บทที่ 20
เขาได้แต่เดินตามเธอเงียบๆ กระทั่งก่อนจะถึงรถ เขาก็ยื่นมือมาจับที่ต้นแขน
“ไหวไหม” เพียงคำถามสั้นๆ ของเขา แต่มันกลับทำให้ใจเธออุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด จนต้องมองหน้าเขานิ่ง แต่หน้าเศร้าๆ ของเธอก็ทำให้เขาใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
“ถ้าไม่ไหวก็แค่ร้องออกมา ไม่ต้องเก็บไว้ ต่อหน้าฉันเธอไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง” เขาเลื่อนมือจากแขนลงมาบีบมือเธอ
“ฉันไม่ได้เข้มแข็ง แต่มันจุกจนร้องไม่ออก หรือบางทีโควตาน้ำตาฉันมันอาจจะหมดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็ได้” เป็นเขาที่เป็นฝ่ายจ้องหน้าเธอบ้าง ทำให้เธอต้องย้ำอีกครั้ง
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ บางทีหัวใจฉันมันอาจจะด้านชา เพราะว่าเจอเรื่องพวกนี้มาจนเคยชินแล้วละมั้ง”
“อย่าบอกนะว่าแม่เธอพูดตัดความสัมพันธ์แบบนั้นกับเธอบ่อยๆ” เขาทำหน้าเหลือเชื่อ
“เปล่าซะหน่อย ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันไร้ตัวตนในสายตาแม่ต่างหาก ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันก็เป็นส่วนเกินของบ้านแบบนี้แหละ หลายครั้งที่ฉันต้องเป็นฝ่ายเสียสละ เพราะแม่ไม่อยากให้พี่เมคิดมาก แปลกใช่ไหมล่ะที่แม่ทำเหมือนรักคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก แม่ก็แค่อยากเติมเต็มในส่วนที่พี่เมขาด แต่พอนานวันเข้ามันก็กลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายก็เลยเป็นฉันที่กลายเป็นหมาหัวเน่า เหมือนเด็กมีปัญหาเลยเนอะ แต่มันก็มีข้อดีอยู่นะ เพราะมันทำให้ฉันเข้มแข็งแทนที่จะร้องไห้ฟูมฟาย”
“เรื่องแม่…เธอจะเอาไงต่อ” ก็ไม่รู้ว่าเธอกังวลแค่ไหน แต่สีหน้าเขาตอนนี้ดูเหมือนจะกังวลกว่า
“ทำไมคุณชอบถามคำถามยากๆ อยู่เรื่อยเลย เฮ้อ! เอาไงเหรอ ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ก็ได้แต่หวังว่าที่แม่พูดมันจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ สายใยแม่ลูกตัดกันไม่ขาดหรอกเนอะ” เธอพยายามปลอบใจตัวเอง เช่นเดียวกับเขาที่เปลี่ยนจากจับมือมาลูบที่หัวเธอเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“เฮ้อ! ฉันว่าเราไปหาอะไรกินแก้เครียดกันดีกว่า ฉันหิว ตั้งแต่เช้ามายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่าง จนตอนนี้จะบ่ายแล้วเนี่ย พาไปหาอะไรกินหน่อยนะ” เธอลูบท้องตัวเอง พลางทำตาปริบๆ ออดอ้อน
“อยากกินอะไรล่ะ” เขาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“ก๋วยเตี๋ยวสิ ก๋วยเตี๋ยวจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง”
แล้วทั้งคู่ก็พากันมานั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งเนืองแน่นไปด้วยบรรดาพนักงานออฟฟิศ แน่นอนว่ามันเป็นแค่ร้านข้างทาง อย่าว่าแต่แอร์ แม้แต่พัดลมก็ยังต้องแชร์กันตั้งหลายโต๊ะเลย
“กินตีนไหมคุณ” อยู่ๆ คุณเธอก็โพล่งถามออกมา ทำคนตรงข้ามถึงกับชะงัก จนเธอต้องรีบแก้ให้
“ฉันหมายถึงนั่นน่ะ” เธอบุ้ยใบ้ให้เขามองชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง ครั้นพอเห็นพ่อคุณเอาแต่นั่งมองตีนไก่ที่อยู่ในชาม เธอจึงยื่นช้อนกับตะเกียบให้
“เอ้า! กินสิคุณ นั่งมองมันไม่ทำให้อิ่มหรอกนะ”
“ไม่ละ เธอกินเถอะ เดี๋ยวฉันนั่งรอเป็นเพื่อน” เขาปฏิเสธด้วยการดันชามก๋วยเตี๋ยวออก
“ได้ไงล่ะ นี่ร้านอร่อยเชียวนะ เด็ดสุดในละแวกนี้เลยแหละ รับรองว่าถ้าคุณได้ชิม คุณจะต้องติดใจจนอยากมาอีก” เธอพยายามโน้มน้าว แน่นอนว่าคนที่เลือกร้านนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ และด้วยเหตุผลว่าความอร่อยของมันจะช่วยเยียวยาความเครียดให้แม่คุณได้เขาจึงยอม
“ก็มองว่าคุณนี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันไง หน้าก็หล่อ หุ่นก็ล่ำ อบอุ่นใจดี แถมนิสัยยังรวยอีกต่างหาก โอ้โห! นี่มันเทพบุตรสุดเพอร์เฟกต์ชัดๆ” เธอเท้าคางมองหน้าเขาพร้อมกับทำตาปริบๆ
“จะกินหรือไม่กิน…มีนา ถ้าไม่กินจะได้กลับ ฉันจะกลับไปทำงาน” เขาแก้เก้อด้วยการแสร้งทำหน้าขึงขัง
“เอ้อ…พูดถึงเรื่องงาน พรุ่งนี้ฉันไม่ลาแล้วนะคุณ ฉันจะกลับไปสอนจันทร์เจ้าเหมือนเดิม” เธอบอกพลางจัดการก๋วยเตี๋ยวที่เหลือในชามต่อ
“ทำไมต้องรีบ ทำไมไม่พักผ่อนให้หายดีซะก่อน” หัวคิ้วเขาขมวดมุ่นด้วยความฉงน
“พักไม่ได้หรอก ลืมไปแล้วรึไงว่าฉันเพิ่งถูกตัดหางปล่อยวัด ต้องยืนด้วยลำแข้งตัวเอง เพราะว่าฉัน…กลับไปขอตังค์แม่ในวันที่ถังแตกไม่ได้แล้วไง” เธอพูดติดตลก แต่เขารู้ดีว่าในใจเธอกำลังเจ็บปวด ก็ตาเธอมันฟ้องนี่นา
“อืม! งั้นก็รีบกิน กินให้มันเยอะๆ เธอจะได้กลับมาอึด ถึก ทนเหมือนเดิม” เธอยิ้มรับแล้วก้มหน้าก้มตากินตามที่เขาบอก ถึงแม้ลำคอจะตีบตันจนแทบกลืนอะไรไม่ลงเลยก็ตาม
“เอ้า! ภัทร มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่โทรล่ะ” ทันทีที่เข้ามาในโรงแรมก็พบว่าเพื่อนมานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้แล้ว เธอจึงรีบเข้าไปทัก เดือดร้อนเจ้าของโรงแรมต้องเดินตามไปด้วย
“ก็เพิ่งมาถึงนี่แหละ นี่ก็ว่าจะโทรหาอยู่พอดี แล้วนี่จะไปกันเลยไหม วันนี้เจ้าของบ้านเขาแวะมาต่อเติมบ้านแถวนั้นพอดี” เจตต์ที่ยังไม่ไปไหนหันขวับไปจ้องหน้าเธอทันที
“เอ้อ! โทษทีนะภัทร พอดีเมื่อเช้าเกิดเรื่องยุ่งๆ นิดหน่อยก็เลยไม่ได้โทรบอก เรื่องบ้านน่ะ ฉันเปลี่ยนใจไม่เช่าแล้วนะ แกเอ่อ…ไม่ว่าอะไรใช่ไหม” มีนาทำหน้ารู้สึกผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ