ตอนที่ 159 เพราะว่าเขาตื่นเต้น
“ท่านอ๋องและพระชายา” กวินโม่หายใจหอบแล้วเดินอยู่ต่อหน้าพวกเขา หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
ดูๆแล้วเหมือนเขาจะได้ยินความสำคัญของเรื่องนี้แล้ว แล้วรีบมาที่นี่
“สวินโม่ รีบสวมใส่เสื้อป้องกันเชื้อโรค เพื่อห่างไกลจากเชื้อร้าย” โล่หวินหลานเอาชุดป้องกันเชื้อโรคยื่นให้กวินโม่
ในห้อง ณ ขณะนี้มีคนอยู่แค่สามวัน กวินโม่เลยรีบสวมใส่เสื้อกันเชื้อโรค ไม่กล้าถ่วงเวลา เลยรีบเดินหน้าขึ้นไปช่วยรักษาด่องห้วน
“เนื้อเน่า น้ำหนอง และคุกคามของเชื้อร้าย ดูๆแล้วมันไม่ต่างจากโรคระบาดร้ายแรงเลย แค่ว่า……” กวินโม่มองๆแล้ว จะเอามือไปจับส่วนที่เป็นเนื้อเน่า โล่หวินหลานสะดุ้ง แล้วรีบขัดขวางการกระทำของเขา
“อย่าจับ ใช้อันนี้” โล่หวินหลานตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น และรีบเอาที่คีบให้กับกวินโม่
สวินโม่รับที่คีบนั่นไว้ เอาจับไว้ในมือให้คุ้นเคยไปสักพัก และค่อยๆทำการทดลองบนแขนของด่องห้วน
เขาเป็นคนวิเคราะห์เกี่ยวกับพิษต่างๆ และคิดค้นยาพิษต่างๆ ยาที่ตากไว้ในตำหนักของเขามีแต่งสมุนไพรที่เป็นพิษ และยังมีแมลงที่เป็นพิษอีก ยาพิษพวกนั้นที่ถูกใช้แล้วมีผลยังไงเขาทดลองมาหมดแล้ว และรู้ว่ามันจะทำร้ายคนยังไง
แต่ว่า พิษบนแขนของด่องห้วนเขายังไม่เคยเจอ แต่ดูๆแล้วไม่ใช่พิษที่ปกติจะพบเจอ แต่อาจจะเป็นเชื้อร้าย
เขาขยับเนื้อเน่าบนแขนของด่องห้วนไป 2 ครั้ง ตามด้วยท่าทางของเขา กลิ่นเน่าที่ระเหยขึ้นมาเนื้อเน่ายิ่งร้ายแรงมากขึ้น ทุกคนต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เหลือแค่ไม่ได้จับจมูกของตนเอง
“กวินโม่ เป็นยังไงบ้าง? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” โล่หวินหลานถามขี้นอย่างใจร้อน พิษที่อยู่ในมือของด่องห้วน ถ้าหาไม่เจอว่ามันเป็นพิษอะไร นางก็จะตัดเนื้อร้ายนี่ทิ้ง
“นี่ข้าต้องวิจัยสักพัก พระชายา ข้าต้องเอาเนื้อร้ายบางส่วนกลับตำหนักของข้า ต้องเอาไปตั้งแต่ตอนนี้ บาดแผลของเขา……” กวินโม่ใช้ที่คีบคีบเนื้อร้ายออกมาใส่ไว้ในกล่อง และพูดอย่างยากลำบาก
“ข้ารู้ ข้าจะรักษาด่องห้วนให้หาย” โล่หวินหลานหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้าใส่เขา
กวินโม่เก็บของ และจับของที่อยู่ในมือไว้แน่นๆ แล้วขมวดคิ้วขึ้น คิ้วเอาสง่าและหล่อเหลาของเขาเหมือนปาท่องโก๋ทรงเกลียวที่คดโค้งไปมา มองโม่ฉีหมิงแว๊บเดียว แล้วออกจากประตูอย่างเร่งรีบ
การลำบากครั้งนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเร็วมาก โล่หวินหลานจับของที่อยู่ตรงหน้าไว้แน่นๆ มองบาดแผลที่อยู่บนตัวของด่องห้วน และนางก็กำลังคิดถึงขั้นตอนการรักษาในโรงพยาบาลของสมัยปัจจุบัน และมองด่องห้วนที่ดูแย่ลงเรื่อยๆ
ข้างๆเตรียมเครื่องมือไว้เรียบร้อย แต่ที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นตลับยาของโล่หวินหลาน ข้างในใส่เครื่องมือการแพทย์ในปัจจุบัน นางเปิดตลับยาขึ้น เครื่องมือมีดต่างๆได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทั้งสอง เครื่องมือทั้งหมดล้วนเป็นที่ต้องการของการผ่าตัดครั้งนี้
“หวินหลาน ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะติดตามเจ้าไป” โม่ฉีหมิงกุมมือนางไว้ เพื่อให้นางรู้สึกสบายใจ
มีโม่ฉีหมิงคอยสนับสนุน ใจของนางเหมือนเต้นได้ไม่ค่อยรุนแรงแล้ว นางหายใจเข้าลึกๆ และยังไม่ลืมว่าข้างนอกยังมีคนที่ต้องการด่องห้วนเป็นพิเศษยังคงรออยู่ นางต้องทำให้ผลสรุปครั้งนี้เป็นไปด้วยดี
“เย่นหวินพึ่งอาเจียนเสร็จ จะไม่ให้นางเข้ามาช่วยอีก ไม่งั้นจะยิ่งยุ่ง ข้าต้องการผู้ช่วย “ สายตาของโล่หวินหลานเต็มล้นไปด้วยเปลวไฟที่เร่าร้อน และมองโม่ฉีหมิงอย่างไม่คลาดสายตา
เพิ่งพูดจบ เขาไม่ได้พูดอะไรได้แต่พยักหน้า ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นผู้ช่วยของนาง เขารู้อย่างละเอียดมากว่าขั้นตอนการรักษาของนางเป็นยังไง
จ้องมองแขนอันน่ากลัวของด่องห้วน นางให้คนต้มยาชามันให้ก่อน และต้มยาระงับเลือดเพื่อเตรียมตัวไว้ เพื่อยับยั้งการสูญเสียเลือดตอนทำการผ่าตัด
พอป้อนยาชาเสร็จ โล่หวินหลานให้โม่ฉีหมิงฆ่าเชื้อในเครื่องมือที่จะใช้ เพื่อหลังจากนั้นจะได้ใช้สอยอย่างสะดวก
บาดแผลของด่องห้วนค่อยๆหยุดการระบาดลง เนื้อตั้งแต่หัวไหล่จนไปถึงข้อศอกเน่าเสียหมด ดูจากภายนอกดูไม่ออกเลยว่าเนื้อพวกนั้นเน่าเสียไปจนถึงกระดูกหรือยัง ถ้ามันเน่าไปถึงกระดูกก็คงแย่จริงๆ
“เอาเข็มยาวให้ข้า” โล่หวินหลานไม่หันหน้ามาและแค่ยื่นมือมา ผ่านไปไม่นาน บนฝ่ามือของนางก็ได้วางเข็มยาวไว้
นางค่อยๆแทงเข็มยาวนั้นเข้าไปในแขนของด่องห้วนและค่อยๆเจาะลึกเข้าไปในใต้ผิวหนังของแขน และพอถึงตำแหน่งของกระดูกนางจึงจะหยุดเจาะ และค่อยๆดึงเข็มนั่นออกมา บาดแผลที่เจาะเข็มมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย
เข็มยาวๆนั้นยื่นมาตรงหน้าตนเอง ตรงหัวเข็มไม่ได้กลายเป็นสีดำ แต่กลับเป็นสีแดงจืดๆ ในของนางค่อยๆสงบลง สิ่งที่กังวลมาเมื่อครูก็จางหายไป เปรียบดั่งลมฟ้าพายุได้สงบลง
“ยังดีที่เชื้อร้ายไม่ได้เข้าสู่กระดูก” โล่หวินหลานถอนหายใจเบาๆ
โม่ฉีหมิงรู้สึกคาดคิดไม่ถึงจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นนางทำการผ่าตัดแบบนี้ ทุกครั้งที่เข้าสู่การผ่าตัด นางก็จะกลายเป็นคนที่ละเอียดอ่อนและเป็นคนช่างระมัดระวังมาก ไม่เคยเห็นนางถอนหายใจและแสดงความยินดีขนาดนี้
“ดูๆแล้วเหมือนพิษนี้มันจะลามไปข้างล่าง ไม่ได้ลามเข้าไปข้างใน” โม่ฉีหมิงพูดขึ้นเบาๆ
“ใช่ ถ้าพิษนี้ลามไปทั่วร่างกายก็จะทำให้ร่างกายค่อยๆเน่าเสียไปหมด อย่างนี้ถ้าไม่ได้ตายเพราะพิษก็คงตายเพราะตกใจตนเอง” โล่หวินหลานพูดขึ้น แค่รู้สึกว่าตนเองขนลุกไปทั้งตัวจนกลัว
พิษที่ร้ายแรงขนาดนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดออกมา ถ้าคนปกติโดนพิษนี้ไปแค่แปบเดียว จะมีชีวิตรอดไหม?
ต่อไปจะเตรียมตัวผ่าตัดเนื้อร้ายออก บรรยากาศข้างในห้องไม่หนาวเย็น เพราะมีเปลวไฟที่กำลังลุกอยู่รอบๆ เลยต้องสั่งบ่าวยกเตาออกไปข้างนอก นอกจากนี้ เตาผิงที่แขวนอยู่นอกหน้าต่างกำลังระบายความร้อนออกมาผ่านช่องว่าง และความร้อนนั้นทำให้แผ่กระจายไปทั้วร่างกายที่หนาวเย็น
นางยังคงทำแผลต่อไป และเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่โม่ฉีหมิงกังค้นเครื่องมือต่างๆจากตลับยาออกมา และเตรียมยาและผ้าก็อตไว้ให้นางทำแผล
มีเสียงแห่งความเจ็บปวดขึ้นข้างหูทั้งสอง
ปฏิกิริยาที่โล่หวินหลานมีก็คือหันกลับไปมองโม่ฉีหมิงที่อยู่ด้านหลัง และเขาก็ใช้สีหน้าที่น่าทึ่งมองไปบนเตียง นางพึ่งรู้ว่าเสียงนั่นไม่ได้มาจากผู้ชายคนข้างหลัง แต่มาจากคนที่อยู่บนเตียง
ครั้งนี้นางพึ่งรู้ว่าเรื่องที่เกินการควบคุมของตนเองความรู้สึกจะเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง
“อ่าส์! เจ็บ......” ด่องห้วน คนที่ฟื้นขึ้นมาลองขยับแขนข้างขวาเบาๆ แต่ว่าความเจ็บปวดจะทำให้ทรมานจนคาดคิดไม่ถึง
“ฉีหมิง ด่องห้วนฟื้นขึ้นมาแล้ว..... เจ้าอย่าพึ่งขยับ การผ่าตัดยังคงต้องดำเนินต่อไป แขนของเจ้ายังไม่ดีขึ้น อย่าขยับ” โล่หวินหลานขมวดคิ้วเป็นปม และใช้เสียงต่ำเตือนถึง
ยาชาที่หมดฤทธิ์ไปแล้วแต่นางไม่รู้ ตอนนี้ด่องห้วนตื่นขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้การผ่าตัดกำลังดำเนินการอยู่ ความเจ็บปวดนั้นต้องมีผลต่อการพักผ่อนแน่นอน เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
โม่ฉีหมิงก็พึ่งเดินมาจากข้างๆ สีหน้่ก็ดูน่าทึ่งด้วยเช่นกัน
“ท่าน ท่านอ๋อง ข้าเป็นอะไรไป? ข้าเจ็บมาก!” ด่องห้วนมองไปยังโม่ฉีหมิง แค่ค่อยขยับมือของตนก็เจ็บไปทั้งตัว หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่ได้เจ็บขนาดนี้มานาน เลยรู้สึกเจ็บปวด
“ไม่เป็นไร หวินหลานกำลังรักษาให้เจ้า แค่ตอนนี้ยาชาพึ่งหมดฤทธิ์ไป เจ้าฟื้นขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของการผ่าตัด” โม่ฉีหมิงกำลังกดเสียงต่ำลงปลอบใจเขา ไม่กล้าบอกเขาเรื่องอาการของเขา
ด่องห้วนเจ็บจนเหงื่อแตก สีหน้่เหมือนอยากพูดอะไรแต่พูดไม่ออกเพราะเจ็บปวดเกินไป “ข้าจำได้ว่าข้าโดนพวกขอทานทำร้าย อาหย่าล่ะ? อาหย่าไม่เป็นใช่หรือไม่?”
“ไม่เป็นไร เขาอยู่ข้างนอกรอเจ้าอยู่ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออาการของเจ้า ไม่ต้องพูดอะไรอีก ต้องรักษาสุขภาพไว้” โม่ฉีหมิงพูดเสียงเย็นชา
แต่ว่าด่องห้วนคนที่นอนอยู่เตียงก็ไม่สามารถลงได้ เขาก็ยังคงขดตัวไปมา หรืออาจเป็นเพราะว่าเจ็บปวดเกินไป เขากัดฟันตัวเองไว้แน่นๆ เลือดสดๆไหลออกมาจากปากของเขา สีหน้าของเขาเริ่มซี้ดขาว ริมฝีปากเขียวซี้ด
โล่หวินหลานเห็นว่าอาการเริ่มไม่ดี และรีบพูดขึ้น “ฉีหมิง หั่นขิงเป็นแผ่นๆให้เขาอมไว้ ต้องเรียกสติให้เขา”
หิมะข้างนอกลอยไปลอยมา ประตูพึ่งเปิด ตรงมุมห้องจู่ๆก็มีคนๆนึงพุ่งเข้ามา ร่างที่พุ่งเข้ามาแบบไม่สนใจสักอย่าง
“ท่านอ๋อง ข้าจะเจอท่านพี่ ข้าจะเจอท่านพี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก