บทที่ 59
“พี่เม ทำไมเป็นคนขี้ฟ้องแบบนี้เนี่ย” มีนาโวยวายพลางทำหน้ามุ่ย
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร มีนิสัยยังไง รักลูกของแม่แค่ไหน ถ้าแม่ดูแล้วรู้สึกไม่โอเค แม่จะได้รีบให้เราเลิกกันเร็วๆ” ศรีไพรแสร้งทำหน้าขึงขัง ทั้งที่ก็รู้ข้อมูลบางส่วนมาจากลูกสาวคนโตแล้ว
“ไม่ได้นะแม่ หนูตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าจะต้องเอาผู้ชายคนนี้ทำผัว เอ๊ย! ทำสามีให้ได้ แล้วกว่าหนูจะจับเขาได้ มันยากนะแม่” ผู้เป็นแม่ได้ฟังถึงกับยกมือทาบอก เมื่อนี่มันมากกว่าข้อมูลที่ได้มาเสียอีก
“เดี๋ยวเหอะ! ชักจะก๋ากั่นใหญ่แล้วนะเราเนี่ย แม่จะบอกให้ป้าศิรีมาอบรมแกสักวันคอยดู” ดูเหมือนชื่อป้าศิรีจะเป็นการขู่ที่น่ากลัวและได้ผลที่สุด
“ไม่เอานะแม่ ถ้าต้องอยู่กับป้าศิรี แม่ส่งหนูไปอยู่โรงเรียนดัดสันดานเลยดีกว่า” มีนาส่ายหน้าหวือ แน่นอนว่ากิตติศัพท์ของป้าศิรีแม่ของศิศิราไม่ใช่แค่เรื่องร่ำลือ แต่เป็นเรื่องที่เธอสัมผัสมาแล้วด้วยตัวเอง
“ฮ่าๆๆ แม่ก็อย่าไปแกล้งน้องมันสิ ทุกวันนี้มันยังไม่รู้จักความรักจริงๆ เลย รู้ใจตัวเองรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลยแม่” คำพูดของเมษาทำให้ผู้เป็นแม่หันขวับไปมองที่มีนาอีกครั้ง
“นี่แกคิดจะจับเขา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบเขารึเปล่าเนี่ยนะ แกคิดอะไรอยู่กันแน่หายัยมัด” ผู้เป็นแม่ดุเสียงเขียว
“ก็คิดว่าตอนนั้นเขาหล่อ แล้วก็นิสัยรวยอะแม่” ยังไม่ทันขาดคำศรีไพรก็ฟาดที่แขนลูกสาวแรงๆ จนรายนั้นต้องรีบพูดต่อ
“ก็ตอนนั้นหนูตกงาน แล้วหนูก็ไม่มีที่ไปนี่แม่ หนูก็ต้องหาที่เกาะสิ” เธอบอกเสียงอ่อย แต่กลับทำให้พี่สาวถึงกับหัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆ นี่แกจำมาจากนางร้ายในละครใช่ไหมมัด ถามจริงมีสักเรื่องไหมที่นางร้ายได้กับพระเอก”
“ก็หนูนี่ไงจะเป็นคนแรก แล้วหนูก็ทำสำเร็จแล้วด้วย เพราะว่าพระเอกบอกชอบหนูแล้ว” อีกครั้งที่เธอทำให้พี่สาวหัวเราะลั่น ต่างกับผู้เป็นแม่ที่กำลังกุมขมับ
“เฮ้อ! ใครก็ได้ช่วยบอกทีว่าฉันควรจะทำยังไงกับลูกสาวคนนี้ดี”
“ก็ทำใจไงแม่” เมษาตะโกนบอกก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง
“โอเคๆ ไหนแกลองบอกแม่ซิว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา รักเขารึเปล่า” ผู้เป็นแม่ถามสีหน้าจริงจัง
“ยังไงถึงจะเรียกว่ารักอะแม่ หนูไม่รู้อะ” เธอมองแม่กับพี่สาวด้วยความสับสน
“โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป ใจคอไม่คิดจะโทรหากันเลยรึไง ให้ตายสิ! หงุดหงิดชะมัด” คนหงุดหงิดมองโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ก่อนจะกดโทรออกไปหาใครบางคน
“มีนา…เธอรีบไปพบท่านประธานที่ห้องด่วน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลอุตส่าห์เดินมาตามถึงลานเปียโนที่เธอเล่นด้วยตัวเอง คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาจากใคร ที่สำคัญรายนั้นคงจะเล่นใหญ่มากแน่ๆ สีหน้าของผู้จัดการคนนี้จึงไม่สู้ดีนัก
“เขาบอกรึเปล่าคะว่ามีเรื่องอะไร” มีนาเงยหน้าขึ้นถามขณะกำลังเก็บของลงกระเป๋าสะพาย
“แล้วเธอไปทำอะไรไว้ล่ะ เขาถึงได้อารมณ์เสียขนาดนั้น เอ้า! เสร็จรึยังเนี่ย มัวแต่ชักช้าอยู่ได้ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกกันหมดหรอก” ผู้จัดการเร่งด้วยความร้อนใจอีก
“เสร็จแล้วค่ะเสร็จแล้ว”
“เสร็จแล้วก็รีบไปสิ วิ่งไปเลยได้ยิ่งดี” ไม่พูดเปล่า แต่ผู้จัดการยังทั้งผลักทั้งดันหลังให้เธอรีบไป เธอเองก็ดันบ้าจี้วิ่งไปตามที่เขาบอกเสียอย่างนั้น กระทั่งมาถึงที่หน้าประตูห้องของท่านประธาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอไม่ลืมที่จะเคาะประตูตามมารยาทก่อนเปิดเข้าไป
“อุ๊ย!” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง เธอก็ถูกเจ้าของห้องดึงไปกอดโดยไม่ทันตั้งตัว ในขณะที่หูก็ยังได้ยินเสียงกดล็อกประตูห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จะอ่อยให้คุณรักหัวปักหัวปำ