จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 492

ณ พระราชวังลอยฟ้าภายในคลังสมบัติลับ

เก้าราชันจักรพรรดิผู้เคยฝากชื่อไว้เป็นตำนานในจักรวาลแต่ละยุคสมัย ตลอดระยะเวลายาวนานเกือบสองพันล้านปี กำลังจับจ้องไปที่รังไหมสีดำด้วยความเคร่งเครียด

เพราะแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้น เหมือนเป็นตะปูตอกฝาโลงให้ผู้สืบทอดคนล่าสุดของพวกเขาเข้าใกล้ความตายไปทุกที

“ ท่านอาจารย์ เราจะรอไปถึงเมื่อใด นางพญาแมลงตัวนี้เจ้าเล่ห์มากที่ไม่ยอมทำลายจิตวิญญาณของรุ่นที่สิบ แต่เลือกที่จะถ่วงเวลาออกไปแทน เพียงแค่ครึ่งชั่วยามมันก็ให้กำเนิดลูกหลานนับพัน และยังจะเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพวกเรายังลังเลอยู่ ”

เมื่อจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่สองพูดจบ ก็มีอีกสี่คนพยักหน้าคล้อยตาม ก่อนที่จักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นที่เจ็ดจะพูดเสริมขึ้น

“ จากที่ดูมาถึงตอนนี้ แม้ผู้สืบทอดรุ่นที่สิบจะยังรักษาเจตจำนงอันเด็ดเดี่ยวไว้ แต่คงหมดหวังจะพลิกสถานการณ์แล้ว ข้าขอเสนอให้พวกเราใช้มาตรการขั้นสุดท้าย เผาทำลายทุกอย่างให้มอดไหม้เป็นจุลเสียในตอนที่ยังทำได้ ”

“ มิเช่นนั้นหากนางพญาเพิ่มจำนวนกองทัพมากขึ้นกว่านี้ แล้วสามารถครอบงำรุ่นที่สิบสำเร็จ คลังสมบัติลับหมื่นตะวันคงกลายเป็นบ่อเกิดหายนะของจักรวาลแน่นอน ”

ทุกคนต่างรู้ดี ถึงความน่าสะพรึงกลัวของเผ่าพันธุ์แมลงกลืนวิญญาณ เพราะขนาดสิบจักรพรรดิเทพและเจ็ดเทพมารในอดีตร่วมมือกัน ยังเกือบจะเอาชนะพวกมันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผลสุดท้ายสิ่งมีชีวิตหนึ่งในสามของจักรวาลจึงต้องถูกเซ่นสังเวยไป

ต้องไม่ลืมว่าในยุคเสื่อมถอยของผู้ฝึกตนอย่างปัจจุบัน มีจักรพรรดิเทพถือกำเนิดขึ้นเพียงแค่สององค์เท่านั้น หากนางพญาแมลงมารกลืนวิญญาณหลบหนีออกไปสำเร็จ คงไม่มีผู้ใดหยุดยั้งมันได้แน่นอน

“ ข้าเห็นด้วยกับรุ่นที่เจ็ด ”

“ ข้าก็เห็นด้วย เราต้องคำนึงถึงส่วนรวมก่อน ”

“ ท่านบรรพชนลงมือเถอะ พวกเราจะปล่อยให้ชื่อเสียงที่สืบต่อมายาวนาน ต้องถูกทำลายลงไม่ได้เป็นอันขาด ”

เมื่อได้ยินเสียงสนับสนุนเกินครึ่ง ให้ทำลายจ้าวเทียนไปพร้อมกับตัวอ่อนนางพญา ซวนเทียนหู่จักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นแรกก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยถามบุรุษเพียงผู้เดียวที่ยังนิ่งเฉยอยู่

“ รุ่นที่เก้า เขาถือเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของเจ้า คิดเห็นอย่างไรจงบอกมา ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น ซวนไท่หยางก็พลิกฝ่ามือไปทางรังไหมขนาดใหญ่สีดำ ทำให้เปลือกนอกของมันถูกเผาไหม้กลายเป็นโพรง มองเห็นร่างของจ้าวเทียนที่ถูกผนึกอยู่ด้านใน

“ นี่มัน เริ่มวางไข่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งพันฟองแล้วงั้นรึ ”

เมื่อซวนไท่หยางเห็นเปลือกของรังไหมกำลังสมานตัวกันเหมือนเดิม เขาก็กวาดมองใบหน้าของทุกคน แล้วพูดขึ้นต่อ

“ ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสทุกท่าน คงทราบสถานการณ์ปัจจุบันของจักรวาลพวกเรา ผ่านทางความทรงจำของรุ่นที่สิบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเต๋าแห่งสวรรค์หรือราชันเทพมารอเวจี ก็เป็นภัยร้ายที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเผ่าพันธุ์แมลงมารกลืนวิญญาณเท่าไหร่ ”

“ พวกท่านคงไม่ลืมว่า จักรพรรดิเทพหมื่นตะวันทุกรุ่นแบกรับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่และจะกลายเป็นผู้นำของยุคสมัย หากรุ่นที่สิบตกตายลงวันนี้ นอกจากการสืบทอดของพวกเราจะสิ้นสุดลงแล้ว อนาคตของของจักรวาลก็คงจะมืดมนตามไปด้วยแน่นอน ”

“ เจ้าหมายถึง ให้พวกเราฝากความเป็นความตายของสิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาลไว้กับเขารึ ” ซวนตี้เหยียนถามขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาดูไร้อารมณ์มองไม่ออกว่ารู้สึกเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

“ รุ่นที่สิบเป็นบุรุษที่น้องสาวของข้าเลือก ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินใจของนางและศรัทธาในโชคชะตาแห่งราชันของเขา ”

“ แต่หากสุดท้ายเขาล้มเหลวจริงๆ ข้าก็ยินยอมใช้วิชาต้องห้ามสังเวยตนเองเพื่อทำลายศัตรูทั้งหมดไปพร้อมกัน ไม่ปล่อยให้มีพวกมันเหลือรอดหนีไปได้เป็นอันขาด ”

เมื่อได้ฟังเหตุผลและเห็นการเตรียมใจของซวนไท่หยาง มันก็ได้ทำให้ผู้ที่เสนอความเห็นในตอนแรก ต้องพยักหน้าเบาๆด้วยความชื่นชมนับถือ อีกฝ่ายสมแล้วที่เป็นหนึ่งในสามผู้โดดเด่นที่สุดในบรรดาจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันทุกรุ่น

“ ผู้อาวุโสอ๋าวเฟิงใช่หรือไม่ นานแล้วที่ไม่ได้พบ ” ซวนเทียนหู่ยกมือห้ามคนอื่นไม่ให้เสียมารยาทก่อนจะกล่าวทักทายขึ้น เขาเคยพบกับอีกฝ่ายสมัยที่ยังติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝน

“ หืม เจ้าคือเด็กหนุ่มเมื่อครั้งนั้น ใช่แล้วมันนานมากจริงๆ เกือบสองพันล้านปีเห็นจะได้ เอาไว้พวกเราค่อยมาสนทนากันทีหลังเถอะ ตอนนี้รีบทำในสิ่งที่สำคัญก่อน ” เทพมังกรอ๋าวเฟิงพูดขึ้นพร้อมกับหยิบเศษรังผึ้งสีดำออกมา

“ นี่มัน รังของจักรพรรดินีแมลงมารกลืนวิญญาณใช่หรือไม่ ข้าจำได้ว่าทำลายพวกมันไปจนหมดแล้วไม่ใช่รึ ผู้อาวุโสได้มาจากไหนกัน ”

ซวนเทียนหู่รู้สึกนับถือในโชควาสนาของจ้าวเทียนจริงๆ เมื่อมีของสิ่งนี้ตัวอ่อนนางพญาที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ ก็คงเป็นเพียงเนื้อบนเขียงให้เขาจัดการได้ตามใจแล้วล่ะ

ทันใดนั้น

ครืนนนน!

รังไหมสีดำที่ห่อหุ้มร่างกายจ้าวเทียนอยู่ ก็ถูกรังของจักรพรรดินีแมลงที่อยู่ในมือเทพมังกรอ๋าวเฟิงดูดกลืนไปทั้งหมดในพริบตา แม้แต่กองทัพแมลงเกือบสี่พันตัวที่หลบซ่อนอยู่ในพื้นที่จิตวิญญาณของเขาก็หนีไม่รอดเช่นเดียวกัน

วูป!

มองเห็นฝูงแมลงสีดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากกลางหน้าผากจ้าวเทียน ก่อนจะหายเข้าไปในเศษรังผึ้งสีดำอย่างต่อเนื่องจนหมด นั่นรวมไปถึงกลิ่นอายมารและการเปลี่ยนร่างเป็นมารของจ้าวเทียนด้วย

“ หืม มีอยู่หนึ่งตัวที่ยังดื้อด้านไม่ยอมออกมางั้นรึ เอาเถอะ ให้เจ้าเด็กนี่จัดการเองก็แล้วกัน ”

พูดจบ เทพมังกรอ๋าวเฟิงก็กดเศษรังผึ้งสีดำเข้าตรงกึ่งกลางหน้าผากของจ้าวเทียน ซึ่งมันก็จมหายเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน