จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 498

การเดินทางผ่านทะเลดวงดาวภายในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น เต็มไปด้วยภัยพิบัติมากมายที่ต้องเผชิญ

ทั้งจากฝูงสัตว์อสูรโบราณที่ดุร้าย ทั้งพายุมิติทำลายล้างที่จะปรากฏขึ้นเวลาไหนก็ได้ หรือแม้กระทั่งอาณาเขตหลุมดำที่จะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าไปใกล้

แต่ทว่าความอันตรายทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ยังไม่เทียบเท่ากับความโหดร้ายจากโจรสลัดอวกาศที่จะช่วงชิงทั้งชีวิตและทรัพย์สินของทุกชีวิตที่พวกมันพบเจอ ขอแค่พวกมันรู้ว่าอีกฝ่ายอ่อนแอกว่าก็จะตามล่าจนถึงที่สุด

ไม่ว่าเหยื่อที่พบจะมีเบื้องหลังใหญ่โตสักแค่ไหน ตราบใดที่ไม่มีผู้รอดชีวิตกลับไปได้เรื่องทุกอย่างก็จะถือเป็นความลับต่อไป ถ้าต้องเผชิญหน้ากับโจรสลัดชั่วร้ายพวกนี้ บางทีความตายอาจจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุด

เพราะหากถูกจับได้ ก็จะต้องถูกทรมานอย่างแสนสาหัสแล้วโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีให้กลายเป็นทาส จนเมื่อพวกมันเบื่อก็จะถูกฆ่าทิ้งอย่างไม่ใยดี แล้วโยนให้เป็นอาหารสัตว์ร้ายไม่หลงเหลือแม้ซากศพที่สมบูรณ์

ดังนั้น เวลาที่เหล่านักเดินทางแห่งจักรวาลพบเจอโจรสลัดอวกาศ ก็จะต่อสู้ดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต แต่หากสุดท้ายหนีไม่รอดจริงๆ บางคนก็ถึงขั้นระเบิดตัวตายไปพร้อมศัตรูเลยทีเดียว

แน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวมา จ้าวเทียนเพียงเคยได้ยินได้ฟังมาจากเหล่าผู้อาวุโสในสำนักก่อนจะตัดสินใจออกเดินทาง ยังไม่เคยมีประสบการณ์เผชิญหน้ากับโจรสลัดอวกาศจริงๆมาก่อน

เพราะตัวเขาในชีวิตที่แล้ว หลังจากฝึกฝนวิชาในสำนักสำเร็จ ก็ออกท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่ในแดนสวรรค์และสนามรบบรรพกาลของเทพมาร

จนกระทั่งเมื่อจ้าวเทียนบรรลุสู่จุดสูงสุดก็เอาชนะมหาเทพแล้วขึ้นเป็นผู้ปกครองแทน ความคิดเรื่องการผจญภัยในแดนรกร้างอันห่างไกลของจักรวาล ไม่เคยอยู่ในหัวเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะนั่นถือเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์

“ ฉันแค่ต้องการหาพื้นที่ห่างไกลเพื่อวางแผนจัดการศัตรูระหว่างทางเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าจะมาพบโจรสลัดอวกาศกำลังปล้นชิงกลุ่มนักเดินทางเสียได้ ” จ้าวเทียนพูดกับตัวเองเบาๆ ถือเป็นโชคดี ที่เขาใช้เคล็ดวิชาอำพรางร่องรอยไว้ล่วงหน้า ฝ่ายตรงข้ามจึงไม่พบเห็น

‘ ศัตรูมีสามสิบคน เป็นเทพโลกาขั้นหก 5 คน เทพโลกาขั้นสาม 12 คน ที่เหลือเป็นเทพโลกาขั้นหนึ่ง ส่วนฝ่ายที่ถูกล้อมอยู่มีทั้งหมด 4 คน เป็นเทพโลกาขั้นเจ็ด 2 คนกับแดนเทพขั้นสูงสุด 2 คน ’

‘ ขุมกำลังของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันเกินไป ต่อให้ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยก็ไม่แน่ว่าจะปกป้องทุกคนเอาไว้ได้ อีกทั้งอาจจะเป็นการชักนำภัยพิบัติมาถึงตัวอีกด้วย เพราะไม่รู้ว่าโจรสลัดพวกนี้ยังมีกำลังเสริมอีกมากน้อยเพียงใด ’

ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติและไม่ได้มีศัตรูอีกกลุ่มกำลังติดตามมา จ้าวเทียนก็คิดจะลองเสี่ยงช่วยเหลืออีกฝ่ายดู

แต่เพราะตอนนี้ ตัวเขาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กหญิงทั้งสองเป็นอันดับแรกดังนั้นการทำเป็นมองไม่เห็นและหลบหนีไปอีกทางเส้นทางหนึ่ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

‘ ฉันคงช่วยเหลือพวกคุณไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วย… ’

จ้าวเทียนถอนหายใจเบาๆ เขามองหญิงสาวสองคนที่มีขอบเขตแดนเทพขั้นสูงสุด กำลังยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของโจรสลัดอวกาศด้วยความเวทนาสงสาร

ด้วยเรือนร่างอันงดงามที่ดึงดูดสายตาได้จากระยะไกล แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าเพราะหญิงสาวทั้งสองหันหลังให้ แต่จ้าวเทียนก็สามารถคาดเดาเอาจากสีหน้าหื่นกระหายของเหล่าโจรสลัด ว่าพวกเธอคงเป็นโฉมงามที่ยากจะพบเจออย่างแน่นอน

ซ้ำร้ายดูจากเครื่องแต่งกายอันหรูหรา และการมีองครักษ์ระดับเทพโลกาขั้นเจ็ดอยู่ข้างกาย ถ้าไม่ใช่ธิดาจากตระกูลชั้นสูงที่แสนจะมั่งคั่ง ก็คงเป็นองค์หญิงจากราชวงศ์ที่ปกครองดวงดาวสักดวง

การที่หญิงงามผู้สูงศักดิ์อย่างพวกเธอ ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของโจรสลัดพวกนี้ คงถือเป็นจุดจบที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย

“ ท่านพ่อ เราจะเข้าไปช่วยพี่สาวสองคนนั้นหรือไม่” ปิงกู่เยว่ถามขึ้นด้วยท่าทีลังเล ใจหนึ่งเธอก็รู้สึกสงสารแต่อีกใจก็รู้สึกหวาดกลัวกลุ่มโจรชั่วพวกนั้น

ที่สำคัญคือฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนเยอะมาก ทำให้เด็กหญิงทั้งสองต้องแอบซ่อนกายอยู่ด้านหลังจ้าวเทียน โผล่ออกมาแค่ใบหน้าน้อยๆเท่านั้น

“ ไม่ได้หรอก มันเสี่ยงเกินไป ฉันสัญญากับท่านแม่ของพวกเธอไว้แล้วว่าจะปกป้องพวกเธอให้ดีที่สุด พวกเรารีบเดินทางต่อเถอะ ” จ้าวเทียนตอบอย่างจริงจัง เขาไม่ได้บอกเด็กหญิงทั้งสองว่าจะมีศัตรูอีกกลุ่มตามมา เพราะกลัวพวกเธอจะหวาดกลัวเกินไป

ทันใดนั้น

เนื่องจาก ถ้าได้ความช่วยเหลือจากองค์รักษ์เทพโลกาขั้นเจ็ดทั้ง 2 คน บางทีแค่เขาเรียกหุ่นเชิดอีกาสามขาออกมาตัวเดียวก็เพียงพอ ส่วนกองทัพแมลงมารกลืนวิญญาณนั้น ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆก็อย่าใช้เลยจะดีกว่า

“ พวกเราดูสิ มีแพะน้อยอ้วนพีหลงเข้ามาอีกกลุ่มด้วยล่ะ ดูจากสมบัติระดับสูงที่ใช้เดินทางระหว่างดวงดาวของพวกมัน น่าจะมีความมั่งคั่งไม่เบา โดยเฉพาะเด็กหญิงเผ่ากิเลนสองตนนั้นช่างน่ารักน่าชังจริงๆ แค่คิดว่าจะได้ข่มขืนพวกนางให้จิตใจแตกสลาย ข้าก็ตื่นเต้นจนแทบคลั่งแล้ว ”

“ หุบปากไปเลยไอ้โง่ เจ้าไม่เห็นสีหน้าของท่านผู้นำอันดับสองเหรอ เด็กแฝดสองคนนั้นเป็นแบบที่ท่านชอบซะด้วย ไม่มีส่วนของพวกเราหรอก ”

เนื่องจากขอบเขตพลังที่อ่อนด้อยของจ้าวเทียน พวกโจรสลัดเลยไม่ได้ให้ความสนใจกับเขามากนัก ทั้งยังแอบกระซิบพูดคุยดูถูกเหยียดหยามกันสนุกปาก

จนกระทั่งมีโจรคนหนึ่งที่อยู่ในระดับเทพโลกาขั้นสาม เกิดคิดอุตริเดินมาหาจ้าวเทียนด้วยสีหน้าหื่นกระหายและแววตาชั่วช้าลามก

“ หึหึ งั้นข้าขอเจ้าหนุ่มนั่นแทนก็แล้วกัน ทั้งใบหน้าที่หล่อเหลาและรูปร่างที่กำยำสมชาย ที่สำคัญ สะโพกของมันดูจะแน่นกระชับกว่าของเล่นชิ้นเก่าของข้าอีก รับรองว่า… ”

ยังไม่ทันที่โจรสลัดคนนั้นจะพูดจบ กระบี่ราชันสวรรค์ก็บินออกไปจากมือของจ้าวเทียนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ท่ามกลางสายตาตื่นตกใจของทุกที่ได้เห็น แม้แต่ชายชราชุดดำเองก็ยังรู้สึกทึ่งในความใจกล้าของเขา

กระบี่นี้ของจ้าวเทียนแฝงเร้นไปด้วยเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงกลัว ทั้งยังเป็นการหลอมรวมของสามแก่นแท้ที่เขาเพิ่งจะบรรลุได้ไม่นาน อานุภาพและความเร็วของมันเกินกว่าที่ฝ่ายตรงข้ามจะรับมือได้ทัน

ฉัวะ!

ศีรษะของโจรสลัดชั่วปลิวกระเด็น ก่อนที่ส่วนของลำตัวจะล้มคว่ำลง มันได้กลายเป็นศพแรกที่สังเวยให้กับกระบี่ของจ้าวเทียน ทั้งยังตกตายไปแบบมึนงง โดยที่ไม่ทันได้ต่อต้านหรือตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย

“ เหอะ กล่าววาจาบัดซบสมควรตาย! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน