จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 215

คนทั้งคนของหยุนถิงตกตะลึงไป นี่มันสถานการณ์อะไร หรือว่าคุณหนูเสวี่ยคนนี้จะชอบซื่อจื่อเข้าแล้ว ต้องการจะเลื่อยขาเก้าอี้ตัวเอง?

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง มองดูคนที่วิ่งเข้ามาทางตัวเอง หว่างคิ้วมีความเฉยเมยและทำตัวออกห่างเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

“คุณหนูเสวี่ยโปรดสำรวจด้วย ข้ามีฮูหยินแล้ว ไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเด็ดขาด!” จวินหย่วนโยวปฏิเสธอย่างมีอำนาจ

โหวซือเสวี่ยชะงักงัน ตาค้างในทันใด “ว้าว คุณชายท่านช่างหล่อเหลาจริงๆ ถึงกับมีความรักที่ลึกซึ้งต่อฮูหยินของตัวเองเช่นนี้ ผู้ชายเช่นนี้ต่างหากที่ควรจะแต่งงานด้วย”

นางชอบการตีรันฟันแทงมาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เติบโตก็ยิ่งเข้ารับราชการในกองทัพ ตอนนี้ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแล้ว ถึงแม้จะเคยได้ยินข่าวลือของจวินหย่วนโยวมาไม่น้อย แต่กลับไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน ดังนั้นโหวซือเสวี่ยจึงไม่รู้จักจวินหย่วนโยว

นางกำลังจะเดินเข้าใกล้ ก็ถูกหลิงเฟิงกับรั่วจิ่งขวางเอาไว้ “คุณหนูเสวี่ยหากเข้ามาใกล้อีก อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ”

“ข้ารู้จักเจ้า เจ้าคือหลิงเฟิง นี่หมายความว่าเขาก็คือจวินซื่อจื่อ?” โหวซือเสวี่ยเอ่ยปาก

จวินหย่วนโยวไม่อยากจะสนใจนาง เดินตรงเข้าไปโดยตรง มือใหญ่คว้าตัวหยุนถิงเข้ามาในอ้อมแขน “ฮูหยิน ข้าอุ้มเจ้ากลับไปพักผ่อน”

เดิมทีหยุนถิงอยากจะพูดว่าไม่ต้องแล้ว แต่พอเห็นโหวซือเสวี่ยจ้องมองซื่อจื่ออย่างเคลิบเคลิ้มบ้าผู้ชาย ไม่กะพริบตาเลย ก็คิดจะให้นางล่าถอยไปเอง

กล้ามาเลื่อยข้าเก้าอี้ของตัวเอง ก็ควรต้องเตรียมตัวถูกทารุณให้ดี

ดังนั้นหยุนถิงจึงยกมือขึ้น จวินหย่วนโยวอุ้มนางขึ้นมาในแนวนอน หันหลังก็จากไปเลย

โหวซือเสวี่ยที่อยู่ด้านหลังมองด้วยความอิจฉา นางได้ยินมาตลอดว่าซื่อจื่อโปรดปรานหยุนถิงคนเดียว เห็นเขาอ่อนโยนกับหยุนถิงเช่นนี้ โหวซือเสวี่ยรู้สึกได้ในทันทีว่าเขาคือคนที่สามารถฝากฝังชีวิตเอาไว้ได้

“ซื่อจื่อ ในเมื่อท่านมีฮูหยินแล้ว ข้าเป็นซื่อจื่อเฟยให้ท่านเป็นอย่างไร?” โหวซือเสวี่ยกล่าวถาม

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สร้างความตกตะลึงไปทั่ว

การแสดงออกทางสีหน้าของหลิงเฟิงกับรั่วจิ่งเต็มไปด้วยการมองคนปัญญาอ่อน คุณหนูเสวี่ยผู้นี้สมองคงไม่ได้มีปัญหาใช่ไหม ถึงกับจะเป็นซื่อจื่อเฟยของพวกเขา อย่าว่าแต่ซื่อจื่อเลย แม้แต่พวกเขาก็ไม่รับปาก

โหวฉิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาว รีบร้อนวิ่งเข้ามาทันที “ซื่อจื่อโปรดอย่าได้ถือสา น้องสาวข้านางพูดจาเหลวไหลไปเรื่อย ท่านอย่าถือเป็นจริงจัง ถือว่านางไม่เคยพูดมาก่อน”

“พี่ ข้าพูดเหลวไหลตรงไหน ในที่สุดข้าก็เจอคนที่อยากแต่งงานด้วยแล้ว ท่านหวังให้ข้าแต่งงานเร็วๆไม่ใช่หรือ?” โหวซือเสวี่ยกล่าวถาม

“หุบปากไปเลยเจ้า เจ้าจะแต่งงานกับใครก็ได้ทั้งนั้น แต่จะแต่งงานกับซื่อจื่อไม่ได้ ไม่ดูสภาพของตัวเองเลย มีส่วนไหนที่เหมือนผู้หญิง จวินซื่อจื่อไม่ชอบเจ้าหรอก” โหวฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความจริงใจ

“พี่ใหญ่ ในสายตาของท่านข้าแย่ขนาดนี้เลย?” โหวซือเสวี่ยได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ

“ไม่ใช่ว่าเจ้าแย่ แต่คนอื่นเขาดีเกินไป จวินซื่อจื่อไม่ใช่คนที่จะเจ้าจะเพ้อฝันถึงได้ ไม่อยากให้จวนแม่ทัพภักดีติดร่างแหไปกับเจ้าด้วย เจ้าก็ล้มเลิกความคิดนีเสียเถอะ” โหวฉิงคำรามด้วยความโกรธ

“ถือสิทธิอะไร เมื่อก่อนคุณหนูหยุนก็เป็นคนโง่ไร้ประโยชน์ที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างไม่ใช่หรือ จวินซื่อจื่อยังชอบนางได้เลย ทำไมถึงไม่ชอบข้า?” โหวซือเสวี่ยถามด้วยความไม่เต็มใจ

“หุบปาก คุณหนูหยุนนั่นคือเก็บซ่อนความสามารถ ตอนนี้เอาชนะหญิงมีความสามารถอันดับหนึ่งในเมืองหลวง พรสวรรค์น่าทึ่ง ไหนเลยที่เจ้าจะสามารถเทียบได้” โหวฉิงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

โหวซือเสวี่ยย่อมเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับหยุนถิงในช่วงนี้อยู่แล้ว เอะอะนางก็สร้างความฮือฮาไปทั่วเมือง ถึงแม้ว่านางจะอยู่ในค่ายทหารก็ได้ยินเช่นกัน

“คุณหนูหยุนท่านกล้าประลองกับข้าหรือไม่ หากท่านชนะ ข้าจะล้มเลิกความคิดที่มีต่อซื่อจื่อ หากว่าท่านแพ้ ข้าก็จะแต่งงานกับซื่อจื่อ?” โหวซือเสวี่ยตะโกนออกมา

หยุนถิงมองไปทางโหวซือเสวี่ยด้วยความเคร่งขรึม “คุณหนูเสวี่ย ข้าไม่ประลองกับท่านหรอก ซื่อจื่อเขาเป็นคน ไม่ใช่สิ่งของ ยิ่งไม่ใช่วัตถุ ข้าจะไม่ใช้การแพ้ชนะมาตัดสินว่าเขาจะแต่งหรือไม่แต่ง

เขาคือคนที่ข้ารักที่สุด และก็เป็นคนที่ข้าใส่ใจมากที่สุด ดังนั้นข้าจะไม่ยอมให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเป็นอันขาด เพราะเขามีได้แค่ข้าคนเดียวเท่านั้น และสิ่งที่ข้าต้องการก็คือการอยู่เคียงคู่กันเป็นสามีภรรยาตลอดชีวิต”

โหวซือเสวี่ยสีหน้าไม่น่าดู ตกตะลึง ประหลาดใจ นางคิดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะพูดเช่นนี้ออกมา

นางไม่เคยคิดมาก่อนเลย อยู่เคียงคู่กันเป็นสามีภรรยาตลอดชีวิต คำพูดเช่นนี้เป็นเรื่องไร้สาระเหมือนความเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อน ตั้งแต่โบราณผู้หญิงล้วนยึดถือสามคล้อยสี่คุณธรรม และโหวซือเสวี่ยก็มีความคิดเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก คำพูดของหยุนถิงในวันนี้ทำให้นางตกตะลึง ประหลาดใจจริงๆ

โม่ฉือหานที่กำลังเดินออกมาจากเรือนได้ยินคำพูดประโยคนี้เข้าพอดี นัยน์ตาสีดำที่ลึกล้ำหรี่ลงเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

มองดูหยุนถิงที่อยู่ไม่ไกลออกไป สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวที่งดงามและสุภาพ โครงหน้าที่ประณีตไร้การปรุงแต่ง ใบหน้าเล็กที่งดงามและน่าทึ่งนั่นเต็มไปด้วยความมั่นใจและมุ่งมั่น นางยืนอยู่ตรงนั้นก็คือการดำรงอยู่ที่พร่างพราวลานตาที่สุด

ที่แท้ นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่นางต้องการ

อยู่เคียงคู่กันเป็นสามีภรรยาตลอดชีวิต เป็นคำพูดที่งดงามเหลือเกิน นัยน์ตาของโม่ฉือหานมีความยินดีเล็กน้อยแว๊บผ่านไป ผู้หญิงที่เขาชื่นชมไม่ธรรมดาจริงๆ

หยุนถิงเห็นโหวซือเสวี่ยไม่ขยับเขยื้อน และไม่พูดอะไร กำลังคิดอยู่ว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นางยอมแพ้อย่างไรดี แต่แล้วก็ได้ยินโหวซือเสวี่ยเอ่ยปากขึ้นมา

“คุณหนูหยุน เรื่องในวันนี้ข้าก้าวล่วงแล้ว ฟังคำพูดนี้ของท่านแล้ว ข้าถึงได้รู้ว่าตัวเองตื้นเขินเพียงใด อยู่เคียงคู่กันเป็นสามีภรรยาตลอดชีวิตงดงามมากจริงๆ แต่ในโลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถทำได้ ข้านับถือท่าน แต่ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเช่นกัน ดังนั้นจวินซื่อจื่อโปรดให้โอกาสข้าสักครั้ง” โหวซือเสวี่ยกล่าวตอบ

หยุนถิงกระตุกมุมปาก นางพูดได้เปิดเผยตรงไปตรงมา แต่ทำไมถึงดื้อด้านดันทุรังล่ะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ