ชายาบุปผาซ่อนพิษ นิยาย บท 78

จินหมิงงุนงงเป็นอย่างยิ่ง : “แล้วทำไมผู้ดูแลร้านเหล่านั้นยังฟังคำสั่งของเจ้าอยู่ ?”

“ไม่ได้ฟังคำสั่งข้าเสียหน่อย พวกเขาเพียงแค่เห็นสิ่งยืนยันเท่านั้น”

“สิ่งยืนยัน......” จินหมิงตาเบิกโพลงทันที แทบจะถือจี้หยกในมือต่อไปไม่ไหว “เจ้าหมายความว่า จี้หยกชิ้นนี้คือสิ่งยืนยันที่ใช้โยกย้ายทรัพย์สินของตระกูลเฟิงจนหมดสิ้นอย่างนั้นหรือ ?”

เฟิงฉิ้นหว่านพยักหน้ายืนยัน

จินหมิงยืนกำจี้หยกนิ่ง ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังไม่อาจตั้งสติกลับมาได้

ฟู่ลั่วเฉินจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่านอย่างเย็นชา ผ่านไปสักพัก เสียงหัวเราะเยาะเบา ๆ ก็ดังออกมาจากปาก : “หึ”

ดี ดีจริง ๆ !

เขาคิดว่าที่เฟิงฉิ้นหว่านยอมจำนนในตอนแรกก็เพื่อต่อสู้ดิ้นรน คิดไม่ถึงเลยว่านางจะวางแผนเอาไว้เป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ต้น !

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของฟู่ลั่วเฉิน เฟิงฉิ้นหว่านก็เม้มปากอย่างไม่สบายใจนัก

“ท่านชาย ตอนนั้นในเรือนจำ เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับท่านชาย ถึงแม้ท่านพ่อเคยบอกว่า หากท่านปรากฏตัวขึ้น จะต้องเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลเฟิงอย่างแน่นอน แต่ท้ายที่สุดครั้งแรกที่พบหน้ากัน ฉิ้นหว่านยังไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของท่านชาย ดังนั้นจึงได้มีความคิดเช่นนี้หลงเหลืออยู่บางส่วน”

“นี่เรียกว่าหลงเหลืออยู่บางส่วนหรือ ? เจ้ากำลังคิดที่จะรับมือกับข้าโดยสมบูรณ์ต่างหาก”

ฟู่ลั่วเฉินจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่าน ความโกรธในใจปะทุขึ้นมา : แต่ไหนแต่ไรมามีแต่เขาที่วางแผนจัดการกับคนอื่น ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนอื่นวางแผนจัดการอย่างสมบูรณ์

ท่านชาย นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายจริง ๆ ในภายหลังข้าเองก็ไม่เคยคิดจะวางแผนจัดการกับท่านอีกชายอีก”

“เหอะ ไม่เคยคิดวางแผนจัดการอีกอย่างนั้นหรือ ? วันนี้ที่เจ้ามาหาข้า ไม่ใช่เพราะอยากซื้อตระกูลเฟิงกลับไปจากข้าหรอกหรือ ?” ความโกรธที่วนเวียนอยู่รอบตัวฟู่ลั่วเฉินยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ

เฟิงฉิ้นหว่านแอบพึมพำอยู่ในใจ : สามารถจัดการกับฟู่ลั่วเฉินได้ช่างมีความสุขจริง ๆ จนลืมปัญหานี้ไปเสียได้

“ท่านชาย วันนี้ที่ข้ามา ก็เพื่อถามท่านชายว่ากิจการของตระกูลเฟิง ตอนนี้คิดที่จะขายหรือไม่ ?”

จินหมิงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เขายืดตัวตัวแล้วกัดฟันพูดว่า : “ท่านชาย ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องข้าน้อย ต่อให้ต้องขายกิจการของตระกูลจินออกไปบางส่วน ข้าน้อยก็จะต้องหาเงินมาให้พอ เพื่อซื้อสวนชาของตระกูลฉือให้ได้”

ในฐานะที่เป็นผู้รับใช้ จะให้นายท่านของตนเองถูกข่มขู่ได้อย่างไร ?

เฟิงฉิ้นหว่านหันหน้ากลับไป เมื่อเห็นท่าทางของจินหมิง ก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบตาปริบ ๆ : “เถ้าแก่จิน ทำไมต้องทำร้ายตนเองเช่นนี้ด้วย ต่อไปพวกเราต่างก็เป็นผู้รับใช้ที่คอยทำงานให้ท่านชายด้วยกันทั้งนั้น ?”

“หึ !”

“ท่าทางของเถ้าแก่จินดูเหมือนไม่ค่อยพอใจนัก ? ไม่รู้ว่าท่านต้องการจะขายกิจการของตระกูลจิน ? ล้วนแต่เป็นคนกันเองทั้งนั้น หรือว่าข้าควรจะซื้อเอาไว้บางส่วนดี ?”

จินหมิงโกรธจนตาถลน : “ข้าขายกิจการ เจ้าเข้ามาซื้อ เช่นนี้ยังเรียกว่าคนกันเองอีกหรือ ?”

“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ทำไมถึงไม่ใช่คนกันเองล่ะ ? อีกอย่าง หากเถ้าแก่จินขายให้คนอื่นในช่วงคับขัน ก็ยากที่จะเลี่ยงการถูกกดราคาลงได้ แต่หากขายให้ข้าย่อมไม่เหมือนกัน ข้าไม่มีทางกดราคาอย่างรุนแรงแน่นอน”

“ไม่กดราคาอย่างรุนแรง นั่นหมายความว่ายังคิดจะกดราคาอย่างนั้นหรือ ?” จินหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“แม้แต่พี่น้องท้องเดียวกันยังต้องสะสางบัญชีให้ชัดเจน ในโลกของการค้าไม่อาจเห็นแก่ความสัมพันธ์เป็นหลักเพียงอย่างเดียวได้ หากเถ้าแก่จินต้องการขายกิจการ จะต้องคำนวณให้ชัดเจนว่าขายเท่าไรจึงจะเหมาะสม เพราะข้าได้ยินมาว่า หลี่เซิ่งซึ่งเป็นพี่น้องกับใต้เท้าหลี่ ได้เตรียมเงินทุนเอาไว้แล้ว เขาจะสู้อย่างถึงที่สุดเพื่อแย่งชิงสวนชามาให้ได้”

“แล้วจะทำไม ? ตระกูลหลี่จะแข็งแกร่งกว่าตระกูลจินอย่างนั้นหรือ ?” ในใจของจินหมิงเต็มไปด้วยความโกรธ “หากไม่ใช่เพราะเจ้า สถานการณ์จะเลวร้ายเช่นนี้หรือ ?”

สีหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านเย็นชาลงเล็กน้อย : “ข้ามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจ ทำไมเถ้าแก่จินจะต้องโมโหด้วย ? ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะท่านละโมบ เห็นแก่ผลกำไร กว้านซื้อสินค้าเอาไว้มากมายเป็นการส่วนตัว ก็คงไม่ทำให้ขาดแคลนเงินอย่างเช่นวันนี้ ถ้าหากเถ้าแก่จินไม่หยิ่งยโสเช่นนั้น หลังจากได้รับกิจการของตระกูลเฟิงแล้ว ก็ทำการตรวจสอบโดยละเอียด ผู้ดูแลร้านเหล่านั้นก็คงไม่มีโอกาสโยกย้ายทรัพย์สินของตระกูลเฟิงจนหมด เห็นได้ชัดว่าท่านเป็นคนทำผิด แต่วันนี้กลับโมโห นี่มันคือเหตุผลเช่นไรกันแน่ ?”

รอยยิ้มบนไปหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านจางลงเล็กน้อย : “เถ้าแก่จิน ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ก็เถอะ แต่การค้าขายไม่ได้ทำกันเช่นนี้ มีของเท่าไหร่ก็จ่ายเงินเท่านั้น ของทุกอย่างมีราคา นี่คือกฎขอการทำการค้า”

จินหมิงแอบกัดฟัน เขารู้ดีว่าตนเองพูดเช่นนี้ก็ไร้ประโยชน์ แต่เมื่อนึกถึงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในตอนนี้ ล้วนเป็นฝีมือของเฟิงฉิ้นหว่าน แต่ตอนนี้กลับยังต้องทำตามความต้องการของนางอีก ช่างเป็นความโกรธที่ยากจะระงับจริง ๆ

“แต่......”

ฟู่ลั่วเฉินยกมือขึ้นห้ามไม่ให้จินหมิงพูดต่อ มาถึงขั้นนี้แล้ว ในเมื่อตนเองด้อยความสามารถกว่าผู้อื่น ก็ไม่จำเป็นต้องโต้แย้งอย่างไร้ประโยชน์อีก

“ห้าหมื่นตำลึงน้อยเกินไป ก่อนหน้านี้จินหมิงประมาณการออกมาแล้วว่า หากต้องการซื้อสวนชาของตระกูลฉือ อย่างน้อยยังขาดเงินอยู่อีกหนึ่งแสนตำลึง”

เฟิงฉิ้นหว่านทำสีหน้าครุ่นคิด : “แต่กิจการของตระกูลเฟิง เหลือร้านค้าอยู่เพียงไม่กี่แห่งที่ยังพอทำเงินได้ ส่วนเส้นทางการค้าอื่นก็บอกเถ้าแก่จินไปแล้วว่า ไร้ซึ่งประโยชน์โดยสมบูรณ์ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ทำเงินเท่านั้น ยังต้องจ่ายเงินให้กับผู้ดูแลร้านและคนงานเหล่านั้นทุกวัน เพื่อบำรุงรักษาร้านและโกดังที่ว่างเปล่าเอาไว้......เงินเหล่านี้เมื่อนำมารวมเข้าด้วยกัน ก็ถือเป็นการสูญเสียจำนวนไม่น้อย”

“ข้าต้องการเงินหนึ่งแสนตำลึง ทำเช่นไรเจ้าถึงจะยอมซื้อ ?”

ฟู่ลั่วเฉินจ้องมองเฟิงฉิ้นหว่าน เห็นแววตาที่เป็นประกายขึ้นเพราะคำพูดของเขา ทำให้รู้สึกว่านางกำลังรอการเปลี่ยนแปลงสถานะในวันนี้มาตลอด

“ท่านชาย ก่อนหน้านี้เถ้าแก่จินได้กว้านซื้อสินค้าเอาไว้จำนวนหนึ่ง ยังเก็บเอาไว้ในโกดังไม่ใช่หรือ ? ข้าน้อยยินดีจะจ่ายเงินหนึ่งแสนตำลึง ขอเพียงเถ้าแก่จินยอมมอบสินค้าเหล่านั้นกลับคืนมาให้พร้อมกัน”

จินหมิงรู้สึกเหมือนถูกกรีดหัวใจ : ถึงแม้จะซื้อในราคาถูก แต่นั่นก็เป็นของที่ข้าใช้เงินซื้อมา......”

“เถ้าแก่จิน ในเมื่อเป็นผู้แพ้ ก็อย่าพูดอะไรให้มากความอีกเลย” เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

จิงหมิงกัดฟันกรามของตนเองจนแทบแตกละเอียด อยากจะพูดโต้แย้งขึ้นบ้าง แต่ในความจริงก็อับอายเกินกว่าที่จะเอ่ยปาก

ฟู่ลั่วเฉินครุ่นคิดอย่างละเอียดสักพัก จากนั้นก็พยักหน้า : “ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ