ทั้งมาเดลีนและเอโลอิสต่างพากันตาเบิกกว้างในสิ่งที่แจ็คสันพูดออกมา
เอโลอิส แพททัล เป็นนักออกแบบที่มีฝีมือคนหนึ่งในวงการ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเธอที่จะร่างแบบจำลองปานของมาเดลีนบนกระดาษได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มาเดลีนกังวลใจเพราะว่าแจ็คสันเคยบังเอิญผ่านมาเห็นปานในตอนที่เธอไม่ทันได้ระวังตัวหรือไม่
“หลานเคยเห็นผีเสื้อตัวนี้ที่ไหน แจ็ค?” จากไหน? เอโลอิสโน้มตัวลงไปถามหลานชายตัวน้อยด้วยความกระตือรือล้น ไฟในดวงตาของเธอมีความมันวาวกับสิ่งที่จะได้ยินหลังจากนี้
ในทางกลับกัน มาเดลีนเอ่ยขึ้นขัด “ทำไมคุณถึงสั่งพิมพ์รูปนี้มากมายกัน คุณนายมอนต์โกเมอรี? หรือว่าเป็นวิธีตามหาลูกสาวของคุณ?
เอโลอิสพยักหน้า “ฉันทำการโพสต์ตามหาเอาไว้ในอินเตอร์เน็ตเช่นกัน แต่พวกนี้ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ฉันอาจจะโชคดีที่จะหาลูกสาวของตัวเองเจอ ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถและทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เจอลูกสาวของตัวเองอีกครั้ง!”
คำพูดของเธอไม่มีอะไรมากเพียงแค่มันเต็มไปด้วยความหวังและความจริงใจที่จะเจอลูกสาวของตัวเองเท่านั้น
ภายในใจของเธอในตอนนี้เร่งเร้าให้ตามหาลูกสาวที่หายไปนาน
หัวใจมาเดลีนสั่นและถูกบีบให้รู้สึกแน่นหน้าอกจนเธอรู้สึกได้
‘บางทีพ่อแม่ของฉันเองไม่ควรถูกตำหนิแบบนี้ ในเมื่อพวกเขาเองก็เป็นเหยื่อถูกคำโกหกของครอบครัวเมเรดิธด้วยเช่นกัน
‘พวกเขาก็เคยถูกใช้งาน จากความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะพบลูกสาวของตัวเองเท่านั้น’
‘ถึงแม้…’'
“บอกคุณยายสิ แจ็ค หลานเคยเห็นผีเสื้อตัวนี้ที่ไหนมาก่อน?”
มาเดลีนได้ยินเอโลอิสเลยถามขึ้นมาอย่าใจร้อนและไม่สามารถทนรอคำตอบได้อีกต่อไป
และเมื่อดึงสติของตัวเองกลับมา มาเดลีนพยายามหยุดในสิ่งที่แจ็คสันกำลังพูดแต่ว่าสายไปเสียแล้วเมื่อน้ำเสียงที่ฟังชัดถ้อยชัดคำของเด็กชายตัวน้อยกำลังลอยผ่านอากาศเข้ามาในหูเธอ “บนร่างกายของแมดดี้” แจ็คสันตอบเบา ๆ
มาเดลีนหัวใจกำลังเต้นแรงอย่างสุดขีดและแทบจะพุ่งออกมาจากหน้าอก
เอโลอิสแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธออยู่ในอาการตกตะลึง “แมดดี้? แจ็ค แมดดี้ งั้นเหรอ บนร่างกายของ มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด?”
แจ็คสันยืนยันโดยการพยักหน้าอีกครั้งก่อนที่จะเอามือชี้นิ้วไปที่เอวด้านขวาของมาเดลีน ทางด้านหลังของเธอ “บริเวณนี้ ตรงนี้เป็นที่ที่ผีเสื้อของแมดดี้อยู่”
“...”
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ทุกอย่างสายเกินไป
เอโลอิสหมดสติไปหลังจากที่รู้ความจริง เธอเพียงแค่เอ่ยชื่อลูกสาวตัวเองออกมา
มาเดลีนโทรเรียกรถพยาบาลเพื่อนำเอโลอิสไปที่นั่น เธอรีบติดต่อครูคนหนึ่งในโรงเรียนอนุบาลเพื่อออกมารับตัวแจ็คสันไปในโรงเรียน ฌอนมาถึงภายหลังจากที่ทั้งคู่ถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน
เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าทำไมเอโลอิสถึงหมดสติ ผู้ชายคนนั้นกังวลในเรื่องอาการป่วยของเธอเท่านั้น
มาเดลีนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เอโลอิสก่อนที่เธอจะกลับมาที่ห้องพักฟื้น เธอหันไปเห็นฌอนกำลังเดินออกไปข้างนอกด้วยความกังวล เธอเก็บความไม่พอใจของตัวเองเอาไว้และเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มที่สร้างขึ้น
“คุณมาแล้ว สามีคุณนายมอนต์โกเมอรี ไม่มีอะไรต้องกังวล ภรรยาของคุณไม่เป็นไร”
ฌอนขอบคุณในขณะที่เธอส่งผลการรักษาเอโลอิสให้เขา
ฌอนเกิดความกังวลขึ้น เมื่อนึกถึงเหตุผลของการหมดสติไปที่คุณหมอเขียนเอาไว้ เป็นเพราะความทุกข์ใจรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ความทุกข์? มีเรื่องอะไรที่ทำให้เอโลอิสไม่สบายใจจนทำให้เกิดความเศร้าได้ขนาดนั้นกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ
1...
1...
1...
นางเอกโคตรโง่เลย เชื่อผู้ชายคนนี้ได้ไง ก็รู้อยู่ว่าเขานิสัยไม่ดีและจะแย่งตัวเองมาจากสามี ดันไปเชื่อมัน เอายามาแอบฉีดให้สามีเฉยเลย แทนที่จะปรึกษากันก่อน...
ต่อให้ทำผิดแล้วก็ไม่ควรให้อภัยอ่ะ เพราะมันเลวมาก รู้ว่านังเมอร์ทำชั่ว แต่ก็ช่วยปกปิดสารพัด ขนาดฆ่าคนตาย ยังยึดหลักฐานไป ปล่อย ห้นางเอกรับโทษแทนตั้งสามปี ไม่เคยมาดูดำดูดี พอออกมาได้ก็ยังทุบตีสารพัด ไม่เข้าใจว่านางเอกจะกลับมารักได้ไง...
หวาดเสียวว่านางเอกจะกลับมารักสามีเก่า โอ่ย ไม่ไหวนะ ต้องท่องไว้ว่ามันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจไว้หนักหนาสาหัส ทำลูกตายด้วยนะ ทำลายหลุมศพปู่กับลูกอีก...
ทำไมไม่เอาหลักฐานให้ลุง ลุงเป็นคนดี ต้องเชื่ออน่นอน มีอำนาจด้วย ช่วยคุยกับตำรวจได้...
อ้าว รีบบอกพ่อแม่สิ จะปล่อยอีชั่วนี่ไว้กับพ่อแม่ได้ไง...
เรื่องนี้อ่านแล้วโคตรโมโห นางเอกน่าจะฆ่าแม่งให้หมดทุกตัวเลย อย่าให้เป็นว่ายกโทษให้สามีนะ...
อย่าได้กลับไปอยู่กับสามีเลย ชั่วช้าขนาดนั้น ต้องแก้แค้นให้สาสม...