จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 258

ด้านบนกำแพงเมืองหยกเขียว เปียนเจียวเมิ่งเจ้าสำนักคุนหลุน และแม่ทัพรักษาเมืองได้เฝ้าดูการต่อสู้ของสุดยอดฝีมือทั้งห้ามาตั้งแต่ต้น

ต้องยอมรับว่า ในตอนที่จ้าวเทียนเปิดช่องว่างมิติเพื่อให้เทพกระบี่ปรากฏตัวออกมา ทำให้ทั้งคู่ต่างรู้สึกตกใจมาก พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับบุคคลในตำนานเมื่อร้อยห้าสิบปีก่อนแบบนี้

โดยสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ ก็คือการที่จ้าวเทียนที่มีอายุเพียงยี่สิบปีกลับสามารถต่อสู้กับตัวตนระดับเจ้าสำนักใหญ่ได้ ทั้งยังครองความได้เปรียบอีกด้วย

ชายหนุ่มคนนี้ช่างมีความแข็งแกร่งที่ยากจะคาดเดาจริงๆ…

แต่ถึงแม้จะมั่นใจในความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนขนาดไหน ในตอนที่หลวงจีนคิ้วขาวและอั้งฮวงหลงปรากฏตัว เปียนเจียวเมิ่งก็ร้องผิดท่าในใจ เธอรีบส่งเสียงทางลมปลาณบอกให้จ้าวเทียนรีบหาโอกาสหลบหนีโดยเร็ว

เพราะทั้งสองคนที่มาใหม่ อยู่คนละระดับกับพวกนักพรตฮวยเหล็งอย่างสิ้นเชิง

‘ ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากเทพกระบี่ก็เถอะ…ก็คงไม่มีทางที่จะเอาชนะห้ายอดฝีมือแห่งยุคพร้อมกันได้แน่นอน ’

ทางด้านจ้าวเทียน เขาได้ยินเสียงเตือนของเปียนเจียวเมิ่งแล้ว นอกจากนี้ยังรู้เรื่องที่แม่ของเขาและเด็กๆหลบหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย จากสายลับของสำนักคุนหลุน

ทำให้ตอนนี้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะต่อสู้เสี่ยงชีวิตอีกต่อไป ต่อให้มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองขนาดไหน

แต่ฝ่ายตรงข้ามทั้งสองคนเป็นถึงยอดฝีมือในระดับเดียวกับผู้อาวุโสต้วนมู่เฉียน ต่อให้สู้กันแบบตัวต่อตัว โอกาสชนะยังมีครึ่งต่อครึ่งเท่านั้น อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่พวกจ้าวเทียนตกอยู่ในวงล้อมของฝ่ายตรงข้ามเลย

‘ ถ้าฉันสามารถทะลวงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนนภาได้ละก็…ต่อให้ต้องรับมือกับพวกเขาทั้งห้าคนพร้อมกันก็ไม่กลัว ’

จ้าวเทียนนั้นไม่เหมือนเทพกระบี่ เพราะเขามีเมล็ดพันธุ์สุริยัน ซึ่งถือกำเนิดมาจากเคล็ดวิชาหมื่นตะวัน เคล็ดวิชาระดับเทวะของแดนสวรรค์โบราณ ซึ่งมันเหนือไปกว่าวิชาของโลกนี้หลายเท่า

“ ไม่เป็นไร…ฉันรู้จักนิสัยของทั้งสองท่านนี้ดี หากพวกเขาเห็นด้วยกับการกระทำของสมาพันธ์บู๊ลิ้มตั้งแต่แรก คงไม่เพิ่งปรากฏตัวออกมาตอนนี้แน่นอน ”

เทพกระบี่ได้ส่งเสียงทางลมปราณบอกจ้าวเทียน จากนั้นเขาก็หันไปยกมือคารวะหลวงจีนคิ้วขาวและอั้งฮวงหลง

“ ไม่ทราบว่าที่ผู้อาวุโสทั้งสองมาในครั้งนี้…มีจุดประสงค์อะไรเหรอ ”

อายุที่แท้จริงของเทพกระบี่นั้น อ่อนกว่าฝ่ายตรงข้ามเกือบห้าสิบปี แม้ทั้งสามคนจะถือเป็นคนรุ่นเดียวกัน แต่ตอนที่อีกฝ่ายมีชื่อสียงโด่งดัง เทพกระบี่ยังไม่เริ่มฝึกวิชาเลยด้วยซ้ำ

ในโลกนี้ คนที่เทพกระบี่ให้ความเคารพนับถือจริงๆ นอกจากอาจารย์ของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็มีแต่หลวงจีนคิ้วขาวและอั้งฮวงหลงนี่แหละ เพราะนอกจากพวกเขาจะมีพลังฝีมืออยู่ในจุดสูงสุดแล้ว ยังมีคุณธรรมและจิตเมตตาอีกด้วย

“ อามิตตาพุทธ…ที่พวกอาตมาปรากฏตัวขึ้น ก็เพื่อหยุดการต่อสู้อันไร้ประโยชน์ในครั้งนี้ ขอให้ทั้งสองฝ่ายเลิกลากันเพียงเท่านี้ได้หรือไม่ ” หลวงจีนคิ้วขาวพูดออกมาด้วยท่าทีนิ่งสงบ

อย่างไรเสีย ท่านเองก็เป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธ์บู๊ลิ้ม ต่อให้ก่อนหน้านี้จะมีปัญหาไม่ลงรอย แต่ก็คงไม่อาจวางเฉยเห็นคนตายโดยไม่ช่วยได้

จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้แม่ของตนและพวกเด็กๆปลอดภัยแล้ว เขาเองก็อยากถอนตัวออกไปเช่นกัน

ส่วนเรื่องจัดการกับสมาพันธ์บู๊ลิ้มนั้น ยังไม่ถึงเวลา ต่อให้เขาสังหารนักพรตฮวยเหล็งลงในวันนี้ เรื่องก็จะมีแต่จะแย่ลง มันจะทำให้สมาพันธ์บู๊ลิ้มเกิดความบ้าคลั่งขึ้นมาเปล่าๆ

‘ ตราบใดที่ประตูมิติยังไม่เปิด…คงไม่ดีนักที่จะเปิดศึกกับพวกเขาตรงๆ ยังมีเจ้าตำหนักเทวะผู้ลึกลับคนนั้นอีก ไม่รู้ว่าเขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือไม่ ’

ขอเพียงจ้าวเทียนรวมกำลังคนของห้าแคว้นได้ตามแผนการ รวมกับได้รับกำลังเสริมจากโลกภายนอก เขาถึงจะมีความมั่นใจประกาศสงครามกับสมาพันธ์

“ ตกลง…เชิญผู้อาวุโสทั้งสองพาคนพวกนี้กลับไปได้เลย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาได้ส่งเสียงทางลมปราณปรึกษากับเทพกระบี่แล้ว บทสรุปแบบนี้คงดีที่สุด

ทันใดนั้นเอง

“ ช้าก่อน!...ฉันไม่เห็นด้วย จ้าวเทียนเป็นศัตรูของพวกเราทุกคน เขาได้สังหารผู้อาวุโสของสมาพันธ์ไปมากมาย เราไม่สามารถปล่อยเขาไปแบบนี้ได้ ” นักพรตฮวยเหล็งพูดขัดขึ้นมาเสียงดัง

“ ฉันก็ไม่เห็นด้วย…ชายคนนี้บุกเข้าไปสังหารคนถึงในสำนักของฉัน ผู้อาวุโสทั้งสองเองก็เป็นผู้นำของสมาพันธ์ พวกคุณควรช่วยเหลือพวกเราจัดการศัตรูจึงจะถูกต้อง ” เจ้าสำนักง้อไบ๊พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนมีมากเกินไป ตอนนี้พวกเขากลายเป็นศัตรูกันอย่างชัดเจนแล้ว หากอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่แล้วเธอจะนอนหลับอย่างมีความสุขได้อย่างไร

“ จริงด้วย…ถ้าห้ายอดฝีมือแห่งยุคร่วมมือกันยังไงก็ไม่มีวันแพ้ ”

“ อย่าปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้เด็ดขาด ”

“ พวกเรา ต้องการให้วัดเส้าหลินและพรรคกระยาจกเป็นผู้นำกำจัดมารร้าย ”

คำพูดของนักพรตฮวยเหล็งและเจ้าสำนักง้อไบ๊ กระตุ้นคนที่เหลือได้ทันที พวกเขาต่างโห่ร้องแสดงความไม่พอใจออกมา โดยเฉพาะตัวแทนจากสำนักต่างๆที่ต้องอับอายขายหน้าเพราะจ้าวเทียน

หากต้องแยกย้ายกันไปทั้งแบบนี้ พวกเขายังจะมีหน้าอยู่ในยุทธภพต่อไปได้อีกเหรอ

แวบ!

ดวงตาของเขามีธรรมจักรหมุนวนอยู่ด้านใน เปล่งประกายสีทองอันเจิดจ้า ด้วยเคล็ดวิชานี้เขาสามารถมองเห็นเส้นใยแห่งกรรมของฝ่ายตรงข้ามได้

‘ ชายหนุ่มคนนี้สังหารผู้คนมามากมายจริงๆ…เส้นทางของเขาในภายภาคหน้าจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายโลหิต ’

แววตาของหลวงจีนคิ้วขาวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

เขามองเห็นสายใยแห่งกรรมนับไม่ถ้วนผูกมัดจ้าวเทียนเอาไว้ ซึ่งบ่งบอกว่าภายในอนาคตอีกฝ่ายจะเป็นต้นเหตุให้เกิดการนองเลือดอีกนับไม่ถ้วน

เพียงความคิดเดียวของจ้าวเทียน…อาจจะทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านเลยทีเดียว

“ ผู้อาวุโส…คุณมีเรื่องอยากจะพูดกับฉันหรือเปล่า ” จ้าวเทียนถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย เขารู้จักเคล็ดวิชาที่อีกฝ่ายใช้ดี

มันเป็นเคล็ดวิชาชั้นสูงของโลกทิพย์แห่งพุทธะ สามารถรับรู้ถึงอดีต ปัจจุบันและอนาคตได้ แม้จะเป็นเพียงแค่ผิวเผิน แต่การที่หลวงจีนคิ้วขาวใช้เคล็ดวิชานี้โดยไม่ขออนุญาตก่อน มันเสียมารยาทมาก

“ อามิตตาพุทธ…อาตมาต้องขออภัยด้วยกับการกระทำเมื่อครู่ แต่หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องที่ผ่านมาของประสกแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการต่อสู้อันไร้ประโยชน์ ”

“ อาตมามีคำขออยู่หนึ่งข้อ…หวังว่าประสกจะให้ความร่วมมือ ”

จ้าวเทียนที่ได้ยินแบบนั้นก็มีท่าทีแปลกใจขึ้นมา เขามองบรรยากาศรอบๆออก มันยากมากที่จะไม่เกิดการต่อสู้ขึ้น แต่ตัวเขากับเทพกระบี่ก็ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์เอาไว้แล้ว

“ เชิญผู้อาวุโสพูดมาได้เลย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์อะไร

“ อามิตตาพุทธ…อาตมาขอเชิญประสกไปเก็บตัว ศึกษาพระธรรมที่วัดเส้าหลินเป็นเวลาสิบปี ”

!!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน