จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 139

“ทำสิบอันก่อนแล้วกัน ถ้าหากไม่พอถึงเวลานั้นค่อยทำใหม่” จวินหย่วนโยวกล่าวตอบ

มุมปากของหยุนถิงกระตุกขึ้นมา“ซื่อจื่อ ท่านเห็นข้าเป็นหมูหรือ คลอดสิบคน?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว เราอายุยังน้อย มีลูกมากมีความสุขมาก ไม่รีบร้อน เจ้าอยากจะให้กำเนิดกี่คนก็ได้ทั้งนั้น หากไม่ต้องใช้แม่กุญแจทองคำมากขนาดนั้นก็เก็บเอาไว้เปลี่ยนให้พวกเขาใหม่ในปีที่สอง ใส่ความหมายใหม่ทุกๆปีมันจะไม่ดียิ่งกว่าหรอกหรือ” จวินหย่วนโยวอธิบายทันที

“ค่อยยังชั่วหน่อย ข้าชอบเด็กผู้หญิง ข้าจะให้กำเนิดลูกสาวสองคน หรือไม่ก็สามคน ลูกสาวอ่อนโยนเอาใจใส่ ไปถึงไหนก็จะคิดถึงพ่อแม่ของตัวเอง” หยุนถิงกล่าวอย่างคาดหวังและรอคอย

“ได้ ตามใจเจ้าเลย แต่ว่าข้าชอบลูกชายมากกว่า จวนซื่อจื่อของเรากิจการใหญ่โตแถมยังร่ำรวย ต้องมีคนสืบทอดใช่ไหมล่ะ”

โม่เหลิ่งเหยียนเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม“ให้กำเนิดมากมายขนาดนั้น ไม่กลัวว่าพี่น้องจะขัดแย้งจนกลายเป็นศัตรูเพราะมรดกหรือ?”

“ข้าพอใจเสียอย่าง อิทธิพลและกิจการของจวนซื่อจื่อกระจายไปทั่วทั้งสี่แคว้น ถึงเวลานั้นทุกคนสืบทอดแค่อย่างเดียว ห้ามยุ่งเกี่ยวกันและกันก็พอแล้วไม่ใช่หรือ กลับเป็นเจ้า ต่อกรกับข้ามาหลายปีขนาดนี้แล้วยังเอาชนะไม่ได้ วันหน้าลูกชายของข้าเกิดมานั่นก็คือลูกพี่ใหญ่ สามารถตบลูกของเจ้าตายได้ในฝ่ามือเดียว ดังนั้นเจ้ารีบไปให้กำเนิดลูกเถอะ ไม่อย่างนั้นให้ลูกชายข้าทุบตีลูกชายเจ้าให้ตายเลย” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างได้ใจ

การแสดงออกทางสีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเหมือนมองดูปัญญาอ่อน“ความสามารถไม่เกี่ยวกับอายุ ปัญญาอ่อน แต่งงานแล้วความฉลาดทางสติปัญญาต่ำลงจริงๆด้วย”

“เจ้าเป็นผู้พ่ายแพ้ของฮูหยินข้าแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าบวกข้าเข้าไปด้วยอีกคน ดังนั้นเจ้าควรขอพรให้เพื่อลูกชายของเจ้ามีความสุขดีกว่า” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างดูหมิ่น

สีหน้าของโม่เหลิ่งเหยียนเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งทันที ให้ตายเถอะ ในชีวิตนี้สิ่งเดียวที่เขาคำนวณพลาดไปก็คือหยุนถิง แพ้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งได้มันน่าชิงชังยิ่งนัก

แต่ว่าถูกจวินหย่วนโยวทำให้อับอายเช่นนี้ โม่เหลิ่งเหยียนย่อมไม่ยอมง่ายๆอยู่แล้ว มองกลับไปอย่างดูหมิ่น“จะให้กำเนิดลูกชายได้หรือไม่ยังไม่รู้เลย พูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ระวังอนาคตจะหน้าแตกเอา”

“ลูกสาวก็เหมือนกัน ถึงอย่างไรโตกว่าลูกของเจ้าก็พอ ถึงเวลานั้นจะขวางลูกของเจ้าแล้วทุบตีอย่างเป็นเอาตายทุกวันเลย” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างได้ใจ

หยุนถิงมองดูจวินหย่วนโยวและโม่เหลิ่งเหยียนที่กำลังโต้เถียงกัน บนหน้าผากมีเส้นสีดำสามเส้นพาดผ่านไป ผู้ชายล้วนเป็นพวกปัญญาอ่อนทั้งนั้น ซื่อจื่อที่ปัญญาอ่อนเช่นนี้นางอยากพูดว่าไม่รู้จักจริงๆ

คนอื่นๆก็มองอย่างตะลึงงันเช่นกัน ซื่อจื่อผู้เย็นชากระหายเลือด อยู่เหนือมวลชนตลอด จะทำตัวเป็นเด็กเช่นนี้ได้ พ่อบ้านยังอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้

“เช่นนั้นก็ลองดู ใครจะทุบตีใครยังไม่แน่เลย” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

“ตกลง วันหน้าก็จะได้รู้ผลลัพธ์เอง”

“พวกท่านสองคนพอได้แล้ว เด็กๆไปเตรียมชานม ของกินเล่นมาหน่อย อุดปากเอาไว้จะได้ไม่เถียงกันอีก ทองหยวนเป่าของข้าถูกพวกเจ้าสองคนเถียงกันจนนับไม่รู้เรื่องแล้ว” หยุนถิงเบะปาก

“ขอรับ ฮูหยิน” บ่าวรับใช้ไปจัดการทันที

“ฮูหยินเจ้านับต่อเถอะ ข้าไม่พูดแล้ว” จวินหย่วนโยวขี้ขลาดขึ้นมาทันที

โม่เหลิ่งเหยียนเหลือบมองไปทางเขาอย่างดูถูกอย่างยิ่ง“ภรรยาคุมเข้ม”

“นี่เจ้ากำลังอิจฉาริษยาอยู่ เจ้าอยากให้มีคนคุมเจ้า ยังหาไม่เจอเลย” จวินหย่วนโยวไม่คิดว่าน่าอับอาย แต่กลับคิดว่ามันเป็นเกียรติ

“ปัญญาอ่อน” โม่เหลิ่งเหยียนแขวะ

บ่าวรับใช้รีบยกชานม ไก่ทอดที่เพิ่งทอดเสร็จ อีกทั้งผลไม้แห้งเล็กน้อย มาวางไว้บนเก้าอี้หินในลานทันที

จวินหย่วนโยวเดินตรงเข้าไป หยิบไม้ไผ่ขึ้นมาแทงไก่ทอดขึ้นมาหนึ่งแล้วก็เดินเข้ามา ส่งให้ถึงปากของหยุนถิง“ฮูหยิน โปรดกินเถอะ”

“ขอบคุณซื่อจื่อมาก” หยุนถิงอ้าปากกินเข้าไป

โม่เหลิ่งเหยียนมองอย่างเหยียดหยามมากยิ่งขึ้น จวินหย่วนโยวผู้นี้หมดอนาคตแล้ว ถูกผู้หญิงคนหนึ่งคุมขนาดนี้ได้ น่าขายหน้าจริงๆ

เดิมทีเขารังเกียจที่จะกินอาหารในจวนซื่อจื่อ อาหารชั้นเลิศอะไรก็ล้วนเคยกินมาแล้วทั้งนั้น แต่เมื่อเห็นพ่อบ้านและคนอื่นๆเพิ่งจะนับไปได้แค่ครึ่งเดียว และจวินหย่วนโยวก็นั่งกินข้างโต๊ะอย่างได้ใจ โม่เหลิ่งเหยียนยกเท้าเดินเข้ามา

ไม่กิน ก็น่าเสียดาย

จวินหย่วนโยวเห็นเขาหยิบขึ้นมากิน ก็ไม่ได้พูดอะไร กินของตัวเองต่อไป สายตากลับมองไปทางหยุนถิงตลอด

เห็นหยุนถิงยิ้มแก้มปริให้กับกล่องทองหยวนเป่าลังนั้น คนทั้งคนดีใจราวกับคนเห็นแก่เงินตัวน้อยๆ มุมปากของจวินหย่วนโยวยกขึ้นเล็กน้อย

ดูเหมือนว่า นังหนูคนนี้พึงพอใจได้อย่างง่ายดาย

นางชอบเงิน แต่ไม่เคยปิดบังมาก่อน ความชอบที่จริงใจเปิดเผยเช่นนี้ กลับทำให้จวินหย่วนโยวชื่นชม

จวินหย่วนโยวลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามา ยื่นมือไปจับมือของหยุนถิงเอาไว้“ไม่ นี่คือสิ่งที่เจ้าแลกมาด้วยชีวิต ข้าจะเอาได้อย่างไร เก็บเอาไว้ให้เจ้าหมดเลย”

“ก็ได้ อย่างไรเสียตอนที่ท่านต้องการใช้เงินก็บอกข้าแล้วกัน” หยุนถิงหัวเราะแหะๆ

“ตกลง”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดไป บ่าวรับใช้ก็พาซูกงกงเข้ามา

“บ่าวคำนับซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้คุณหนูหยุนเข้าเฝ้า ขอคุณหนูหยุนโปรดตามบ่าวไปเข้าเฝ้าด้วย” ซูกงกงเอ่ยปาก

“ขอถามกงกง ฝ่าบาทเรียกหาข้าด้วยเรื่องอันใด?” หยุนถิงถาม

“เรื่องนี้บ่าวก็ไม่ทราบเช่นกัน ฝ่าบาทตรัสเพียงว่าต้องการพบคุณหนูหยุนเท่านั้น”

“ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะตามเจ้าไป”

“เจ้าเพิ่งจะตื่นมา ร่างกายอ่อนแอ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” จวินหย่วนโยวกล่าว

ซูกงกงทำหน้าลำบากใจ“ซื่อจื่อ ฝ่าบาทไม่ได้เรียกพบท่านนะ”

“ฮูหยินของข้าไม่สบายอยู่ ให้นางเข้าวังคนเดียวข้าไม่วางใจ หากกงกงไม่เห็นด้วยที่ข้าจะตามไปพร้อมกัน เช่นนั้นฮูหยินก็ไม่ต้องไปแล้ว” จวินหย่วนโยวปกป้องภรรยาอย่างแสดงอำนาจ

ซูกงกงตกใจจนตัวสั่นขึ้นมา ฝ่าบาทต้องการพบหยุนถิงอย่างเร่งด่วน หากเขาไม่สามารถพาคนกลับไปได้ ฝ่าบาทต้องตำหนิว่าเขาทำงานไม่ดีแน่นอน

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เชิญซื่อจื่อไปพร้อมกันเถอะ ท่านห้ามบอกว่าบ่าวเป็นคนให้ท่านติดตามมาด้วยเด็ดขาด” ซูกงกงกล่าวกำชับ

“ตกลง”

จวินหย่วนโยวกลับเข้าไปหยิบเสื้อคลุมในห้องมาหนึ่งตัว คลุมให้กับหยุนถิง จากนั้นก็กอดนางขึ้นรถม้าไป ซูกงกงนั่งอยู่ในรถม้าที่อยู่ด้านหลัง มุ่งหน้าไปยังพระราชวัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ