ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 77

เฟิงฉิ้นหว่านกัดริมฝีปากเบา ๆ ฟันขาวของนางกระทบถูกบาดแผลบนริมฝีปากที่ยังไม่หายดีโดยไม่ทันระวัง จึงรู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที : “ท่านชาย ท่านต้องการให้ข้าน้อยพูดตามความจริงหรือเจ้าคะ ?”

“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ ?” ฟู่ลั่วเฉินถามกลับอย่างเย็นชา

“เช่นนั้น......” เฟิงฉิ้นหว่านค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น แววตาที่เป็นประกายของนางเต็มไปด้วยความกังวล : “หากข้าน้อยพูดความจริง ท่านชายจะโกรธข้าน้อยไหมเจ้าคะ ?”

ฟู่ลั่วเฉินนิ่งเงียบไม่พูดอะไร

เฟิงฉิ้นหว่านก้าวเข้าไปข้างหน้า แล้วคุกเข่าลงข้าง ๆ จินหมิง พร้อมแสดงสีหน้าที่ดูดื้อรั้นเล็กน้อยออกมา : “หากข้าน้อยไม่พูดความจริง ท่านชายก็จะโกรธ แต่จากนี้ไปก็คงไม่สนใจข้าน้อยอีก แต่หากข้าน้อยพูดความจริง ท่านชายก็ยังคงโกรธอยู่ดี ไม่แน่ว่าอาจสั่งให้คนลากข้าน้อยออกไปตัดหัวในทันที ดังนั้นเมื่อพิจารณาดูแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่อาจพูดได้”

ถึงแม้เฟิงฉิ้นหว่านจะคุกเข่าอยู่บนพื้น แต่กลับไม่แสดงท่าทีเคารพนัก ถึงขั้นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และแอบพิจารณาฟู่ลั่วเฉิน

แววตาของสดใส สายตาที่มองมาเป็นการพินิจอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวมากนัก ราวกับแมวที่กำลังนอนอาบแดดอยู่ใต้แสงอาทิตย์ และยื่นกรงเล็บออกมาข่วนเจ้านายของตนเองเล็กน้อย จากนั้นก็อาศัยความเอ็นดูที่เจ้านายมีต่อมัน ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และปิดตาลงนอนอาบแดดต่อไป

จินหมิงไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะพ่ายแพ้ให้กับแผนการของเฟิงฉิ้นหว่าน : “ท่านชาย ข้าน้อยอยากฟังความจริง”

หากไม่ได้ฟังแผนการทั้งหมด เขาคงนอนตายตาไม่หลับเป็นแน่ อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าตนเองพ่ายแพ้ตรงจุดไหน ?

ฟู่ลั่วเฉินสูดหายใจเข้าเบา ๆ แล้วผละสายตาออกจากเฟิงฉิ้นหว่าน : “ครั้งนี้หากเจ้าพูดความจริง ข้าจะไม่ติดใจเอาความ”

แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านเป็นประกายขึ้นมาทันที และแสดงสีหน้าดีใจอย่างที่สุดออกมา

“ท่านชายฉลาดล้ำเลิศและมีความสามารถสูงส่ง อันที่จริงที่ท่านพูดออกมาเมื่อครู่ ถือเป็นการคาดเดาแผนการส่วนใหญ่ของข้าน้อยได้อย่างถูกต้องแล้ว”

“แล้วมีอะไรที่ข้ายังเอาไม่ออกบ้าง ?”

“ตอนแรกที่สร้างหอหญิงงามเมืองขึ้น ก็เพื่อที่จะใช้สิ่งนี้พลิกฟื้นฐานะ เพื่อหาเงินทุนในการซื้อตระกูลเฟิงกลับมา ท่านชายเดาได้ถูกต้อง ส่วนการได้รับความไว้วางใจจากหลี่หยวน จริงอยู่ที่อาศัยความแค้นในใจของข้าน้อยหลังจากที่ท่านพ่อจากไป เพียงแต่ข้าน้อยไม่เคยคิดที่จะใช้หลี่หยวนเพื่อทำเรื่องต่าง ๆ ให้สำเร็จ”

“หลี่หยวนไม่ใช่ที่พึ่งที่ดีที่สุดหรือ ?”

“แต่หลี่หยวนไม่พอใจท่านชายไม่ใช่หรือ ? หลี่หยวนผู้นั้นกล่าวว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของตระกูลจินก็คือท่านชาย ฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังการตายของท่านพ่อข้าน้อยก็คือท่านชาย เขาใส่ร้ายชื่อเสียงของท่านชายเช่นนี้ ข้าน้อยย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน” เฟิงฉิ้นหว่านพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

แววตาของฟู่ลั่วเฉินสั่นคลอนเล็กน้อย : “พ่อค้าเหล่านั้นเชื่อถือเจ้าได้อย่างไร ?”

“เดิมทีข้าน้อยคิดว่า ชื่อเสียงของหลี่หยวนใช้การไม่ได้ จึงใช้ชื่อเสียงของท่านชาย อย่างไรเสียชื่อเสียงของท่านชายต่างหากที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แต่ข้าน้อยก็คิดอีกว่า ข้าน้อยจงรักภักดีต่อท่านชาย แต่หากแผนการไม่สำเร็จ จนทำลายชื่อเสียงของท่านชาย เช่นนั้นไม่เท่ากับเป็นโทษหนักหรอกหรือ ? เช่นนั้นข้าน้อยจึงคิดว่าในเมื่อหลี่หยวนใช้การไม่ได้ ไม่สู้ลองใช้ชื่อเสียงขององค์ชายสามดู”

หยุนชวนที่กำลังแอบดื่มชา เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พ่นชาออกมาจากปากทันที : “องค์......องค์ชายสาม ?”

แม่นางเฟิงผู้นี้ใจกล้าเกินไปแล้ว ?

สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างเช่นก่อนหน้า : “ใช่แล้ว ชื่อเสียงขององค์ชายสามโด่งดังเพียงพอ ประกอบกับทรงอยู่ในเมืองหลวงที่ห่างไกล จึงไม่อาจจัดการกับเรื่องทางนี้ได้ ให้ข้ายืมใช้สักหน่อยไม่ถือเป็นการดีหรอกหรือ ? อีกอย่าง ต่อให้เกิดปัญหาขึ้นจริง อย่างไรเสียข้าก็ได้รับความไว้วางใจจากหลี่หยวน หากองค์ชายสามส่งคนมาสอบสวน สุดท้ายแล้วก็ต้องสอบสวนหลี่หยวน และสุดท้ายจะกลายเป็นว่าเขาทำผิดพลาด”

หยุนชวนแอบรู้สึกเสียวสันหลัง : ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ ? แม่นางเฟิงผู้นี้ไม่เพียงแต่วางยาอย่างโหดร้ายเท่านั้น แม้แต่เวลาคิดแผนการก็ยังโหดร้ายไม่น้อย !”

“เจ้าทำให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไรว่ามีองค์ชายสามคอยหนุนหลังอยู่ ?”

“ต้องขอบคุณที่ใต้เท้าหลี่ให้ความร่วมมือ” เฟิงฉิ้นหว่านนำจี้หยกขององค์ชายสามออกมา แล้วยื่นให้กับฟู่ลั่วเฉิน ให้เต้ามองหาร่องรอยที่เขียนด้วยลายมือ ภายใต้แสงสว่าง

ฟู่ลั่วเฉินแววตาลึกซึ้ง : “นี่เจ้าได้มาจากตระกูลเกาหรือ ?”

จินหมิงดวงตาเบิกโพลงทันที ราวกับมีคนมาเหยียบเข้าที่ลำคอ น้ำเสียงฟังดูแหลมขึ้นเล็กน้อย : “กิจการของตระกูลเฟิงถูกข้ารวบรวมเอาไว้หมดแล้ว แล้วเจ้าไปหาสินค้าเหล่านี้มาจากไหน ?”

รอยยิ้มของเฟิงฉิ้นหว่านยิ่งดูเก้อเชินมากขึ้น : “ที่เถ้าแก่จินรวบรวมไว้ได้ก็คือเปลือกที่ว่างเปล่าไม่ใช่หรือ ?”

ลูกตาของจินหมิงแทบจะถลนออกมา : “หลังจากข้ารับช่วงต่อได้ไม่นาน ท่านชายก็สั่งให้ข้าตรวจสอบกิจการของตระกูลเฟิง ผลการตรวจสอบในตอนนั้น เห็นได้ชัดว่าตระกูลเฟิงนั้นเหลือแต่เปลือก หรือเจ้ารู้ล่วงหน้าว่าตระกูลเฟิงจะถูกข้ารับช่วงต่อ จึงย้ายของออกไปจนเกลี้ยงเสียก่อน ?”

จินหมิงพูดจบ ก็ส่ายหัวเองเสียแล้ว

“นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เฟิงหลิงเกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหัน หลังจากเจ้าจัดการเรื่องงานกับแม่เลี้ยงของเจ้าเสร็จสิ้น ก็ต้องรับมือกับการคิดบัญชีของเกาหวู จึงไม่น่าจะมีเวลาโยกย้ายทรัพย์สินตระกูลเฟิงจนเกลี้ยง”

“อันที่จริงไม่ได้โยกย้ายจนเกลี้ยงเอาไว้ล่วงหน้า แต่เป็นการค่อย ๆ ขุดจนเกลี้ยงหลังจากที่เถ้าแก่จินรับช่วงต่อแล้ว”

“นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ !” จินหมิงส่ายหัวอย่างรุนแรง “มีใครสามารถขุดทรัพย์สินไปต่อหน้าต่อตาข้าปี่เซียะทองบ้าง ?”

เฟิงฉิ้นหว่านหัวเราะบา ๆ : “หลังจากเถ้าแก่จินรับช่วงดูแลตระกูลเฟิงแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ง่วนกับการควบรวมกิจการของสมาคมการค้าหนานเจียงมิใช่หรือ ? จึงคลายความระมัดระวังจากตระกูลเฟิงที่ครอบครองเอาไว้ในมือได้แล้ว ประกอบกับข้าได้สั่งให้ผู้ดูแลร้านค้าของตระกูลเฟิงเหล่านั้น บอกเส้นทางการค้าที่มีอยู่ในมือให้กับเถ้าแก่จินรับรู้ เมื่อมีสิ่งเหล่านี้ เถ้าแก่จินก็จะยิ่งวางใจเกี่ยวกับกิจการของตระกูลเฟิง และสุดท้ายแม้กระทั่งรากฐานก็ถูกส่งมอบออกมา”

“แต่ว่าเจ้าทำได้อย่างไร ?”

“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนัก ท่านพ่อของข้าคาดการณ์เอาไว้นานแล้วว่า ตระกูลเฟิงจะต้องเกิดปัญหาขึ้นในเร็ววัน ดังนั้นจึงหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว ตราบใดที่มีสิ่งยืนยัน ผู้ดูแลร้านและผู้ร่วมงานที่จงรักภักดีเหล่านั้น ก็พร้อมที่จะโยกย้ายทรัพย์สินของตระกูลเฟิงจนเกลี้ยง ตามทางหนีที่ไล่ที่ได้วางเอาไว้”

“สิ่งยืนยัน ?” จินหมิงหยิบจี้หยกชิ้นเล็ก ๆ ที่ฟู่ลั่วเฉินเคยมอบให้เขาก่อนหน้านี้ออกมา “หยกชิ้นนี้เป็นของปลอมหรือ ? ใช้มันก็ใช่ว่าจะสามารถควบคุมตระกูลเฟิงได้อย่างแท้จริง ?”

“เปล่าเสียหน่อย !” แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านดูจริงใจ “นี่ก็คือสิ่งยืนยัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ