บุรุษรูปงามเพียงนี้เป็นผู้ที่หยุนถิงแต่งงานด้วย โชคดีที่หยุนถิงถูกหย่าร้างแล้ว ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นว่าเสียดายของยิ่งนัก
หยุนหลิงคิดในใจมากมาย พลางถอนหายใจ เหตุใดตนเองไม่มีชะตาดียิ่งนี้บ้าง
“เจ้ามิเป็นไรใช่ไหม?” โม่ฉือหานถามอีกครั้ง
สตรีในอ้อมแขนใบหน้าขาวเนียน ผิวพรรณเรียบลื่นดุจหยกงาม ดวงตางามฉายแววเคลิ้ม ปากน้อยสีลิ้นจี่ได้รูป มีลักยิ้มเล็กน้อยที่แก้ม ผมยาวสยายใช้เพียงปิ่นปักผมอันเดียวเกลียวไว้ คิ้วงามกระจ่าง ดูสวยงามน่าดู
ดวงตาดำขลับของโม่ฉือหานหรี่ลงเล็กน้อย มองดูสตรีในอ้อมแขนแล้วเหม่อลอยไปชั่วขณะ
หยุนหลิงถึงได้สติกลับมา และรู้ว่าตนยังอยู่ในอ้อมแขนของหลีอ๋อง ก็พลันรู้สึกเขินอายยิ่งนัก รีบลุกขึ้นทันที
“ข้าไม่เป็นไร ขอบพระทัยหลีอ๋องที่ช่วยข้าไว้” หยุนหลิงซาบซึ้งใจยิ่งนัก
“เจ้ารู้จักข้า?” โม่ฉือหานเลิกคิ้วมองมา
หยุนหลิงรีบถวายบังคม “หลีอ๋อง สง่างามองอาจ เก่งกาจแม้อายุยังน้อย เป็นเทพสงครามที่เลื่องชื่อแห่งแคว้นต้าเยียน ข้าน้อยย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงท่านมาก่อน”
โม่ฉือหานภูมิใจนัก “ต่อไปเดินเหินระวังหน่อย”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่เป็นห่วง เพียงแต่มิรู้ว่าฝ่าบาทเห็นน้องชายข้าหรือไม่?” หยุนหลิงถาม
“น้องชายเจ้า เจ้าเป็นคนของจวนตระกูลหยุน?” โม่ฉือหานสีหน้าเย็นชาลง
เมื่อครู่ลูกน้องมารายงานว่า คนทั้งหมดของจวนตระกูลหยุนต่างพากันออกตามหาหยุนเสี่ยวลิ่ว
หยุนหลิงชะงักเล็กน้อย ไม่คิดว่าหลีอ๋องจะไม่รู้จักตนเอง นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ในสายตาคนนอกรู้เพียงว่าจวนตระกูลหยุนมีหยุนถิง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าจวนตระกูลหยุนมีคุณหนูรองเช่นนางอยู่ด้วย
“กราบทูลฝ่าบาท ข้าชื่อหยุนหลิง เป็นคุณหนูรองของจวนตระกูลหยุน วันนี้น้องชายข้าหายตัวไปจากสถานศึกษา จนถึงตอนนี้ยังไม่พบเขาเลย หากฝ่าบาทเห็นน้องชายข้า โปรดบอกด้วยเถิด จวนตระกูลหยุนของข้าต้องมีค่าตอบแทนอย่างงามแน่” หยุนหลิงตอบอย่างมีมารยาทนอบน้อม
ดวงตาดำขลับเย็นชาของโม่ฉือหาน จับจ้องใบหน้างามดุจบุปผาแรกแย้มของนางเขม็ง “เจ้าเป็นน้องสาวของหยุนถิง?”
หยุนหลิงชะงักเล็กน้อย ถึงได้ตอบ “เพคะ”
โม่ฉือหานพลันขยับเข้าใกล้หยุนหลิง และเห็นแววขัดเขินตื่นเต้นของนางทั้งหมด เพราะอยู่ใกล้กันมาก โม่ฉือหานยังได้กลิ่นหอมของดอกพุดซ้อนจากตัวนางอีกด้วย
“เจ้างดงามกว่าหยุนถิงมากนัก”
คำพูดเดียวทำให้หยุนหลิงดีใจยิ่งนัก แต่นางยังพยายามคงความนิ่งสงบและนอบน้อมเอาไว้ “ฝ่าบาท พี่สาวของหม่อมฉันมีใบหน้าดำสักหน่อย แต่นั่นมิใช่ความปรารถนาของตัวนางเองเลย”
“ข้าไม่สนหรอกว่านางหวังหรือมิหวัง หญิงอัปลักษณ์เช่นนั้นข้าไม่คิดจะชายตาแลนางดอก” โม่ฉือหานโกรธกริ้ว
หยุนหลิงเห็นหลีอ๋องจู่ๆก็เดือดดาลขึ้นมา ก็ตกใจนัก แต่ดวงตางามกลับฉายแววพอใจและได้ใจวูบหนึ่ง
ฝ่าบาทรังเกียจหยุนถิงจริงๆ ดียิ่งนัก
โม่ฉือหานมองไปที่หยุนหลิง ในชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน เอวคอดงาม ดูอ่อนโยนแน่งน้อย งดงาม ทำให้ตาเขาเป็นประกายขึ้นมา
“ในเมื่อวันนี้เจ้ามาเจอข้า เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าสักครั้ง” โม่ฉือหานแค่นเสียงเย็น พลางเรียกลูกน้องมา “ไปสืบว่าหยุนเสี่ยวลิ่วอยู่ที่ใด?”
“ขอรับ ฝ่าบาท” เหลยถิงรีบไปจัดการ
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ช่วยเหลือ” หยุนหลิงซาบซึ้งใจนัก
“คุณหนูหยุนเข้ามาดื่มชาก่อนเถอะ รอข่าวก็พอแล้ว” โม่ฉือหานเดินตรงเข้าไป
หยุนหลิงเดินตามเข้าไปด้วย เห็นเถ้าแก่ยกชาขึ้นมา หยุนหลิงชงชาอย่างชำนาญ เทชา กิริยาสง่างามมีมารยาท ทำให้โม่ฉือหานพอใจมาก
“ฝ่าบาท เชิญดื่มชาเพคะ” หยุนหลิงยกถ้วยชาให้
“ขอบคุณคุณหนูรอง” โม่ฉือหานยื่นมือรับมา จิบลิ้มรสเบาๆ “รสชาติกลมกล่อม คงกลิ่นหอมไว้ที่ริมฝีปากและฟัน ไม่เลวเลยจริงๆ”
“ฝ่าบาทชอบก็ดีแล้ว”
“เอาล่ะ ไม่ล้อเจ้าละ ในเมื่อเจ้าอยากติดตามข้า เช่นนั้นต้องเคารพกฎของข้า จะเป็นคนเหนือคนได้หรือไม่ไม่สำคัญ ประเด็นสำคัญคือต้องจงรักภักดีอย่างที่สุด ฟังเพียงคำสั่งข้า เจ้าทำได้หรือไม่?” หยุนถิงบอก
“ข้าทำได้ ชาตินี้ข้าจะเชื่อฟังคุณหนูหยุน” เสี่ยวอันจื่อแน่วแน่ยิ่งนัก
“ได้ งั้นเจ้าอยากเรียนรู้วิชาใดเล่า ว่ามาหน่อยสิ?”
“ข้าอยากเรียนศาสตร์แห่งสงครามและวรยุทธ์ ต่อไปจะได้ฆ่าฟันศัตรูในสงคราม เป็นแม่ทัพใหญ่” เสี่ยวอันจื่อตอบ
“อย่างเจ้านี่นะยังอยากเป็นแม่ทัพใหญ่?” หยุนเสี่ยวลิ่วเลิกคิ้วมองมา ขอทานน้อยผู้นี้ช่างคุยโวโอ้อวดเสียจริง
เสี่ยวอันจื่อกระอักกระอ่วนนัก ก้มหัวลงต่ำ เขารู้ว่าตนเองคิดเกินจริงไปหน่อย
หยุนถิงใช้สองมือประคองหัวเขาให้เงยหน้าขึ้นมา “เจ้าหนูมองข้านะ เจ้ามีความฝันเช่นนี้ดียิ่ง มีความคิดก็ต้องพยายามให้ถึง อดทนในสิ่งที่คนธรรมดาไม่อาจทนได้ ลำบากในสิ่งที่คนธรรมดาทนไม่ไหวให้ได้ เช่นนี้ถึงจะได้สำเร็จมากยิ่งขึ้น”
เสี่ยวอันจื่อมองสายตาแน่วแน่ของหยุนถิง สีหน้าเข้มงวด ซาบซึ้งยิ่งนัก “ข้าจะจดจำไว้”
“ได้ นับแต่วันนี้ เจ้ามาหาข้าที่จวนซื่อจื่อทุกวัน ข้าจะสอนศาสตร์แห่งสงครามให้เจ้าก่อน พอเรียนรู้พอควรแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปกองทัพ” หยุนถิงเปิดปาก
“ขอบคุณคุณหนูหยุน”
“เจ้ารู้เรื่องศาสตร์แห่งสงครามด้วยรึ?” หยุนเสี่ยวลิ่วถามอย่างสงสัย เขาไม่เชื่อหรอก
“รู้สิ ถ้าเจ้าอยากเรียน ก็มาเรียนด้วยกันกับเสี่ยวอันจื่อได้” หยุนถิงตอบ
“เชอะ ข้าไม่สนใจดอก”
คนรับใช้วิ่งเข้ามา “ซื่อจื่อ ฮูหยิน หลีอ๋องและคุณหนูรองหยุนขอพบขอรับ”
“หลีอ๋องมากับหยุนหลิงได้ยังไง? ให้พวกเขาเข้ามาแล้วกัน” หยุนถิงขมวดคิ้ว
“วางใจเถอะ มีข้าอยู่” จวินหย่วนโยวปลอบอย่างองอาจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...