จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ นิยาย บท 128

บทที่ 127 ความตกตะลึงของทุกคน

ปรมาจารย์กู่ที่กำลังจะหนีไปถึงประตูทางออกแล้ว ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกได้ในที่สุด

หนีมาได้ไกลขนาดนี้ หลินชางฉองไม่น่าจะตามมาทันแล้วล่ะนะ!

เฮอะ! ยังมีหน้ามาพูดว่าหนีไม่พ้นงั้นเรอะ  ช่างคุยโวโอ้อวดได้อย่างไร้ยางอายสิ้นดี!

ชั่วขณะนั้นเอง เสียงราบเรียบเย็นชาของหลินหยุนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"กระบวนท่าที่สามของสิบแปดท่าต้าเต๋า ค้อนดาวร่วง!"

ไม่จริงน่า? อีกแล้วเหรอ!

ระยะห่างขนาดนี้ ฉันจะดูซิว่าแกจะโจมตีโดนฉันได้ยังไง!

เสียงนี้ช่างเป็นเหมือนฝันร้าย ที่ตามวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในหูของปรมาจารย์กู่เสียจริง!

ทันใดนั้น กลุ่มพลังชี่ทิพย์อันแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า แล้วพุ่งทะยานเข้าโจมตีปรมาจารย์กู่ที่กำลังวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว

จู่ๆปรมาจารย์กู่ก็เกิดลางร้ายบางอย่าง เหงื่อแตกพลั่กไปทั่วทั้งตัว รีบเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีกครั้งจนถึงขีดสูงสุด !

แต่ไม่ว่าความเร็วของเขาจะเร็วมากสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถเร็วได้เท่ากับความเร็วจากการโจมตีของพลังชี่ทิพย์กลุ่มนั้น

พลังที่มองไม่เห็นสายหนึ่ง ตกลงมาจากท้องฟ้าโดยตรง แล้วกระแทกเข้ากลางศีรษะของปรมาจารย์กู่ บีบอัดทั้งตัวของเขาลงไปกับพื้น บดขยี้กระดูกทั้งหมดในร่างของเขาจนแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี

เฮ้ย!

ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนทันที จ้องมองดูฉากนี้ด้วยความสยดสยอง!

ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ได้กลายเป็นอะไรบางอย่าง ที่มันเกินขีดจำกัดความรู้ความเข้าใจของทุกคนไปเรียบร้อยแล้ว!

จากนั้น ทั้งสนามก็เงียบกริบ!

ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงค่อยมีคนพูดขึ้นมาว่า

“ปรมาจารย์กู่ตายแล้วเหรอ” มีคนถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

“ตายแล้วล่ะ ตายชนิดที่ไม่รู้ว่าจะตายยังไงได้อีกเลยด้วย !” มีใครบางคนตอบกลับด้วยอาการที่ยังตะลึงอึ้งค้างไม่หาย

"เขาทำได้ยังไงกัน! ระยะห่างจากสังเวียนไปถึงประตูหน้าเลยเชียวนะ น่ากลัวว่าคงจะเกือบๆร้อยเมตรได้ เขาใช้วิธีอะไรในการฆ่าปรมาจารย์กู่กันแน่?"

“ ฉันเดาว่ามันน่าจะเป็นเวทมนต์ที่ทรงพลังมากแน่ๆ!”

“น่าขำสิ้นดี ปรมาจารย์กู่บ้าบออะไรกัน ฉันว่าหลินชางฉองคนนี้ต่างหาก ถึงจะเป็นปรมาจารย์ตัวจริง!”

จู่ ๆ ไม่รู้มีใครพลันร้องตะโกนขึ้นมาว่า "ปรมาจารย์หลิน!"

จากนั้นคนที่สองก็ร้องตะโกนตามขึ้นมาติดๆ "ปรมาจารย์หลิน!"

จากนั้นก็มีคนที่สาม คนที่สี่ตามมา เกือบทุกคนต่างร้องตะโกนเสียงดังกึกก้องว่า "ปรมาจารย์หลิน ปรมาจารย์หลิน ... "

ทั้งสนามประลองยุทธ มีเพียงเสียงเชียร์ที่ดังสนั่นเป็นเสียงเดียวกันว่า

ปรมาจารย์หลิน!

บางที คงมีเพียงฉายานามนี้เท่านั้น ที่คู่ควรกับพลังอันน่าทึ่งซึ่งสามารถฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่า ทั้งๆที่อยู่ห่างจากกันไกลออกไปนับร้อยเมตรได้!

เสี่ยวยู่จ้องมองหลินหยุนด้วยสีหน้าทึ่มทื่อ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเคารพยกย่อง

"ไม่แปลกเลย ที่พี่หลินจะไม่พนันที่สังเวียนมืด และไม่แปลกเลย ที่เขาจะมอบเงินหลายสิบล้านให้เฉินฟางได้โดยไม่กะพริบตาสักนิด ถ้าฉันมีเวทมนต์ที่แกร่งกล้าถึงขั้นท้าทายสวรรค์ได้ขนาดนี้ ทำไมฉันถึงต้องไปสนใจใยดีกับเรื่องเงินทองของเหม็น ๆ ทั้งหลายเหล่านั้นด้วยล่ะ!”

เสี่ยวยู่รู้สึกว่าเหมือนมีโลกใหม่โลกหนึ่ง มาปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเธอแบบไม่ทันตั้งตัว

ในตอนนี้เธอค้นพบขึ้นอย่างฉับพลันว่า บรรดาลูกหลานเศรษฐีที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองทั้งหลาย ที่เธอเคยนึกอิจฉาตาร้อนมาก่อนหน้านี้ เมื่อเปรียบเทียบกันกับหลินหยุนในเวลานี้แล้ว พวกนั้นต่างก็ไร้ค่า ไม่มีราคาอะไรเลยทั้งนั้น

เฉินหมิงวั่งสีหน้าหวาดผวา รีบซ่อนตัวลงไปหลบที่ใต้เก้าอี้นั่งทันที

เฉินต้าเจียงถามจนแทบจะคำรามด้วยความสงสัย“ ไอ้เจ้าลูกกระต่ายนี่ แกทำอะไรของแกหา?”

เฉินหมิงวั่งตอบด้วยท่าทางหวาดกลัวว่า "พ่อ ผมไปทำให้ปรมาจารย์หลินขุ่นเคืองใจเข้าแล้วน่ะสิ ผมกลัวว่าเขาจะตามมาล้างแค้น เลยต้องรีบซ่อนตัวก่อน พ่ออย่าบอกใครนะว่าเห็นผมที่นี่!"

เฉินต้าเจียงตกตะลึงอย่างหนัก อ้าปากด่าด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า " ไอ้ลูกเวร คนที่แทบจะเทียบชั้นเทพเจ้าขนาดนี้ แกยังกล้าไปหาเรื่องเขา นี่แกอยากตายนักหรือยังไงหา! ถ้าอยากตายนักก็อย่ามาลากพวกฉันไปตายพร้อมกับแกด้วยล่ะ!"

เฉินหมิงวั่งก็เสียใจภายหลังแทบตายอยู่แล้ว ถ้าเขาดีกับหลินหยุนสักหน่อย ตอนนี้เขาก็สามารถกอดต้นขาของหลินหยุน หาที่พึ่งพาอันยิ่งใหญ่ได้แล้วแท้ๆ!

ถ้าได้กอดต้นขาของคนระดับที่เกือบจะเทียบเคียงกับเทพเจ้าได้ ในอนาคตตระกูลของพวกเขาจะต้องโรจน์รุ่งพุ่งแรงอย่างแน่นอน

น่าเสียดายแล้ว ตอนนี้แทนที่จะได้กอดต้นขานี้ให้แน่น เขากลับไปทำให้ให้เจ้าของต้นขาขุ่นเคืองใจเข้าเสียอีก

เฉินฟางมองหลินหยุนที่อยู่บนสังเวียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว

"ที่แท้พลังแท้จริงของนาย ก็แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลย! หลินหยุน ไม่ได้เจอกันหลายปี ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกับนายกันแน่?"

"ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เขาบอกว่าเขามีพลังอำนาจและร่ำรวยเหนือใคร ขอเพียงแค่เขาอยากได้อะไร แค่พลิกฝ่ามือ เขาก็ได้มาง่ายๆดั่งใจหวังแล้ว!"

"ไม่น่าแปลกใจที่เขาบอกว่า ต่อให้มีอำนาจล้นฟ้า ร่ำรวยเหนือใคร ฉันก็สามารถจัดการมันให้ตายได้ในดาบเดียว!"

“ตอนนั้นฉันยังคิดว่าเขายังเด็กเกินไป เลยพูดจาอวดเก่งไปอย่างนั้น กลับกลายเป็นว่าเป็นฉันเองต่างหากที่เอาแต่นั่งอยู่ก้นบ่อน้ำ ไม่เคยได้รู้จักวีรบุรุษที่โลดแล่นอยู่ในโลกใบนี้จริงๆ!”

"แค่สามหมัด ก็ฆ่าปรมาจารย์กู่ที่อยู่ห่างออกไปนับร้อย ๆ เมตรได้ ทักษะที่วิเศษระดับเทพเซียนขนาดนี้ ช่างเป็นอะไรที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ!"

“อำนาจล้นฟ้าแล้วยังไง? ร่ำรวยระดับประเทศแล้วยังไง? เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเวทมนต์ระดับเทพเซียนนี้แล้ว แทบจะไม่ต้องยกมาพูดให้เปลืองน้ำลาย มันก็แค่เรื่องขี้ผงที่ถูกจัดการได้ในดาบเดียวแค่นั้นเองไม่ใช่เหรอ?”

ลุงฉินที่อยู่ข้างๆถอนหายใจเฮือก สีหน้าฉายชัดถึงความอัปยศอดสู "คุณหาน ท่านว่าครั้งก่อนที่ผมแสดงทักษะบู๊ต่อหน้าเขา นั่นไม่กลายเป็นการสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกเหรอ?"

“ตอนนั้นเขาคงต้องหัวเราะผมอยู่ในใจแน่ ๆ!”

ทันที่ได้ยินลุงฉินพูดอย่างนี้ออกมา หานกั๋วเฉียงก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้น มันเป็นความคิดของเขาเองที่สั่งให้ลุงฉินใช้พลังยุทธไปข่มขู่หลินหยุน

ในขณะที่ความสนใจของทุกคนต่างไปอยู่ที่หลินหยุน จู่ ๆ เจียงจงโหยวก็หันหลัง แล้วค่อยๆแอบย่องออกไปเงียบ ๆ

แต่ทว่า เหมือนหลินหยุนจะมีดวงตางอกอยู่ข้างหลังก็ไม่ปาน

"หยุดซะ!" หลินหยุนสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เขาหันไปมองเจียงจงโหย่ว ถามเสียงเรียบว่า "เจียงจงโหย่ว ครั้งก่อนแกติดค้างทรัพย์สินครึ่งหนึ่งฉันอยู่สินะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คืนมาเลยด้วย หนี้ก้อนนี้ สมควรจะชำระสะสางให้เรียบร้อยสักทีดีมั้ย!"

เจียงจงโหยวตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว หันกลับมา สีหน้ากระอักกระอ่วนสุดขีด

เจียงจงโหยวมองหลินหยุนด้วยสีหน้าประจบเอาใจ คล้ายอยากเชื่อมสัมพันธไมตรีเต็มที่ เลียปากพลางยกยิ้ม "ต้องขออภัยปรมาจารย์หลินจริง ๆ นะครับ การตรวจสอบสะสางบัญชีทรัพย์สินออกจะเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่สักหน่อย ตอนนี้ก็เพิ่งจะตรวจสอบสะสางเสร็จ คุณโปรดรอสักครู่ ผมจะรีบกลับไป แล้วจัดการเคลียร์ให้คุณเดี๋ยวนี้เลยนะครับ! "

หลินหยุนกล่าวว่า "ไม่ต้องหรอก อย่างที่ฉันเคยพูดไป ครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินคือเงินที่ใช้ซื้อชีวิตของแก เมื่อแกผิดสัญญา ฉันก็มีแต่ต้องเอาชีวิตของแกแทน"

หากมีใครคนอื่นมาบอกว่า เขาจะเอาชีวิตเจียงจงโหยว เจียงจงโหยวคงจะหัวเราะเยาะเย้ย ถากถางคนคนนั้นอย่างดุเดือดแน่นอน

แต่หลังจากที่หลินหยุนพูดประโยคนี้ออกไป ทันทีที่เจียงจงโหยวได้ยิน เขาก็รู้สึกเหมือนว่าร่างทั้งร่างร่วงตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง ราวกับได้เห็นเคียวของเทพแห่งความตายค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีๆ

เจียงจงโหยวคุกเข่าลงกับพื้นทันที ร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังว่า "อย่านะครับท่านปรมาจารย์หลิน ผมรู้ว่าผมผิดไปแล้ว ผมจะส่งมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้คุณทันที ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะนะครับ!"

“สายไปแล้ว” หลินหยุนพูดเรียบ ๆ แล้วเดินเข้าไปหาเจียงจงโหยวทีละก้าวๆ

"ปรมาจารย์หลิน ผมยินดีมอบทรัพย์สินทั้งหมดของผมให้เลย ขอเพียงท่านไว้ชีวิตผมแค่นั้นก็พอแล้ว!" สีหน้าของเจียงจงโหยวซีดเผือด ตื่นตระหนกจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์