เจเรมี่ เกิดความกลัวอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนมีหนามที่หลบซ่อนอยู่ในใจกำลังแทงเขาอย่างไร้ความปราณี เขาอุ้ม มาเดลีน ขึ้นมาโดยไม่มีความลังเลใด ๆ
เมื่อเมเรดิธเห็นทุกการกระทำจากด้านหลังเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา “เจเรมี่คุณจะพาแมดดี้ไปไหน”
เจเรมี่ ไม่สนใจตอบคำถามกับนั่น เขารีบไปโรงพยาบาลในขณะที่อุ้มมาเดลีน
ตลอดเส้นทางที่รถวิ่ง สมองของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยช่วงเวลาที่เขาได้พบกับหญิงสาวครั้งแรกเมื่อเขายังเด็ก ช่วงเวลานั้นละเอียดอ่อน แต่เงียบสงบและพึงพอใจ มันยังคงเล่นซ้ำอยู่ในสมองของเขา
หัวใจของเจเรมี่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เขาลืมไปแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือการดูถูก มาเดลีน ณ ตอนนี้เขาพาเธอไปที่แผนกฉุกเฉินอย่างสุดชีวิต
เธอบอกว่าเธอตั้งท้องและเด็กคนนี้เป็นของลูกของเขา ร่างกายของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอ
เจเรมี่รู้สึกราวกับว่าเขากำลังหายใจไม่ออกจากสิ่งที่มองไม่เห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหวังว่า มาเดลีน จะไม่เป็นไร
เขาเดินกลับไปกลับมาขณะรออยู่ข้างนอก เขารู้สึกกังวลอย่างมาก
ขณะนี้มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา เจเรมี่ดักหน้าเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?ภรรยาผมเป็นอะไร”
พยาบาลมองไปที่เจเรมี่ มีความขุ่นเคืองในน้ำเสียงของเธอขณะที่เธอพูดว่า “นี่คุณเป็นสามีของเธอจริง ๆ เหรอ เธอท้องและยังวิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน ไม่รวมถึงบาดแผลบนร่างกายที่เต็มไปหมด เธอเป็นหวัดและมีเลือดออกที่อวัยวะเพศ ขึ้นอยู่กับพระเจ้าว่าเด็กจะรอดหรือไม่”
เจเรมี่รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ ความรู้สึกหายใจไม่ออก ทำให้จิตใจของเขาว่างเปล่า มีเพียงสิ่งเดียวในใจของเขา มาเดลีน จะได้รับต้องรอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หลังจากนั้นไม่นานประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก
เจเรมี่ รีบวิ่งไปที่เตียงและพบว่า มาเดลีน นอนหมดสติ เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้สีของเธอ ความรู้สึกผิดในใจเริ่มเกาะกินเขา
เขาไม่สามารถช่วยตัวเองให้ละจากการจับมือเย็นที่ของมาเดลีนได้ ในขณะที่ดวงตาของเขาจ้องมองอย่างขึงขัง
‘มาเดลีน บอกฉันที ทำไมถึงเรียกฉันว่า เจซ? ทำไมถึงรู้เกี่ยวกับคำสัญญาของฉันกับ ลินนี่ ตอนที่ฉันยังเด็ก? '
มาเดลีน ถูกนำตัวไปที่ห้องวีไอพี เธอนอนอย่างเซื่องซึมอ่อนพลีย ความรู้สึกไม่ชัดเจนราวกับว่ามีใครบางคนจับมือเธอขณะที่ความอบอุ่นค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ผิวของเธอ ร่างกายของเธอไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
เมื่อ มาเดลีน ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ขณะพยายามขยับตัวเธอสังเกตเห็นว่ามีคนจับมือเธอแน่น
เธอเบิกตากว้างด้วยความตะลึงที่เห็นเจเรมี่ยืนพิงเตียง มือของเขากอดเธอไว้แน่น มันรู้สึกอบอุ่นมาก
มาเดลีน มองไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้างุนงง เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังฝันไป
มาเดลีน ตกตะลึงขณะที่เธอถือแก้วน้ำ เธอจำได้ว่าบอกเขาอย่างชัดเจน
เมื่อ เจเรมี่ เห็นว่า มาเดลีน อยู่ในอาการงุนงง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
“เธอควรพักผ่อนได้แล้ว บอกฉันเมื่อดีขึ้นเเล้ว” จากนั้นเขาก็ช่วยเธอนอนลงอย่างแผ่วเบา
มาเดลีน น้ำตาไหล เธอก็ดีใจเล็กน้อยเช่นกัน
เขาจำสัญญาของพวกเขาได้ไหมเพราะเธอเรียกเขาว่าเยซก่อนที่จะหมดสติไป? หรือตอนนี้เขารู้สึกสำนึกผิดเพราะเธอเกือบจะแท้ง?
ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอย่างไร มาเดลีน ก็มีความสุข
อย่างน้อยที่สุดเจเรมี่ก็จะมองเธอตอนนี้
เจเรมี่ อยากอยู่กับ มาเดลีน ต่อไปอีกสักหน่อย ถึงอย่างนั้นเขาต้องออกจากโรงพยาบาลในที่สุดเนื่องจากเองมีบางสิ่งที่ต้องทำที่บริษัท จากการรายงานผ่านสายสนธนา เขาเดินมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์แต่ก่อนที่เขาจะไปถึงนั้น บางอย่างกับหยุดขาเรียวคู่งามเอาไว้เสียก่อน เขาได้ยินเสียงเมเรดิธ จากปลายอีกด้านของทางเดิน
“หมอ มันเป็นความจริงเหรอ” น้ำเสียงของเธอดูประหลาดใจ “โปรดอย่าบอกสามีของแมดดี้เกี่ยวกับเรื่องนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...