การกระทำของเฟิงฉิ้นหว่านทำให้สายตาของเถ้าแก่หลายคนต่างมองไปยังจดหมายทั้งสองฉบับ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสงสัย มีเพียงเถ้าแก่หวูผู้ถูกขานชื่อเท่านั้นที่สีหน้าซีดเผือดในทันที
เถ้าแก่หวูปากแห้งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจดหมายสองฉบับนี้ตกอยู่ในมือเฟิงฉิ้นหว่านได้อย่างไร: “คุณหนู ข้า......ข้าไม่เข้าใจจริงๆ เหตุใดคุณหนูจึงมีอคติกับข้าเช่นนี้? แต่ว่าในเมื่อคุณหนูไม่ชอบข้า เช่นนั้นข้าก็จะไม่อยู่ขวางหูขวางตาคุณหนู”
เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของเถ้าแก่หวูนางคลี่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มของนางเปี่ยมไปด้วยการเย้ยหยัน: “ดูเหมือนว่าเถ้าแก่หวูยินดีที่จะไปจากนครหลินผิงแล้ว”
“ท่านนายใหญ่มีบุญคุณต่อข้า เวลานี้คุณหนูเกลียดข้า เช่นนั้นข้าย่อมไม่อยู่ขวางหูขวางตาคุณหนูในนครหลินผิง”
“ไม่เอาสิ่งใดไปทั้งนั้น เถ้าแก่ไปเพียงลำพัง?”
“......ขอรับ” เถ้าแก่หวูลอบกัดฟันแน่น สะสมมาหลายปี แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยเนื้อความในจดหมายทั้งสองฉบับต่อหน้าคนเหล่านี้ “ทุกอย่างของข้าท่านนายใหญ่เป็นผู้ใด ในเมื่อเวลานี้คุณหนูรังเกียจข้า เช่นนั้นก็ควรที่จะคืนทุกอย่างแก่ตระกูลเฟิง เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ถือเป็นการทดแทนบุญคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมาของท่านนายใหญ่ด้วย”
“เถ้าแก่หวูเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าเสียจริง” เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มเยือกเย็น
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอตัวก่อน” เถ้าแก่หวูพูดแล้วเดินออกไปด้านนอก
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ฉินฮั๋วเหนียนพูดตะคอกเสียงเยือกเย็น
สัมผัสได้ถึงเงื่อนงำบางอย่าง เถ้าแก่คนอื่นๆ รีบลุกขึ้นขวางทางเถ้าแก่หวูทันที
เถ้าแก่หวูสบตากับดวงตาดั่งเหยี่ยวของฉินฮั๋วเหนียน แววตาคมเฉียบนั้นทำให้เหงื่อเย็นผุดที่หน้าผากของเขา
“เถ้าแก่หวู ท่านเป็นคนเก่าคนแก่ของตระกูลเฟิง ทั้งยังติดตามรับใช้อยู่ข้างกายท่านนายใหญ่ ได้รับความสำคัญ สร้างคุณงามความดีไม่น้อย เช่นนั้นเราเปิดจดหมายสองฉบับนี้ดีหรือไม่ หากคุณหนูเข้าใจท่านผิด ย่อมต้องคืนความยุติธรรมให้ท่านได้”
เถ้าแก่หวูเหงื่อแตกราวกับฝนตกทันที: “ท่านฉิน ไม่ต้องสนใจว่าเป็นเพราะเรื่องอะไร หากคุณหนุไม่ชอบข้า ข้าจะอยู่ขวางหูขวางตาต่อไปได้อย่างไร?”
“ตระกูลเฟิงสร้างความตั้งมั่นด้วยความซื่อสัตย์และจงรักภักดี หากเจ้าจงรักภักดีต่อตระกูลเฟิงมาโดยตลอด แต่คุณหนูกลับทอดทิ้งเจ้าแค่เพราะความไม่ชอบพอส่วนตน เช่นนั้นข้าที่เป็นอาวุโส จำเป็นต้องดัดนิสัยของคุณหนูแล้ว”
“ท่านฉิน......”
ฉินฮั๋วเหนียนสีหน้าเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ : “เถ้าแก่หวู ท่านไปเปิดจดหมายด้วยตนเองเถอะ หลังจากนั้นอ่านให้พวกข้าฟัง”
“เอ่อ......ไม่จำเป็นกระมัง......”
“เปิดจดหมาย อ่าน!”
เถ้าแก่ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ต่างจับจ้องไปที่เถ้าแก่หวู แทบอยากจะใช้สายตาในการถลกหนังของเขา
พวกเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบาก เดิมทีคิดว่าทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจนเอาชนะได้เป็นเรื่องยากยิ่งนัก ทว่าคิดไม่ถึงท่ามกลางพวกเขากลับมีคนทรยศ โดยเฉพาะเถ้าแก่หวูคนนี้!
เถ้าแก่หวูก้าวเดินไปด้านหน้าช้าๆ หยิบจดหมายขึ้นมาช้าๆ วินาทีต่อมาเขายัดจดหมายเข้าไปในปากของตนเอง
ฉินฮั๋วเหนียนฟาดฝ่าเท้าไป ทำให้เถ้าแก่หวูล้มลงกับพื้น แล้วแย่งจดหมายมา
เถ้าแก่หวูรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น คุกเข่าลงกับพื้นแล้วคำนับเฟิงฉิ้นหว่านกับฉินฮั๋วเหนียนไม่หยุด: “คุณหนู ท่านฉิน ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยไม่ควรมีความคิดสกปรก ยิ่งไม่ควรหักหลังท่านนายใหญ่”
เถ้าแก่คนอื่นๆ มองด้วยความโกรธเคือง: “คุณหนู เนื้อความในจดหมายสองฉบับนั้นคืออะไรกันแน่? คุณหนูได้โปรดบอกพวกเราด้วยเถอะขอรับ”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านไม่ได้มีความสุขและไม่ได้โมโห นิ่งสงบยิ่งนัก: “จดหมายสองฉบับนั้นหลังจากตระกูลเกาถูกจับ ข้าได้มาจากห้องลับในตระกูลเกา”
“ตระกูลเกา?”
พูดถึงเจ้าคนทรยศเกาหนาน ทุกคนก็ยิ่งโมโหอย่างมาก
“ท่านนายใหญ่สิ้นใจกะทันหัน ตระกูลเกาทรยศแล้วสร้างความลำบากใจในทันที คนที่ลืมบุญคุณเช่นนี้ ไม่สมควรเป็นมนุษย์”
ฉินฮั๋วเหนียนตอบกลับ: “ขอรับ”
หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นจากด้านหลังร้านขายวัตถุโบราณ จากนั้นเถ้าแก่หวูที่ถูกทำร้ายจนแขนทั้งสองข้างหักก็ถูกโยนทิ้งออกไปจากประตูหลัง
บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดเล็กน้อย
ทว่าเฟิงฉิ้นหว่านกลับยิ้มแล้วพูด: “ผ่านความลำบากต่างๆ เวลานี้ตระกูลเฟิงถือว่าเริ่มต้นใหม่แล้ว นับจากนี้ขอให้เถ้าแก่ทุกคนได้โปรดช่วยดูแล เมื่อเป็นเช่นนี้ตระกูลเฟิงจึงจะพัฒนาได้เร็วและไกลยิ่งขึ้น”
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยใกล้ชิดกับเถ้าแก่เหล่านี้มาก่อน ไม่รู้จักพวกเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งแรกที่ทำหลังจากรับช่วงต่อจึงเป็นการสร้างความน่าเกรงขาม
“พวกข้าย่อมทำสุดความสามารถ”
“ระยะเวลาที่ผ่านมานี้ เถ้าแก่ทุกท่านอกสั่นขวัญหายไปพร้อมกับข้า เดิมทีข้าอยากจะให้ของขวัญกับทุกท่าน แต่คิดไปคิดมาแล้วไม่รู้จะให้สิ่งใด สุดท้ายจึงจบลงด้วยการให้เงินซึ่งเป็นสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด”
เฟิงฉิ้นหว่านพูดต่อ: “สินค้าที่ก่อนหน้านี้ตระกูลเฟิงขนย้ายออกไป เวลานี้ได้นำกลับมาแล้ว เก็บเอาไว้นานสั่งผลเสียต่อสินค้า ดังนั้นรีบขายออกไปให้หมดเถอะ สำหรับเงินที่ได้จากการขาย เถ้าแก่ทั้งหลายและคนงานนำไปแบ่งกันด้วยตนเองเถอะ”
เมื่อนางพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง
สินค้าที่จินหมิงซื้อในตอนนั้น ประมาณหกหมื่นตำลึง นั่นแทบจะเป็นเงินทั้งหมดของตระกูลเฟิง เวลานี้คุณหนูกลับบอกให้พวกเขาเงินที่ได้จากการขายมาแบ่งกัน ส่งผลกระทบต่อแก่นแท้ของตระกูลเฟิงไม่ใช่หรือ?
“คุณหนู ทำเช่นนี้ไม่ได้ขอรับ”
“ทุกท่านไม่ต้องหวาดกลัว พวกท่านช่วยข้าอย่างสุดความสามารถ ข้าย่อมตอบแทนอย่างงาม ต่อจากนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงในนครหลินผิง ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากทุกท่านต่อไป ความจงรักภักดีของพวกท่านมีค่ามากกว่าเงินทองเหล่านี้ ข้าเองก็อยากให้ทุกท่านรู้ว่า ขอเพียงทุกคนจงรักภักดีต่อตระกูลเฟิง ข้าเฟิงฉิ้นหว่านจะไม่ทำให้ผู้ใดผิดหวังแม้เพียงคนเดียว”
หลังจากสร้างความน่าเกรงขามจบลง แน่นอนว่าย่อมเป็นการแสดงความเมตตากรุณา
มีเพียงใช้ความกรุณาและความน่าเกรงขามร่วมกัน จึงจะทำให้เถ้าแก่ที่ฉลาดหลักแหลมเหล่านี้ให้ความเคารพจากใจจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ