เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ อย่างละเอียดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นคือโรสอย่างแน่นอน
เธอรู้สึกสับสน ที่นี่คือร้านสัก แล้วโรสกับเมอร์มาทำอะไรกันที่นี่?
เมอร์มาที่นี่เพื่อสักลายที่ตัวงั้นเหรอ?
หรือเป็นเพราะเธอรักเจเรมี่มากไปจนอยากจะสักชื่อของเขาบนร่างกาย?
หลังจากยืนคิดอยู่สักพัก เธอคิดที่จะเดินเข้าไป
ในจังหวะเดียวกันกับที่เธอเดินเข้าไป เธอได้ยินโรสพูดอย่างมีความสุขกับใครบางคนทางโทรศัพท์ “ไม่ต้องห่วง ฉันเคยถามใครบางคนเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานมากแล้ว ร้านสักคนนี้มีฝีมือเก่งกาจ เพราะงั้นพวกมอนต์โกอเมอรีจะไม่สังเกตเห็นมันอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เมอร์กำลังทำการปรับแต่งรอยสักเก่า มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างแน่นอน”
เมื่อเอโลอิสได้ยินแบบนั้น เธอหยุดนิ่งแล้วใช้ความคิดใหม่อีกครั้ง
‘พวกมอนต์โกเมอรีจะได้ไม่สังเกตเห็นคืออะไร?
‘สิ่งที่มอนต์โกเมอรีมองไม่เห็นคืออะไร?’
หัวใจของเอโลอิสเต้นแรง เลือดของเธอกำลังสูบฉีดอย่างมาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมเรดิธและโรสได้เดินออกจากร้านไป
เอโลอิสซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งของร้าน เมื่อเธอเห็นเมเรดิธ การแสดงสีหน้าบนใบหน้าของลูกสาวสุดที่รักของเธอมีเพียงจิตใจที่กำลังเบิกบาน ไม่มีร่องรอยของความเศร้าบนใบหน้าเหลืออยู่ให้เห็น
เธอมองอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อเมเรดิธเดินห่างออกไป จากนั้น เธอตั้งสติกับตัวเองแล้วเดินเข้าไปในร้านสักนั่น
เอโลอิสส่งรูปถ่ายเมเรดิธในโทรศัพท์ของเธอและถามพนักงานที่นั่น “เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ทำอะไร?”
พนักงานปฏิเสธเธอด้วยสีหน้าจริงจัง “ทางเราไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้าได้ เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวตามที่กฎหมายกำหนด”
จากนั้น เอโลอิสหยิบเงินสด 500 ดอลลาร์ออกมาอย่างไม่ขี้งก ดวงตาของพนักงานเป็นประกายเมื่อเขารับเงิน “โอ้ คือว่าผู้หญิงคนนั้น มาเติมสีบนรอยสักของเธอที่จางลงไปแล้ว เธอมาที่นี่ก็เพื่อเพิ่มสีแล้วแต่งเติมก็เท่านั้น”
สัก? แต่งเติม?
แม้ว่าเมเรดิธจะใช้ชีวิตแบบหญิงสาวผู้มั่งคั่ง แต่เธอก็ยังมีความโลภเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเธอเห็นเธอก็ไม่สามารถซ่อนความสุขของเธอได้
“คุณแม่คะ ใจดีกับหนูมากเกินไปแล้ว” เธอกำลังสวมบทบาทเล่นละครในบทลูกสาวที่ว่านอนสอนง่าย
เอโลอิสตบไหล่เพื่อปลอบเธอและพูดว่า “เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ เพราะงั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร แม่ก็จะคอยสนับสนุนและปกป้องลูกอยู่เสมอ”
เอโลอิสกำลังบอกใบ้เธอผ่านคำพูด เพื่อที่เธอหวังว่าเมเรดิธจะบอกเธอเกี่ยวกับรอยสักนั่นและไม่ใช่เพียงบอกกับโรสเท่านั้นแต่แม่บุญธรรมของเธอก็เช่นกัน
และมันแน่นอนอยู่แล้วว่าเมเรดิธไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ของประโยคนี้ เธอสวมเครื่องประดับที่งดงามและจัดเตรียมเสื้อผ้าสองสามชุด
“คุณแม่คะ หนูคิดว่าหนูจะคิดดีแล้ว แม้ว่างานแต่งงานของหนูกับเจเรมี่จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ทุกคนก็ยังรู้ว่าเราแต่งงานกันแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหนูจะย้ายไปอยู่กับเขา”
สีหน้าของเอโลอิสเปลี่ยนไป “เมอร์ นี่ลูกชอบเจเรมี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาไม่คู่ควรกับลูกเลยสักนิด”
“เจเรมี่เป็นคนที่หนูรักมากที่สุดในชีวิตนี้ เขาน่าทึ่งในหลาย ๆ ด้าน เขาแค่กำลังสับสนกับ วีล่า ควินน์ คนนั้น วันหนึ่ง เจเรมี่จะตระหนักได้เองว่าหนูเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับความรักของเขามากที่สุด” เมเรดิธพูดอย่างมีเหตุผล “มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ หนูยังอยากให้แจ็คมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับครอบครัวอื่น ๆ บ้าง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...