ฟังคำพูดของจ้าวยี่ นัยน์ตาของเฟินฉิ้นหว่านสั่นเทา: “ท่านชายจะกลับเมืองหลวงแล้วหรือ?”
ฟู่ลั่วเฉินเงยหน้าขึ้น: “อยู่ด้านนอกมานานแล้ว ต้องกลับไปเป็นธรรมดา”
เฟิงฉินหว่านพยักหน้าเล็กน้อย เม้มริมฝีปาก ดวงหน้าของนางคล้ายแสดงความผิดหวัง
ฟู่ลั่วเฉินมองสีหน้าของนาง นิ้วมือที่วางอยู่บนโต๊ะขยับเล็กน้อย แล้วพูดเรื่องสำคัญกับจ้าวยี่ต่อ:
“ทางด้านตระกูลฉือไม่มีเบาะแสมากไปกว่านี้แล้ว เช่นนั้นหน้าที่สำคัญล้วนตกอยู่ที่เจ้า หลี่หยวนตายแล้ว องค์ชายสามต้องทำทุกอย่างเพื่อสืบหาสาเหตุการตายของเขาแน่นอน ทั้งยังจะหยุดไม่ให้เจ้านำเรื่องของตระกูลฉือกราบทูลฝ่าบาท เจ้ารู้หรือไม่ว่าควรจะรับมือเช่นไร?”
“ท่านชายวางใจเถอะ ขอเพียงข้าจ้าวยี่ยังมีลมหายใจ ก็ไม่มีวันปล่อยให้เรื่องผิดกลายเป็นเรื่องถูกอย่างแน่นอน”
“คดีนี้องค์ชายสามไม่มีวันแสดงตัวด้วยตนเองอย่างแน่นอน มีแต่จะให้เจ้าหน้าที่เก็บกวาดเรื่องนี้ เจ้าเพียงเจ้าการแรงกดดันนี้ เรื่องอื่นข้าจะเป็นฝ่ายช่วยเจ้าเอง”
“ท่านชาย ชาวบ้านที่ฆ่าหลี่หยวนจะมีความผิดหรือไม่?”
“มีความผิด แต่ไม่ถึงกับชีวิต ข้าจะเตรียมการหลังจากนี้ให้พวกเขาเอง”
“ได้ยินท่านชายพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจขอรับ” จ้าวยี่ลอบโล่งอก
ยิ่งสืบมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้ว่าหลี่หยวนช่วยองค์ชายสามปิดบังเรื่องใดมาก คนที่ฆ่าชาวบ้านเพื่อเลื่อนตำแหน่งนั้น สมควรตาย
“ท่านชาย ยังมีอีกเรื่องหนึ่งขอรับ เวลานี้รอบตัวของเกาหนานมีตุ่มแดงขึ้น คอเจ็บป่วยจนยากจะพูด ร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหว เกรงว่าภายในสองสามวันนี้เขาคงสิ้นใจอย่างแน่นอน แล้วก็ฉือเหลียน มองภายนอกคล้ายแข็งแกร่ง แต่เขากลับคล้ายทำจากน้ำตาลทราย เพียงขยับเล็กน้อยก็เจ็บปวดจนร้องโอดครวญไม่หยุด ราวกับว่ากระดูกทั่วร่างกายพุพัง เมื่อคืนเหตุเพราะเขาร้องโอดครวญเสียงดัง ถูกคนใช้หมั่นโถวโยนไปที่เขา จากนั้นก็ถึงกับกระดูกหักหนึ่งท่อน”
ฟู่ลั่วเฉินหันไปมองเฟินฉิ้นหว่าน แววตาลุ่มลึก
“ท่านชายมองข้าทำไมหรือเจ้าคะ?” เฟิงฉิ้นหว่านมองตอบด้วยความใสซื่อ
“คราวหน้า ห้ามทำการโดยพลการอีก”
“เจ้าค่ะ ข้าย่อมเชื่อฟังท่านชายทุกอย่าง”
ฟู่ลั่วเฉินพยักหน้า: “สองคนนี้จะตายก็ตายไปเถอะ เจ้าบันทึกสาเหตุการตายให้เรียบร้อย แล้วส่งไปให้ฝ่าบาทก็พอ”
จ้าวยี่รีบหันไปมองเฟิงฉิ้นหว่าน: “ท่านชาย เขียนตามความจริงหรือขอรับ?”
เฟิงฉิ้นหว่านเงยหน้าขึ้น หันไปมองจ้าวยี่ด้วยความอ่อนโยน : “ใต้เท้าจ้าว ล้วนทำงานให้กับท่านชายเหมือนกัน เหตุใดต้องฆ่าฟันกันเอง?”
“ล้วนทำงานให้ท่านชายเหมือนกัน แต่ก็ข่มขู่กันไม่ใช่หรือ?” จ้าวยี่ยังคงจำเรื่องที่ถูกเฟิงฉิ้นหว่านลอบบีบบังคับ จึงมีโอกาสได้สอบสวนฉือเหลียนตามลำพัง
เฟิงฉิ้นหว่านลุกขึ้นรินน้ำชาให้จ้าวยี่: “เรื่องต่างๆ ในอดีตล้วนเป็นเพราะฉิ้นหว่านไม่รู้ความ ข้าขอโทษใต้เท้าจ้าวด้วย”
จ้าวยี่มองตรงไปด้านหน้าด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ไม่จำเป็น”
“ใต้เท้าจ้าวดื่มน้ำชาสักเล็กน้อยเถอะ ข้าเห็นขอบตาใต้เท้าดำคล้ำ ดวงตาอ่อนล้า มุมปากแดงระเรื่อเล็กน้อย เห็นชัดว่าสองวันนี้ร้อนใน ดื่มน้ำชาดับร้อน เรื่องในอดีตอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
เฟิงฉิ้นหว่านยิ้มด้วยความจริงใจ แม้จ้าวยี่จะเป็นคนเย็นชาและใจแข็ง แต่เวลานี้ก็จำต้องยอม
“คราวหน้าอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก”
“ขอบคุณใต้เท้า”
ฟู่ลั่วเฉินชำเลืองมองใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่าน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย: วันนี้เฟิงฉิ้นหว่านกล่าวขอโทษง่ายดายเสียจริง หรือว่ามีแผนการใดซ่อนเร้น?
ฟู่ลั่วเฉินพูดกำชับจ้าวยี่เล็กน้อย แล้วค่อยให้เขาไป
เฟิงฉิ้นหว่านนั่งอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด ไม่ได้พูดแทรก เวลานี้เห็นฟู่ลั่วเฉินเงียบ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดลองเชิง: “ท่านชายจะกลับเมืองหลวงเมื่อใดเจ้าคะ?”
แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านสั่นเทาเล็กน้อย: ไม่แปลกที่ระยะนี้ไม่ได้เจอคนคนนั้น ที่แท้ก็ถูกฟู่ลั่วเฉินสั่งให้ไปทำงานที่อื่นนี่เอง? อีกทั้งฟังจากคำพูดของฟู่ลั่วเฉิน คนคนนั้นคือคนที่เขาเชื่อใจมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ อยากจะกำจัดก็ยากยิ่งนัก
เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย: การดำรงอยู่ของบุรุษคนนั้นเปรียบดังยาพิษที่อยู่ในลูกอม ไม่รู้ว่าลูกอมจะละลายเมื่อใด แล้วค่อยๆ คร่าชีวิต
หยุนซวนที่ยืนอยู่ข้างๆ งุนงงเล็กน้อย : บรรดาคนที่ส่งออกไป เวลานี้กลับมารายงานหมดแล้วไม่ใช่หรือ? มีคนใดบ้างที่ไม่อาจกลับมาในเร็ววัน ท่านชายหลอกลวงแม่นางเฟิงอีกแล้ว
“เช่นนั้นหากข้าจะติดต่อท่านชายเล่า?” เฟิงฉิ้นหว่านพูด
“คิดหาวิธีเอาเอง” ฟู่ลั่วเฉินพูดเสียงเยือกเย็น
รอยยิ้มบนใบหน้าเฟิงฉิ้นหว่านยังคงไม่เปลี่ยนแปลง : “ข้าคิดหาวิธีเองได้ แต่ท่านชายต้องบอกคนเฝ้าประตูของจวนอ๋อง ทันทีที่ได้รับจดหมายจากนครหลินผิงต้องรีบเอาให้ท่านชายก็พอเจ้าค่ะ”
แค่ส่งจดหมายเท่านั้นไม่ใช่หรือ? ขอเพียงทำให้ฟู่ลั่วเฉินเชื่อใจนางมากยิ่งขึ้น แม้จะห่างกันไกลเพียงใดนางก็คิดหาวิธีให้คนส่งจดหมายไปให้ถึง
ฟู่ลั่วเฉินเงียบอีกครั้ง
เฟิงฉิ้นหว่านไม่อยากเสียเวลา จึงยืนขึ้นแล้วบอกลา: “ท่านชาย หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉิ้นหว่านขอตัวลาเจ้าค่ะ”
ทันทีที่นางพูดออกไป รอบตัวของฟู่ลั่วเฉินเย็นยะเยือกอย่างไม่อาจสังเกตได้: “อืม”
เฟิงฉิ้นหว่านหมุนตัวหันหลัง องครักษ์คนหนึ่งเดินมาด้วยความรีบร้อน ผ่านนางไป จากนั้นเสียงรายงานก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน:
“ท่านชาย ท่านชายเย่มาเจียงหนานแล้วขอรับ ได้ยินว่าท่านชายอยู่นครหลินผิง จึงอ้อมกลับมาหาท่านชาย บอกว่าท่านอ๋องเป็นผู้ไหว้วาน ให้กลับเมืองหลวงพร้อมกับท่านชายขอรับ”
“เฉิงเหวยมาแล้ว?” น้ำเสียงของฟู่ลั่วเฉินสั่นคลอนเล็กน้อย “ตอนนี้อยู่ที่ใด?”
เฟิงฉิ้นหว่านหยุดฝีเท้า แววตาของนางทอประกายความดีใจ:เฉิงเหวย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาบุปผาซ่อนพิษ