ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม นิยาย บท 3

“อย่าทำมาเป็นมองข้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ นางเด็กน่ารังเกียจ ข้าขอพูดเอาไว้ตรงนี้เลย ไม่ว่าวันนี้จะเป็นหรือตายเจ้าก็ต้องแต่งไปบ้านสกุลเซี่ย” แม่เฒ่าเยว่พยายามข่มอารมณ์หวาดกลัวของตน พลางแสร้งโมโหตวาดด่าทอกลบเกลื่อน “หากเจ้ากล้า…”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะแต่ง”

เยว่อวิ๋นตอบขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

นางนอนฟังเรื่องราวอยู่นาน จึงพอจับใจความได้ว่า ที่แท้ยายเฒ่าน่าตายนี่ตั้งใจจับเจ้าของร่างที่วิญญาณนางเข้ามาอยู่แต่งงานแทนลูกสาวสุดที่รัก แต่เจ้าตัวไม่ยินยอมจึงก่อการประท้วงด้วยการพุ่งศีรษะชนเสาบ้าน

อันที่จริงเรื่องนี้ไม่สามารถโทษเจ้าของร่างเดิมที่ทำแบบนี้ได้ เดิมการหมั้นหมายเกิดขึ้นเพราะผู้เฒ่าเยว่เคยช่วยชีวิตผู้เฒ่าเซี่ย ซึ่งยามนั้นบุตรชายคนโตกับคนรองบ้านเซี่ยต่างก็แต่งงานแล้ว มีเพียงบุตรชายคนที่สามเซี่ยเฟิงที่ยังโสด

ดังนั้นการหมั้นหมายครั้งนี้ จึงเป็นที่รู้กันว่าเป็นของบุตรชายคนที่สามของบ้านเซี่ยกับบุตรสาวคนเดียวของผู้เฒ่าเยว่ เยว่เจินเจิน

บุตรชายคนเล็กของบ้านเซี่ยเป็นว่าที่บัณฑิตซิ่วไฉ [1] แน่นอนว่าแม่เฒ่าเยว่กับเยว่เจินเจินย่อมไม่คิดปฏิเสธการหมั้นหมายที่แสนยอดเยี่ยมนี้ พวกนางยินดีรอให้อีกฝ่ายสอบเสร็จแล้วมาจัดงานแต่งงาน

ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ บ้านเซี่ยกลับเกิดปัญหาขึ้น พ่อเฒ่าเซี่ยกับบุตรชายคนรองขึ้นเขาไปล่าสัตว์พลัดตกลงมา คนพ่อเสียชีวิตส่วนคนลูกบาดเจ็บสาหัส

ต่อมาไม่รู้ว่าคนบ้านเซี่ยปรึกษากันอย่างไร งานหมั้นที่เคยพูดคุยตกลงกันไว้จึงถูกยกให้บุตรชายคนรองแทน เพียงแต่บุตรชายคนรองของบ้านเซี่ยนั้นเป็นพ่อหม้ายลูกติดมีลูกเล็กถึงสองคน อีกทั้งยามนี้ยังมาบาดเจ็บตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคน เยว่เจินเจินย่อมไม่ยินยอมแต่งให้เป็นธรรมดา

เยว่เจินเจินคือแก้วตาดวงใจของแม่เฒ่าเยว่ อย่าว่าแต่นางจะไม่ยินยอมเลย ต่อให้ยินยอมเต็มใจ ด้วยสภาพของบุตรคนรองบ้านเซี่ยเวลานี้ ตัวแม่เฒ่าเยว่เองก็ไม่ยอมเป็นแน่

พวกนางแม่ลูกไม่ต้องการงานแต่งงานนี้แล้ว แต่ก็โลภมากไม่อยากคืนสินสอดของหมั้น ดังนั้นทั้งคู่จึงวางแผนโยนให้เจ้าของร่างเดิมรับไปแทน

คิดถึงตรงนี้เยว่อวิ๋นพลันโคลงศีรษะพูดไม่ออก สองแม่ลูกสกุลเยว่นิสัยชั่วร้ายเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ส่วนเจ้าของร่างเดิมก็ช่างใจร้อนเสียจริง

แค่ได้ยินว่าต้องแต่งให้พ่อหม้ายลูกติดที่ไม่รู้ว่าจะพิการหรือเปล่า ก็สติแตกจนกู่ไม่กลับ นำเอาความเป็นความตายของตนเองมาบีบเพื่อแก้ปัญหา ไม่คิดเลยว่าในครอบครัวเคยมีใครสนใจตัวเองบ้าง ดีจริงๆ คราวนี้เลยได้ตายสมใจเลย

หากเป็นนางแล้วละก็ ไม่มีทางใช้วิธีมัจฉาตายตาข่ายขาด [2] คิดทำลายศัตรูจนตัวเองต้องมอดม้วยไปด้วยเช่นนี้แน่

เอาเถิดนางในยามนี้อ่อนแอไม่อาจงัดข้อกับอีกฝ่าย เช่นนั้นก็คงต้องไหลตามสถานการณ์ไปก่อน รอวันหน้าฟื้นฟูร่างกายได้ ถึงตอนนั้นสิบนางเฒ่าสารพัดพิษแซ่เยว่มีหรือจะคณามือนาง

“ดี ดี” แม่เฒ่าเยว่ดีใจจนร้องดีๆ ติดกัน นางสลัดความรู้สึกแปลกประหลาดที่อยู่ในใจทิ้งไปทันที “ฉงอวิ๋นเจ้าเด็กนั่นข้าเห็นมาตั้งแต่เล็กตั้งแต่น้อย นิสัยของเขาไม่แย่เลย ถึงอายุจะมากกว่าเจ้าไปสักหน่อย แต่ก็บอกได้ว่างานแต่งครั้งนี้ไม่เลวร้ายนัก”

หลายคนเบ้หน้าให้กับคำพูดนี้ เยว่อวิ๋นเพิ่งจะอายุครบสิบห้าปีนี้ ส่วนเซี่ยฉงอวิ๋นนั่นอายุก็ปาเข้าไปยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองแล้ว ที่สำคัญเซี่ยฉงอวิ๋นเป็นพ่อหม้ายลูกติด แต่งเข้าไปเยว่อวิ๋นก็ต้องทำหน้าที่แม่เลี้ยงเลย ไหนจะยังมีข่าวลือเรื่องที่ว่าได้รับบาดเจ็บจนกลายเป็นคนพิการนั่นอีก

นี่น่ะหรือที่บอกว่าไม่เลวร้าย ถ้าหากไม่เลวร้ายจริงทำไมนางถึงยืนกรานไม่ยอมส่งบุตรสาวตัวเองไปเล่า!

เยว่อวิ๋นไม่รู้ความคิดในใจผู้อื่น นางครุ่นคิดใจลอยเล็กน้อยกับชื่อว่าที่สามีเจ้าของร่าง “ฉงอวิ๋น” อย่างงั้นหรือ ช่างบังเอิญเสียจริง

ฉับพลันก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมา ครั้นเพ่งกลับไปทางที่มาก็เห็นเป็นสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง เยว่อวิ๋นจำได้ว่าเมื่อครู่ตอนที่ตัวเองลืมตา ยายเฒ่าพิษกำลังเอ่ยปากด่าทอสตรีนางนี้อยู่พอดี

ที่แท้หญิงผู้นี้ก็คือหลิวซื่อ [3] มารดาของร่างเดิมนั่นเอง เห็นอีกฝ่ายถลึงตาจ้องตอบตนเองอย่างขุ่นเคือง เยว่อวิ๋นพลันหลุดเสียงหัวเราะเหยียดหยันออกมาเบาๆ

บทที่ 3 1

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม