าก็อยู่เฝ้าเรือน ปิดประตูบ่มเพาะพลังไปเสียเถอะ! หากกล้าก้าวเท้าออกจากนครหลวงธารสายไหม อย่าโทษหากข้าหักขาเจ้าจนพิการก็แล้วกัน!”
พูดจบ จักรพรรดิซ่งก็สั่งแม่ทัพใหญ่ให้พาราชันผู้ปรีชาซึ่งสิ้นสติออกจากห้องโถงไป
“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องย้ำเตือนทุกคนในวันนี้” จักรพรรดิซ่งลุกขึ้นจากบัลลังก์ช้า ๆ ในขณะที่กวาดสายตามองทุกคนในห้องโถง น้ำเสียงทุ้มเจือแววไร้สงสัย “นับจากนี้ไป ใครที่กล้าล่วงเกินตระกูลเฉินในอาณาเขตราชวงศ์ซ่ง มันผู้นั้นจะถูกสังหารโดยไม่ถามไถ่!”
พูดจบ จิตสังหารหนาแน่นก็กวาดไปทั่วทั้งห้องโถงราวกับลมพายุ ทำเอาทุกคนตกใจจนใบหน้าซีดขาว หายใจไม่ทั่วท้องไปตาม ๆ กัน
ทันใดนั้น ห้องโถงก็ราวตกอยู่ในฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก มันเงียบสนิทและเต็มไปด้วยความเย็นเยียบที่เสียดแทงกระดูก
ในจังหวะที่มองเงาร่างอันสูงส่งของจักรพรรดิซ่งที่ยืนเอามือไพล่หลัง สีหน้าเผยแววสังหารออกมา กระทั่งนักพรตเต๋าหลงเหอ จ้าวจื๋อเหม่ย โม่หลานไห่ และคนอื่น ๆ ที่เกลียดชังเฉินซีเป็นทุนเดิมล้วนหุบปากสนิท และสลัดความแค้นในใจทิ้งไป
พวกเขารู้ดีว่านับแต่วันนี้ไป ตระกูลเฉินจะกลายเป็นตัวตนที่ไม่อาจล่วงเกินได้ในเขตดินแดนทางใต้ กระทั่งทั่วทั้งราชวงศ์ซ่งก็ตาม!
เพราะ…ตระกูลเฉินแห่งดินแดนทางใต้มีเฉินซีอยู่!
ในวันนี้ จักรพรรดิซ่งได้ประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่า ทั้งราชวงศ์จะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองยาวนานถึงร้อยวัน
พร้อมกันนั้น ข่าวเรื่องสมรภูมิบรรพกาลก็แพร่สะพัดไปทั่วแผ่นดินซ่งภายในระยะเวลาสั้น ๆ ราวกับลมพายุ ทำให้ทั่วทุกพื้นที่ในราชวงศ์ต่างพากันตกใจยิ่ง
ผู้บ่มเพาะทั้งหลายที่พอจะรู้เรื่องการทดสอบในสมรภูมิบรรพกาล เมื่อได้ยินข่าวก็ตื่นตะลึง ตื่นเต้น และโห่ร้องยินดีออกมา
เพราะรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นเกียรติยศของทั้งเฉินซีและคนอื่น ๆ เป็นเกียรติยศแห่งราชวงศ์ซ่ง และเป็นเกียรติแด่ผู้บ่มเพาะทุกคนในราชวงศ์ซ่ง!
พวกเขาถึงขนาดจินตนาการได้ว่า เมื่อใดที่ศิษย์ราชวงศ์ซ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงในแดนภวังค์ทมิฬได้ ก็จะสามารถนำผลประโยชน์มากมายกลับมาสู่โลกแห่งการบ่มเพาะของราชวงศ์ซ่งได้อย่างแน่นอน
พวกเขารู้สึกทั้งเคารพและชื่นชมสุดหัวใจ แต่ไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาเลยสักนิดเดียว
เพราะระดับที่เฉินซีกับคนอื่น ๆ ไปถึงนั้นไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจอิจฉาได้
ยังมีคำกล่าวที่ว่า หากมีคนหนึ่งแกร่งกว่าผู้อื่นอยู่สักเล็กน้อย ก็จะถูกคนอื่นริษยาได้ แต่หากแกร่งกว่ามากจนไม่ติดฝุ่น ก็จะได้รับความชื่นชมจากผู้อื่นเสียอย่างนั้น
…
เมืองหมอกสน ดินแดนทางใต้
เมืองหมอกสนในตอนนี้ได้กลายเป็นสถานที่ที่ครึกครื้นที่สุดในดินแดนทางใต้ หรืออาจจะทั่วทั้งราชวงศ์ซ่งก็เป็นได้ ชื่อเสียงของตระกูลเฉินพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด และตอนนี้กำลังเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่งใหญ่ทีเดียว
“อืม หากไม่ใช่เพราะเขาสู้อุตสาหะบ่มเพาะพลังแล้ว มีหรือพี่ใหญ่จะสามารถเก่งกาจ ประสบความสำเร็จได้ถึงขั้นนี้?” เฉินฮ่าวถอนหายใจ สีหน้าดูเหม่อลอยไปสักพักเมื่อนึกย้อนถึงอดีต
“พี่ใหญ่คงลำบากมากเมื่อครั้งอยู่ในสมรภูมิบรรพกาล ที่ตระกูลเฉินของเราประสบความสำเร็จได้ในตอนนี้ก็เป็นเพราะเขา ฉะนั้นพี่ฮ่าว ท่านจะต้องปกป้องตระกูลของเราอย่างขันแข็งเพื่อพี่ใหญ่นะ” เฟยเหลิ่งชุ่ยจ้องผู้เป็นสามีแล้วเอ่ยเสียงเบา
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!” เฉินฮ่าวจับมือเฟยเหลิ่งชุ่ยไว้แน่น ขณะทอดสายตามองไปยังขอบฟ้าไกล พลางพึมพำเสียงเบาออกมา “พี่ใหญ่ โปรดวางใจและทำหน้าที่ของท่านไปเถอะ มีข้าอยู่ที่นี่ไม่มีใครสามารถทำอะไรตระกูลเฉินได้แน่!”
…
ณ เกาะใจกลางทะเลสาบ
ริมทะเลสาบสีเขียวเข้มยังมีเด็กน้อยสองคนต่อสู้กันอยู่ ท่วงท่าว่องไว ดุดัน และน่ากลัวยิ่งนัก ทุกย่างก้าวสั่นสะเทือนถึงพื้นดินจนเกิดรอยแยก เกล็ดทรายปลิวว่อนไปทั่ว
พวกเขาคือเฉินอวี่กับเฉินอันนั่นเอง
สหายน้อยทั้งสองสูงขึ้นอีกนิด และแม้ว่าใบหน้าจะยังคงความเป็นเด็ก แต่ก็เห็นความกล้าหาญปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว อีกทั้งท่วงท่ายังดูสง่างามยิ่ง
ลูกวัวเพิ่งเกิดสองตัวนี้กลับมีอำนาจที่จะกลืนพยัคฆ์ทั้งตัวได้แล้ว!
จี้อวี๋เอนหลังอยู่บนเก้าอี้โยกอย่างเกียจคร้าน นัยน์ตามากประสบการณ์จ้องมองไปที่เด็กน้อยทั้งสอง มุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม
เด็กทั้งสองมีความเฉลียวฉลาดนักและมีพรสวรรค์สูงส่งเช่นกัน ที่หายากคือคนทั้งสองมีความอดทนบ่มเพาะวิชาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ความสามารถเช่นนี้สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์เสียอีก
เรื่องนี้ทำให้จี้อวี๋นึกถึงเฉินซี เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มคนนั้นก็สู้ฝึกฝนไม่ยอมกินไม่ยอมนอน ใช้เวลาทุกจังหวะเพื่อทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้น ที่แตกต่างคงเป็นสภาพแวดล้อมเท่านั้นกระมัง
เมื่อหลายปีก่อน เฉินซีมีศัตรูมากมาย แต่มีทรัพยากรน้อยนิด หมัดถล่มทลายที่เขาบ่มเพาะเป็นวิชาธรรมดาที่หาซื้อจากร้านค้าเพียงเท่านั้น ไม่เหมือนกับสหายน้อยสองคนนี้ที่ฝึกกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าชั้นยอด ไม่ต้องห่วงเรื่องเอาชีวิตรอดอะไร ทำใจให้สงบและบ่มเพาะพลังไป ไม่นานก็ขึ้นเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ได้แล้ว
“สหายน้อยผู้นั้นเข้าแดนภวังค์ทมิฬไปแล้วกระมัง? กลียุคแห่งสามภพกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ไม่แน่ว่าการถูกดึงเข้าสู่เรื่องวุ่นวายอาจทำให้เขาแข็งแกร่งเร็วขึ้นก็เป็นได้…” จี้อวี๋พึมพำพลางทอดสายตามองไปยังฟ้าไกล ราวกับว่าสามารถมองผ่านโลกทั้งหลายจนเห็นทั้งสามภพได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]
ทำไมตอนที่ 1631-1637 อ่านไม่ได้ครับ...
อยากซื้อหนังสือเรื่องนี้จบรึยังมีขายรึยัง ราคาเท่าไหร่...
กำลังสนุกเลยจ้า1407...
1...
รออ่าน1296...
รออ่าน1184จ้า...
ตอนที่1111รออ่านยุ...
ตอน1109รออ่านยุ...
กำลังมันเลยครับ...
กำลังมันเลยครับ...