เมื่อเฟิงฉิ้นหว่านเดินออกจากหอเซียวเซียงจุ๋นไป ก็เห็นเสิ่นเยว่รีบร้อนมุ่งหน้ามาที่นี่
“ท่านแม่......”
เสิ่นเยว่วิ่งมาที่นี่ เมื่อเห็นเฟิงฉิ้นหว่านก็หยุดฝีเท้าลงทันที “ลูก......ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
เฟิงฉิ้นหว่านค่อยๆ ยิ้ม แววตาของนางปรากฏความยินดีที่ออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ “ท่านแม่ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าไม่เป็นไร พวกเรากลับบ้านกันได้แล้ว”
เมื่อสิบห้าปีก่อนหน้านี้ แม่เลี้ยงของนางจากไปเร็ว นางจึงคิดถึงวันเวลาที่แม่เลี้ยงยังมีชีวิตอยู่ เพราะไม่เคยเข้าใจว่าคำว่าครอบครัวจะมีความหมายขนาดนี้ ต่อมาเมื่อได้เข้าไปอยู่ที่นรกอย่างจวนเฉิงเสี้ยง ถึงจะเข้าใจว่าการมีบ้านให้กลับมันมีค่ามากขนาดไหน
สีหน้าของเสิ่นเยว่แปรเปลี่ยน แต่นางไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แล้วพาเฟิงฉิ้นหว่านเดินช้าๆ กลับไปยังจวนเสิ่น
เมื่อกลับไปถึงจวนเสิ่น ก็เลยยามสองมาแล้ว
เสิ่นเยว่หันไปเห็นว่าทั้งตัวของเฟิงฉิ้นหว่านชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าก็ซีดเผือด จึงแอบตกใจแล้วรีบเข้าไปประคองนาง
สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านสับสน ตอนที่รู้สึกตัวว่ามีคนยื่นมือเข้ามา ก่อนสะดุ้งถอยไปด้านหลังแล้วระแวดระวังรอบตัว
“เฟิงฉิ้นหว่าน?”
เมื่อได้ยินเสียงเสิ่นเยว่ เฟิงฉิ้นหว่านก็ได้สติกลับมา แล้วรีบยิ้ม “ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
“สีหน้าของเจ้าแย่มาก ข้าจะให้คนไม่ตามหมอ”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ” เฟิงฉิ้นหว่านรีบปฏิเสธ
“แผลที่มือลูกตอนนี้เริ่มบวมออกมาแล้ว ถ้าไม่ทายาตอนนี้จะเป็นแผลเป็นได้นะ......”
แม่นมโจวรีบเดินออกมารับ เมื่อเห็นว่าเฟิงฉิ้นหว่านกลับมาแล้ว นางจึงยิ้มด้วยความยินดี “ฮูหยิน คุณหนูกลับมาแล้ว ไม่เกิดอะไรใช่ไหมเจ้าคะ”
เสิ่นเยว่รู้สึกได้ว่าเฟิงฉิ้นหว่านมีความผิดปกติบางอย่าง ในขณะที่เตรียมจะพูดบางอย่าง เฟิงฉิ้นหว่านก็กระตุกชายแขนเสื้อ “ท่านแม่เจ้าคะ ไปคุบกันในห้องเถิด”
“......ก็ดี”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว เฟิงฉิ้นหว่านก็เดินโซเซจนเกือบจะล้มลงไปนอนกองบนพื้น
เสิ่นเยว่ที่คอยเป็นห่วงนางอยู่แล้วก็เข้ามารับตัวนางเอาไว้ “แม่นมโจว ตามหมอมาที”
“ท่านแม่!” เฟิงฉิ้นหว่านเอ่ยปาก “ให้คนไปเตรียมน้ำร้อนมาเจ้าค่ะ”
“ให้หมอหลวงมาดูดีกว่า ตอนนี้เจ้าหน้าซีดมาก สีหน้าดูไม่ดี ไม่แน่ว่า......” เสิ่นเยว่พูดก่อนจะหยุด แล้วจ้องไปที่เฟิงฉิ้นหว่านเขม็ง “เจ้า......ไม่อยากให้หมอมาตรวจดูงั้นหรือ”
หรือว่า......
เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มซีดเซียว “พรุ่งนี้เช้า ท่านแม่ช่วยเตรียมยาทำแท้งให้ลูกสักถ้วยนะเจ้าคะ”
“ไอ้สารเลวเกาหวู!” ตอนนั้นดวงตาของเสิ่นเยว่แดงก่ำ แล้วกัดฟันเอ่ยออกมา
แม่นมโจวเอามือปิดปาก แล้วรีบถอยหลังไปสองก้าว
เฟิงฉิ้นหว่านอาบน้ำตัวเองจนสะอาดหมดจด แล้วลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าสะอาด เมื่อนางบิดเอวก็รู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว จึงอดไม่ได้ที่จะเหลียวไปมองสะโพกจึงเห็นว่ามีรอยเขียวช้ำปรากฏ
เฟิงฉิ้นหว่านย่นคิ้ว แรงที่คนผู้นั้นบีบเอวของตนแทบจะทำเอานางตัวหักไปแล้ว มิน่านางถึงได้เจ็บมากมายขนาดนี้
เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เฟิงฉิ้นหว่านจึงเดินเข้าไปในห้อง
เสิ่นเยว่รีบแหงนหน้าขึ้นมอง “ฉิ้นหว่าน เสื้อผ้าพวกนั้นของลูก......”
“รบกวนท่านแม่เอามันออกไปเผาทิ้งด้วยนะเจ้าคะ บอกว่าเคยนอนในคุกมาของพวกนั้นจึงไม่เป็นมงคล เลยต้องเอาไปเผาทิ้งเพื่อขจัดความไม่มงคลนั้นทิ้ง”
“ได้”
เสิ่นเยว่มองใบหน้าอันซีดเซียวของเฟิงฉิ้นหว่าน จึงรู้สึกว่าเวลาเพียงคืนเดียวทำให้นางเปลี่ยนไปเยอะมาก
“แม่จะจัดการเรื่องเสื้อผ้าเอง เจ้ารีบไปพักผ่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ” เฟิงฉิ้นหว่านไม่ฝืน วันนี้ผ่านอะไรมามากมาย ร่างของนางอ่อนล้าไปหมดแล้ว
เฟิ้งฉิ้นหว่านนอนแผ่ลงบนเตียงด้วยความรู้สึกสงบใจก่อนจะหลับฝันไปในทันที
ในความฝัน นางถูกคนรับใช้จวนเฉิงเสี้ยงล่ามไว้กับพื้น ส่วนด้านหน้าของนาง เสิ่นเยว่ที่สูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งกำลังกระอักเลือดออกมา ไม่สามารถทนรับการโบยไปได้อีกต่อไปแล้ว และค่อยๆ หลับตาลง......
“ท่านแม่......แม่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ