หลังจากที่ส่งทุกคนออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว จ้าวเทียนก็เข้าไปที่มิติลับของท่านอาจารย์ วันนี้เขาจะช่วยลี่เหยาเหยากับโม่ปิงหยูทลายขอบเขต ด้วยความที่พวกเธอกลายเป็นศิษย์สายในแล้ว
จึงได้รับหินวิญญาณระดับเทพจากท่านอาจารย์เช่นกัน และทั้งสองคนก็ยังอยู่ที่จุดสูงสุดของปรมาจารย์ด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะยกระดับสู่ขอบเขตเซียน
“ เหยาเหยา…เธอแน่ใจนะ เธอได้รับสืบทอดเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพมาแล้ว หากเดินตามวิถีเทพแบบเดิม จะง่ายและรวดเร็วเป็นอย่างมากเลยนะ ” จ้าวเทียนถามย้ำอีกครั้ง
“ ฉันปรึกษากับเทพธิดาซวนเฉวียนแล้ว…เนื่องจากเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพจะเป็นการสืบทอดพลังของเทพที่เป็นต้นกำเนิด”
“ แต่เทพธิดาซวนเฉวียนบอกว่า เธอเป็นเพียงเทพโลกาขั้น 1 ที่อ่อนแอเท่านั้น ต่อให้ฉันเดินตามเส้นทางของเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจฝึกวิถีเซียนเพราะมันแข็งแกร่งกว่า เธอจะเป็นคนช่วยฉันสร้างเมล็ดพันธุ์เอง ”
เมื่อเห็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ของลี่เหยาเหยา จ้าวเทียนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เขารับหินวิญญาณระดับเทพมาจากทั้งสองคน
แล้วสร้างเป็นเขตอาคมรวมจิตวิญญาณระดับสูงสุดสองอัน โดยมันมีพื้นที่ประมาณสิบตารางเมตรเท่านั้น พอให้คนเดียวใช้ได้สบาย
“ ภายในมิติลับแห่งนี้…ได้รับการปกป้องจากพลังของท่านอาจารย์ พวกเธอไม่ต้องกลัวว่าจะสร้างความเสียหาย ให้ตั้งสมาธิไปที่การสร้างเมล็ดพันธุ์ก็พอ ”
“ เอาล่ะ…พวกเธอดูดซับเศษผลึกดวงดาวได้เลย หลังจากนี้ฉันจะเปิดใช้เขตอาคมแล้ว จำไว้ว่า ต้องเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง วิถีเซียนเป็นการต่อต้านสวรรค์ มันต้องการเจตจำนงอันแรงกล้าถึงจะทำได้ ”
เมื่อเห็นทุกคนพร้อมแล้ว จ้าวเทียนก็สะบัดมือเบาๆ
วูปปป!
เขตอาคมรวมจิตวิญญาณทั้งสองแห่ง เปล่งแสงสีขาวออกมาพร้อมกัน
ครืนนนน
เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นอย่างช้าๆ เขตอาคมที่ลี่เหยาเหยานั่งอยู่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีทอง มันหมุนวนอยู่รอบๆตัวเธอเหมือนเป็นสมุนบริวาร
ส่วนเขตอาคมที่โม่ปิงหยูนั่งอยู่ ได้เกิดต้นสมุนไพรงอกขึ้นมามากมาย กลิ่นอายพลังชีวิตเข้มข้นแพร่กระจายออกมาจากตัวเธอ ช่วยให้สถานที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณอันหนาแน่นกว่าเดิม
จ้าวเทียนยืนมองทุกอย่างด้วยความพึงพอใจ เขาคิดถูกที่ให้พวกเธอบรรลุขอบเขตพร้อมกัน เพราะพลังของโม่ปิงหยูนั้นส่งผลดีต่อคนที่อยู่รอบข้าง ทำให้ลี่เหยาเหยาได้รับประโยชน์ไปด้วย
‘ ที่เหลือก็เพียงแค่รอเท่านั้น…เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ฉันคงต้องคอยดูอย่างใกล้ชิด ’
‘ ส่วนศิษย์พี่หญิงกับหลินซิงเสวียน ก็น่าจะตื่นภายในวันนี้ ฉันอยู่รอพวกเธอด้วยเลยก็แล้วกัน ’
จ้าวเทียนเดินมาตรวจสอบรังไหมขนาดยักษ์ในห้องนอน เขารู้สึกเหมือนร่างที่อยู่ด้านในกำลังส่งสัญญาณเหมือนจะตื่นขึ้น
แม้แต่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่วางอยู่ข้างๆ ก็เริ่มมีเปลวเพลิงสีฟ้าปะทุออกมา มันเป็นสัญญาณของการยกระดับพลังของเผ่าวิญญาณ
ในเวลาเดียวกัน
ภายในหมู่ตึกขนาดใหญ่ ทางตอนเหนือของประเทศจีน สถานที่แห่งนี้เป็นสำนักงานหลักของสมาคมปีศาจสาวที่เสี่ยวชิงเป็นคนสร้างไว้เมื่อ 300 ปีก่อน
เพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์เดียวกัน ที่ต้องถูกพวกผู้ฝึกตนตามล่าโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ด้วยระดับพลังของเธอในเวลานั้น ได้ขีดเส้นอาณาเขตพื้นที่ปกครองของเธอ หากมีผู้ฝึกตนรุกล้ำเข้ามาจะสังหารไม่ละเว้น
ต้องขอบอกว่า หากไม่ใช่เพราะเธอแคร์ความรู้สึกของต้วนมู่เฉียน เธอคงอาละวาดจนยุทธภพสั่นสะเทือนแน่นอน ที่บังอาจมาบีบให้คนรักต้องแยกจากกัน
เธอรู้สึกเหมือนสวรรค์ต้องคอยขัดขวางอยู่ตลอด ในอดีตพี่สาวของเธอ ไป๋ซู่เจินก็โดนจับแยกจากคนรัก แล้วนำไปขังอยู่ใต้เจดีย์เหลยเฟิงหลายร้อยปี
พอถึงคราวเธอมีคนรักบ้าง ก็ต้องแยกจากกัน ไม่อาจพบหน้ากันได้ชั่วชีวิต มันคล้ายกับเป็นคำสาปของรักต้องห้าม ที่สวรรค์ไม่ยอมรับ
ผ่านมาสามร้อยปีอาณาเขตของเสี่ยวชิง ก็กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยของพวกปีศาจสาว จากนั้นสมาคมก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยมีเธอเป็นประธาน
แต่เนื่องจากเสี่ยวชิงไม่ค่อยได้เข้ามาจัดการเรื่องสมาคมเท่าไหร่ ทำให้ภายหลังได้กลายเป็นที่ซ่องสุมของพวกปีศาจชั่วร้าย จนกระทั่งถูกหลินซูซินจับกินเมื่อสองปีก่อน
ในปัจจุบันทางสมาคมได้เปิดประชุมครั้งสำคัญขึ้นโดยตัวประธานเอง ต้องบอกเลยว่าข่าวนี้ได้สร้างความตกตะลึงให้กับสมาชิกทุกคนเป็นอย่างมาก
เพราะตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมมา เสี่ยวชิงไม่เคยจัดการประชุมเองแม้แต่ครั้งเดียว โดยส่วนใหญ่จะเป็นรองประธานเป็นคนจัดการมากกว่า
“ หลังจากนี้…หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือจากประธานไป๋และประธานซู พวกเธออยู่ที่ทะเลสาบมรกต เมืองเทียนจิน ”
“ หลังจากนี้ฉันจะเก็บตัวฝึกวิชา…หากไม่มีอะไรสำคัญจริงๆไม่ต้องติดต่อมา ” เสี่ยวชิงพูดทิ้งท้าย ก่อนจะให้ผู้ที่มาร่วมประชุมออกไปได้
“ งั้นฉันขอออกไปคุยธุรกิจกับพวกเธอก่อนนะ…ฉันอยากถือหุ้นร้านของโจวซือซือด้วย ฉันจะถ่ายทอดเคล็ดวิชายั่วยวนให้พวกเธอเอง ”
“ ฉันรับรองเลยว่า…ไม่มีมนุษย์ผู้ชายปกติคนไหนทนไหว ” ซูต๋าจี่หันมาบอกพวกไป๋ซู่เจิน แล้วเดินเข้าไปหาโจวซือซืออย่างร่าเริง
ในยุคสมัยนี้ ทุกอย่างล้วนขับเคลื่อนด้วยเงิน ตัวเธอเองเป็นถึงปีศาจระดับตำนาน จะให้ขอเงินหลินซูซินตลอดก็คงจะดูไม่ดี
ดังนั้นเมื่อได้รู้รายละเอียดธุรกิจของโจวซือซือ เธอก็เกิดไอเดียขึ้นมาทันที
‘ ขอแค่ฉันถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้ปีศาจสาวพวกนี้…และให้การดูแลฝึกฝนพวกเธอเป็นพิเศษ โดยแลกกับรายได้ของพวกเธอ 20% ในแต่ละเดือน ’
‘ เท่านี้ฉันก็นอนนับเงินสบายแล้ว อิอิ ’
หลังจากทุกคนออกไปจนหมด ในห้องก็เหลือเพียงไป๋ซู่เจินและเสี่ยวชิง พวกเธอทั้งสองคนนั่งสบตากันเงียบๆ
“ เธอตัดสินใจแบบนี้จริงๆเหรอ…ต่อให้ทำสำเร็จ มันก็ต้องแลกมาด้วยตบะสองพันปีของเธอเลยนะ ถึงตอนนั้นเธอก็จะกลายเป็นเพียงงูเขียวธรรมดาตัวหนึ่ง ที่ไม่สามารถบ่มเพาะได้อีก ” ไป๋ซู่เจินถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ฉันไม่มีทางเลือก…เขาเหลือเวลาอีกเพียง 5 เดือนเท่านั้น การที่ไม่ได้พบหน้ากัน 300 ปี มันก็ทำร้ายจิตใจของฉันมากพอแล้ว หากต้องทนดูเขาตายไปอีก ฉันรับมันไม่ไหวจริงๆ ” เสี่ยวชิงพูดออกมาด้วยเสียงอ่อนแรง น้ำตาของเธอไหลซึมออกมาเป็นสาย
เมื่อไป๋ซู่เจินเห็นแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า จากนั้นก็ใช้แขนเสื้อซับน้ำตาให้เสี่ยวชิงอย่างอ่อนโยน
“ ตกลง…ฉันจะช่วยเธอเอง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...