ฟู่ลั่วเฉินค่อย ๆ ชูนิ้วโป้งขึ้น นิ้วของเขาลูบผ่านมุมปากของเฟิงฉิ้นหว่านเบา ๆ และดึงมือกลับทันที
เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกเจ็บที่มุมปาก จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองฟู่ลั่วเฉิน แต่เห็นเขาดึงมือกลับไป และหันหลังเดินกลับไปนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเมื่อครู่เรียบร้อยแล้ว ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
หรือเมื่อครู่ถูกเข้าโดยไม่ทันระวัง ? คงจะไม่ได้จงใจใช่ไหม ?
เฟิงฉิ้นหว่านเดินเข้ามายืนข้างกายฟู่ลั่วเฉิน แล้วยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดู : “ท่านชาย หากยืนยันความจริงใจของข้าน้อยได้แล้ว ท่านจะยอมขายกิจการของตระกูลที่แยกออกมาให้ข้าน้อยอย่างนั้นหรือ ?”
อาศัยโอกาสในตอนนี้พูดออกมาสักสองสามครั้ง เพื่อป้องกันการพาลโกรธของฟู่ลั่วเฉิน เมื่อแผนการในอนาคตของนางปรากฏออกมา !
“ไม่ขาย”
“ท่านจะไม่พิจารณาดูสักหน่อยหรือ ?”
“ไม่ ขาย !”
เมื่อได้ยินฟู่ลั่วเฉินพูดคำว่าไม่ขายออกมาอย่างแน่วแน่ สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านก็หม่นหมองถึงที่สุด : “เช่นนั้นข้าน้อยคงทำเพียงได้แค่รอ รอให้ท่านชายเปลี่ยนใจ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ค่อย ๆ รอไปเถอะ” ฟู่ลั่วเฉินลุกขึ้น แล้วเดินไปยังประตูของที่ว่าการอำเภอ “ยังไม่รีบตามมาอีก ?”
“ท่านชายจะไปไหนหรือเจ้าคะ ?”
“ส่งกำลังคน”
“เช่นนั้นฉิ้นหว่านคงไม่ตามไปด้วยเจ้าค่ะ ?”
นางยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง จึงยังไม่เหมาะสมที่จะเข้าร่วมในตอนนี้
“เจ้าไม่กลับตระกูลเฟิงหรือ ?” ฟู่ลั่วเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ต้องกลับแน่นอนเจ้าค่ะ” เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“เป็นทางผ่านของข้า ถือโอกาสส่งเจ้ากลับพอดี” ฟู่ลั่วเฉินพูดจบก็หันหลังเดินไปทันที โดยไม่รอให้เฟิงฉิ้นหว่านเอ่ยตอบ
เฟิงยิ้นหว่านยืนผงะอยู่ที่เดิมสักครู่ แล้วรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว : “ขอบคุณท่านชายที่ให้ร่วมทาง ที่จริงแล้ว ท่านอาฉินยังรอข้าน้อยอยู่ด้านนอก ข้าน้อยไปกับเขาได้......”
“เมื่อครู่มีธุระ เขาไปแล้ว”
เฟิงฉิ้นหว่านกะพริบตาปริบ ๆ : “ไปแล้วหรือเจ้าคะ ? เช่นนั้นท่านอาฉินไม่ได้บอกหรือเจ้าคะว่ามีธุระอะไร ?”
“เปล่า”
“เช่นนั้นข้าน้อยค่อยกลับไปถามเขาเอง” ท่านอาฉินให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนางเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้กลับจากไปโดยไม่บอกสักกล่าวสักคำ คิดว่าคงมีเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
ฟู่ลั่วเฉินเดินออกจากที่ว่าการอำเภอ มีองครักษ์เดินจูงม้ามาแล้ว
เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้น พบว่าม้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า เป็นม้าตัวที่ฟู่ลั่วเฉินขี่ไปที่หอหญิงงามเมืองพอดี
นางขยับเข้าใกล้เล็กน้อย ม้าก้าวเดินหน้าถอยหลังไปมาอย่างไม่สบายใจ ซ้ำยังพ่นลมจากจมูกใส่นาง
“ท่านชาย ท่านจะขี่ม้าพาข้าน้อยกลับไปหรือเจ้าคะ ?”
ฟู่ลั่วเฉินไม่ตอบ แต่ขึ้นนั่งบนหลังม้าในทันที จากนั้นจึงก้มลงมองเฟิงฉิ้นหว่าน แล้วค่อย ๆ ยื่นมือออกมา
“ขึ้นมา”
เฟิงฉิ้นหว่านกัดฟันเล็กน้อย และรู้สึกหวาดกลัว : “ท่านชาย......”
นางไม่ได้อยากสัมผัสใกล้ชิดกับฟู่ลั่วเฉิน
“ขึ้นมา !”
“นี่เป็นช่วงยามวิกาลแล้ว เสียงฝีเท้ามาดังก้องเกินไปนะเจ้าคะ......”
ฟู่ลั่วเฉินก้มลงมองด้วยแววตาดุดัน : “อย่าให้ข้าพูดเป็นครั้งที่สาม”
เฟิงฉิ้นหว่านแอบกัดฟัน นางค่อย ๆ ยื่นมือไปบนฝ่ามือของฟู่ลั่วเฉิน
“ชิ !” ฟู่ลั่วเฉินแตะปลายลิ้นเบา ๆ ตรงไรฟัน จากนั้นจึงขยับบังเหียน อาศัยโอกาสที่ม้าวิ่งไปข้างหน้า ยืนมือออกไปคว้าเฟิงฉิ้นหว่านขึ้นมาบนหลังม้า “หนวกหู !”
เฟิงฉิ้นหว่านเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฟู่ลั่วเฉินทันที จากนั้นตัวของนางก็แข็งทื่อ รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่นหลัง แต่นางกลับไม่รู้สึกอบอุ่นเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจ
เฟิงฉิ้นหว่านคิดจะไปหาเสิ่นเยว่ แต่กลับกังวลว่าหากตนเองไปแล้ว อาจทำให้อารมณ์ของนางแปรปรวนจนยิ่งยากที่จะนอนหลับ : “พรุ่งนี้ข้าจะเขียนไปสั่งยา ให้คนปรุงอาหารบำรุง เพื่อบำรุงร่างกายของท่านแม่ นอนไม่หลับถือเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องให้ความสำคัญ”
โคมไฟในมือของแม่นมโจวแกว่งไกวเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มแล้วรีบรับคำ : “เป็นเรื่องดี เมื่อคุณหนูเขียนใบสั่งยาแล้ว ข้าน้อยจะเป็นคนลงมือทำด้วยตนเอง”
นับวันคุณหนูจะยิ่งเป็นห่วงเป็นใยฮูหยินมากขึ้น ช่างดีจริง ๆ
“ดี”
เฟิงฉิ้นหว่านกลับไปถึงลานของตนเอง จากนั้นจึงให้แม่นมโจวรีบกลับไปพักผ่อน”
หลังจากนางอาบน้ำเสร็จ ก็พิงตัวลงข้างเตียง มองดูแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีช่องโหว่หรือเรื่องเหนือความคาดหมาย ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เพียงแต่ฟู่ลั่วเฉินผู้นั้น......
ยากที่จะคาดเดาออกจริง ๆ......
เฟิงฉิ้นหว่านคิดไม่ออกจริง ๆ จึงทำได้เพียงบังคับให้ตนเองลบความคิดในหัวออกไป แล้วรีบเข้านอนอย่างรวดเร็ว
ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง ฟู่ลั่วเฉินควบม้ากลับไปยังคฤหาสน์ ทันทีที่กลับไปถึงก็เห็นหยุนชวนที่กำลังยืนรออยู่ตรงประตู
“ท่านชาย ดึกดื่นเช่นนี้ ท่านยังมีอารมณ์ขี่ม้าเที่ยวเล่นอยู่ด้านนอกอีกหรือขอรับ ?”
“ขี่ม้าชมจันทร์”
“อ้อ” หยุนชวนพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย เมื่อองครักษ์จูงม้ากลับไปแล้ว เขาจึงเดินตามข้างกายของฟู่ลั่วเฉิน
ปกติแล้ว หยุนชวนจะต้องพูดถึงเฟิงฉิ้นหว่านไม่หยุด แต่ตอนนี้เขากลับนิ่งเงียบ ทำให้ฟู่ลั่วเฉินรู้สึกไม่ชิน
“เป็นอะไรไป ? องครักษ์หยุนชวนผู้ยิ่งใหญ่ ต้องตกใจเพราะวิธีการของเฟิงฉิ้นหว่านอย่างนั้นหรือ ?”
หยุนชวนสูดหายใจยาว : “ท่านชาย ท่านไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ฉือเหลียนนับว่าทุกข์ทรมานไม่น้อย เมื่อก่อนข้าน้อยเคยได้ยินผู้อื่นพูดว่า ทำให้คนต้องตกอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น แต่กลับไม่เข้าใจว่ามีสภาพเช่นไรกันแน่ จนกระทั่งได้เห็นแม่นางเฟิงสอบสวนฉือเหลียนผู้นั้นในเรือนจำ ข้าน้อยก็เข้าใจความหมายที่แท้จริงในทันที”
“เล่าให้ฟังซิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ