จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 447

ต่อให้จ้าวเทียนจะไม่ได้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการทำนาย แต่เคล็ดวิชานับพันสายของสำนักดาราสวรรค์ล้วนแต่เคยผ่านตาเขามาทั้งสิ้น

จึงเป็นเหตุผลให้เขาสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติได้ในทันที แตกต่างจากคังหลินที่ถึงแม้จะฝึกฝนอยู่ในสำนักมาหลายพันปี แต่ก็มุ่งเน้นเพียงด้านค่ายกลและเคล็ดวิชาต่อสู้เท่านั้น

“ นี่…เอ่อ ” คังหลินมองสลับระหว่างจ้าวเทียนกับหลินซูซินด้วยความสับสนเล็กน้อย ก่อนจะเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วรีบสะบัดมือออกไปเบาๆ เพื่อกางเขตอาคมปิดกั้นการสอดแนมจากโลกภายนอกทั้งหมด

“ อืม…ดูเหมือนจะปิดบังศิษย์น้องไม่ได้จริงๆ แต่ที่ฉันจำเป็นต้องเล่นละครไปแบบนี้ ก็เพราะฝ่ายตรงข้ามไม่อยากให้เทพโอซีริสและเทพีอามาเทราสุ รู้เรื่องการติดต่อของพวกเรา ” หลินซูซินหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ ตอนนี้จ้าวหยูเหมยได้ถูกช่วยเหลือออกมาเรียบร้อยแล้ว เธอได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และกำลังพักผ่อนอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ขอให้พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง ”

!!

“ นี่มัน…เป็นความจริงเหรอ ” สีหน้าของเหยียนซือหนิงเปลี่ยนไปทันที เมื่อได้รับข่าวของบุตรสาวอันเป็นที่รัก

และก็ไม่ใช่เพียงแค่เธอเท่านั้น ทั้งลี่เหยาเหยา โม่ปิงหยู กงเสี่ยวเหมย และทุกๆคนที่อยู่ในห้อง ต่างรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกไปตามๆกัน

“ เป็นความจริงแน่นอน ฝ่ายตรงข้ามได้แสดงภาพนิมิตให้ฉันเห็นอย่างชัดเจน จ้าวหยูเหมยกำลังนอนหลับอยู่ในอารามอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง ที่ข้างกายของเธอยังมีเขตอาคมคุ้มกันอย่างแน่นหนาอีกด้วย ”

หลินซูซินตอบพร้อมกับมองไปทางจ้าวเทียนอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำให้เขารีบถามขึ้นทันที

“ พวกเขามีเงื่อนไขอะไร ศิษย์พี่หญิงคุณรีบบอกออกมาเถอะ ”

“ อันที่จริงเงื่อนไขข้อแรกก็ไม่มีอะไรมาก อีกฝ่ายต้องการให้ศิษย์น้องไปพบเพียงลำพังตามสถานที่นัดหมาย ปัญหาอยู่ที่เงื่อนไขข้อหลัง พวกเขาต้องการทราบเบาะแสสถานที่พำนักของอาจารย์ปู่ ” หลินซูซินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

ตอนนี้ทั่วทั้งจักรวาลต่างรู้ดีว่า จักรพรรดิเทพบรรพกาลโฮ่วอี้ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักดาราสวรรค์อีกด้วย ซึ่งทางเดียวที่จะตามหาตัวเขาพบ ก็มีเพียงสืบค้นเอาจากพวกเธอเท่านั้น

“ บัดซบ! นี่มันก็ไม่แตกต่างจากพวกวังสวรรค์เลยไม่ใช่เหรอ สุดท้ายก็ต้องการให้พวกเราเรียกอาจารย์หรืออาจารย์ปู่ออกมาอยู่ดี ” คังหลินพูดขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ ทำให้คนอื่นๆในห้องสีหน้าหมองคล้ำลงอีกครั้ง

ใช่แล้ว…มันไม่ต่างไปจากเดิมจริงๆ เพียงแค่เปลี่ยนคนถูกจับเป็นตัวประกันเท่านั้น

“ ศิษย์พี่หญิง คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยท่าทีสงบนิ่งผิดปกติ แตกต่างไปจากที่คนอื่นๆคาดคิดไว้อย่างมาก

“ ฉันว่า ศิษย์น้องควรไปพบพวกเขาดูก่อนนะ ส่วนเรื่องของอาจารย์ปู่บางทีเราอาจจะพอต่อรองกันได้ เพราะครั้งนี้ผู้เสนอเงื่อนไขก็คือ พระอมิตาพุทธแห่งแดนสุขาวดี ”

!!

“ อะไรนะ ”

“ นี่เรื่องจริงเหรอ ”

คราวนี้แม้แต่จ้าวเทียนเองก็ยังมีสีหน้าแข็งค้างด้วยความตกใจ…

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ที่ช่วยเหลือน้องสาวตนจะเป็นแดนสุขาวดี ซึ่งไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวความขัดแย้งทั้งปวงในสามภพ

อีกทั้งผู้ที่ต้องการพบตน…ก็ยังเป็นถึงพระอมิตาพุทธซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองเพียงพระยูไลอีกด้วย

ณ เมืองลาซ่า เขตปกครองทิเบต

ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็น ห่างจากเวลานัดหมายไม่มากนัก จ้าวเทียนก้าวเดินขึ้นภูเขาอันสูงชันห่างไกลผู้คนด้วยความรู้สึกกดดัน เพราะรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างปกคลุมภูเขาทั้งลูกเอาไว้ ทำให้ไม่อาจบินผ่านไปได้

ยิ่งเขาก้าวเดินขึ้นไปมากเท่าไหร่ พลังของสรรพสิ่งรอบด้านก็เหมือนจะกดทับลงมามากขึ้นเท่านั้น แทบจะไม่แตกต่างจากการเดินแบกภูเขาทั้งลูกเอาไว้บนหลังแม้แต่น้อย

‘ ความรู้สึกนี้อีกแล้ว เหมือนมีใครบางคนกำลังจับตามองฉันอยู่ ’

ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวเทียนในตอนนี้ ความกดดันที่ได้รับไม่ได้สร้างความลำบากให้เขาเท่าไหร่นัก แต่ปัญหาคือจิตสังหารของบุคคลลึกลับที่คอยก่อกวนเล็งมายังจุดอ่อนของเขาตลอดเวลาต่างหาก ทำให้เขาต้องสิ้นเปลืองพลังจิตวิญญาณมากขึ้นหลายเท่า

ไม่ว่าจ้าวเทียนจะพยายามปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวให้รัดกุมขึ้น หรือปกปิดช่องโหว่ขนาดไหน สัญชาตญาณของเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงอันตรายทุกฝีก้าวดังเดิม คล้ายกับว่ากำลังเดินทางขึ้นสู่แท่นประหารเซียนไม่มีผิด

“ ไม่มีหนทางอื่นเลยเหรอ ฉันยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำนะ ” จ้าวเทียนพยายามต่อรองอีกครั้ง

สิ้นเสียง ลิงน้อยก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาทันที มันได้ตีลังกาลงมายืนอยู่ตรงหน้าจ้าวเทียน พร้อมกับโยนเปลือกกล้วยทิ้งไป

“ เจี้ยกๆ ทางเลือกย่อมมีอยู่แล้ว ขอเพียงเจ้ารับมือข้าได้สิบลมหายใจก็ถือว่าผ่านการทดสอบเช่นเดียวกัน ”

!!

“ ห๊ะ อะไรนะ แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ” จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างเหลืออด ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาคงเลือกสู้กับอีกฝ่ายไปนานแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แบบนี้

“ เจี้ยกๆ ก็เจ้าไม่ได้ถาม ” ลิงน้อยตอบกับไปด้วยท่าทีผ่อนคลาย ยิ่งมันได้เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจ้าวเทียน ก็ยิ่งรู้สึกชอบใจ

‘ บัดซบ! ฉันถามอะไรไปแกก็ร้องกลับมาแต่เจี้ยกๆ จะรู้มั้ยว่าสามารถต่อรองกันได้ นี่มันจงใจกลั่นแกล้งกันชัดๆ ’

แวบ!

ร่างของลิงน้อยได้เปลี่ยนกลับมาอยู่ในรูปลักษณ์ของพญาวานรขนทองผู้ยิ่งใหญ่ สวมเกราะสงครามล้ำค่าดูน่าเกรงขาม

“ ข้าต้องบอกเจ้าก่อนนะ เราจะสู้กันภายใต้ข้อจำกัดที่ถูกผนึกพลังเอาไว้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสรรพสิ่งรอบๆ โดยเฉพาะเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่บนภูเขาลูกนี้ ”

“ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ” จ้าวเทียนตอบกลับสั้นๆ ตอนนี้เขาคันไม้คันมือเต็มทีแล้ว อยากจะสั่งสอนไอลิงนิสัยเสียตรงหน้าให้มันรู้สำนึกซะบ้าง

วูป!

เพียงแค่เห้งเจียกระดิกนิ้วเบาๆ ความกดดันมหาศาลที่จ้าวเทียนได้รับมาตลอดก็สลายไปในพริบตา ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนได้รับอิสรภาพอีกครั้ง

“ เอาล่ะ ข้าปลดผนึกหมื่นภูผาออกจากตัวเจ้าแล้ว มัวรออะไรอยู่ล่ะ พวกเรามาสนุกกันเถอะ หึหึ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน