ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 196

ตอนที่196 ให้ทุกอย่างไปตามสายลม

กองกำลังทหารทั้งสองข้างที่ยืนไว้รีบจุดไฟ เปลวไฟที่เปล่งแสงออกมาสอดส่องใบหน้าของพวกเขา พวกเขามองหน้าซึ่งกันและกันไปสักพัก และกวาดสายตามองไปยังโม่ฉีหมิงที่ยืนหันหลังอยู่ และโยนไม้ที่จุดด้วยไฟลงตรงกองหญ้าบนแท่นเผา

เปลวไฟแรงๆได้ลุกขึ้นมาจากกองหญ้า

“นี่ โม่ฉีหมิงเจ้าทำอะไรอยู่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” องค์รัชทายาทไม่สนใจอะไรแล้ววิ่งออกมาจากหลังก้อนหินใหญ่ กองกำลังทหารก็ตามมาทีหลัง

ตั้งแต่ที่เขาตามโม่ฉีหมิงขึ้นมาที่นี่ก็รู้สึกได้แล้วว่ามันไม่ปกติ ทำไมเขาถึงเอาศพของโล่หวินหลานมาฝังไว้ที่ไกลๆเยี่ยงนี้ล่ะ แต่หลังจากที่เห็นกองหญ้าที่อยู่ที่นี่ เขาก็ยิ่งรู้เลยว่าความคิดที่อยู่ในใจของเขามันถูก จนถึงตอนนี้เขามั่นใจเลยว่าความคิดของเขามันแม่นยำจริงๆ

เขาทำหน้าเหมือนนึกไม่ถึงจ้องมองโม่ฉีหมิงอยู่ สายตาของเขาดูอันตรายและน่ากลัวมาก และโมโหขึ้นมา

“ก็เหมือนสิ่งที่เจ้าเห็นนี่แหละ” โม่ฉีหมิงขยับริมฝีมือเบาๆ แล้วขี้เกียจพูดกับเขาเยอะ

“หวินหลานเพิ่งจากไป เจ้าก็จะเอาศพของนางมาเผาเยี่ยงนี้หรือ เจ้าอยากให้นางกลายเป็นผงกระดูกอย่างไร้ตัวตน จากไปโดยไม่มีที่จะให้นางสิงสถิต? เจ้ายังบอกว่าเจ้ารักนาง ยังจะมาทำแบบอยู่ข้างนอกไม่ไปไหน?” องค์รัชทายาทชกหน้าเขาไปหนึ่งหมัดแรงๆ เลือดสดๆได้ไหลลงมาจากมุมปาก “เจ้ามันไม่ใช่คน!เจ้าไม่มีสิทธิ์มายืนที่นี่!”

มุมปากที่กำลังช้ำของโม่ฉีหมิงยังคงนิ่งไม่ขยับ ค่อยๆใช้แขนเสื้อเช็ดมุมปากของตนเบาๆ และยังคงยืนอยู่ที่นี่

“ถือเวลาตอนที่ข้ายังไม่โมโห รีบไสหัวไปซะ”เสียงของเขาเหมือนมาจากขุมนรกที่ฟังดูโหดร้าย ไม่มีโล่หวินหลานแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจคนอื่นอีกต่อไป

องค์รัชทายาทเหมือนมีไฟลุกขึ้นมาจากตัวเขาที่ยังคงยืนไว้ที่เดิม ลมแรงพัดชุดของเขาขึ้น หิมะที่ลอยไปลอยมาของฤดูหนาวทำให้เขาดูเย็นชามากยิ่งขึ้น สีหน้าของเขาไม่ใช่อ่อนโยนและมีรอยยิ้มเหมือนปกติอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นไฟที่รุกขึ้นอย่างโมโห ความโมโหที่ไม่เคยเกิดขึ้นจากตัวเขาก็ออกจากตัวของเขา

เพื่อโล่หวินหลาน ผู้หญิงที่ไม่ใช่ของเขา และผู้หญิงที่ได้จากไปสู่พื้นดินสวรรค์

“โม่ฉีหมิง ถ้าเจ้าไม่รักนางแล้ว เจ้าก็น่าจะปล่อยนางไปตั้งแต่แรก ถ้าเปลี่ยนเป็นข้าที่คอยดูแลอยู่เคียงข้างนาง จุดจบของนางก็คงไม่ใช่เยี่ยงนี้!สาเหตุที่เรื่องเกิดขึ้น ก็เพราะเจ้าไม่ได้ปกป้องนางไว้ดีๆ ทั้งหมดก็เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด!” องค์รัชทายาทจับดาบบนมือไว้แน่นๆ ทุกคำพูดที่พูดออกมา โม่ฉีหมิงตกใจเบาๆ เหมือนจะเป็นความรู้สึกที่ใกล้จะบ้าตาย

เขาพูดถูก ก็เพราะเขาไม่ได้ปกป้องนางไว้ดีๆ ทุกอย่างก็เป็นความผิดของเขา แต่เรื่องของเขากับนาง องค์รัชทายาทมายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย?

“ตอนนางมีชีวิตนางเป็นพระชายาของข้า ตายไปก็เป็นของข้า ไม่กล้าจะชาตินี้ หรือว่าชาติหน้านางก็ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า และไม่ต้องให้เจ้ามาปกป้อง องค์รัชทายาท เจ้าตายใจไปเลย หวินหลาน ไม่เคยแม้จะชอบเจ้า” โม่ฉีหมิงกระตุกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มแห้งๆ น้ำท่ามกลางฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะ ยิ่งทำให้เย็นชามากขึ้น

คนรอบข้างของพวกเขาเห็นสถานการณ์แบบนี้ ต่างก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา

ไม่ใช่แค่โม่ฉีหมิงที่รักใคร่โม่ฉีหมิง แต่องค์รัชทายาทก็โปรดปรานพระชายาหมิงอ๋องด้วยเช่นกัน บ่าวที่อยู่ในนั้นต่างก็พากันเข้าใจว่าเรื่องที่เขาลือกันเป็นเรื่องจริง

“เจ้าทำร้ายนางมาตลอดชีวิตแล้ว หรือว่าชาติหน้าของนางเจ้ายังจะคิดทำร้ายอีกงั้นหรือ? ถ้าจะไม่ให้เจ้าสมดั่งใจหวังอีกต่อไป” องค์รัชทายาทตะโกนขึ้นและทำสีหน้าข่มขู่ และรีบวิ่งไปยังแท่นกองหญ้า แล้วหยุดอยู่ที่นั่นโดนทันที

เปลวไฟที่รุกขึ้นตรงนั้นทำให้เขารู้สึกทรมานมาก และเขาก็พยายามหาตำแหน่งที่ศพของโล่หวินหลานอยู่ขึ้นอย่างแม่นยำ และจับมือของนางไว้แน่นๆ กำลังคิดจะเอาศพของนางออกจากกองหญ้านั้น ทันใดนั้น เขารู้สึกเจ็บแขนขึ้นมา มือของเขาก็ปล่อยออกจากมือของนาง

โม่ฉีหมิงใช้มีดบาดแขนของเขา

“ข้าบอกแล้วไง แล้วอย่าแตะต้องนาง!”ถ้าเขายังบังอาจทำเยี่ยงนี้อีก มีดที่อยู่ในมือของโม่ฉีหมิงก็ไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ

องค์รัชทายาทยื่นแขนของตนเองกลับมา และดูเลือดที่ไหลออกมาจากแผลนั้น รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที และฝีเท้าของเขายังคงยืนอยู่กับพื้นอย่างไม่สะดุดล้มลง

“โม่ฉีหมิง ตอนนี้เจ้ายังยอมรับนางเป็นพระชายาของเจ้าหรือไม่? เจ้าใช้วิธีแบบนี้จัดการต่อศพของนาง เจ้าไม่กลัวฟ้าลงโทษหรือไง?” องค์รัชทายาทพูดออกมาเป็นคำๆเพื่อให้เขารู้สึกซาบซึ้ง และมองเขาอย่างไม่คาดสายตา

และกลบอาการตัวสั่นของตนเองไว้ โม่ฉีหมิงใช้สีหน้าที่ไม่เป็นมิตรมองเขา และพูดขึ้นอย่างชัดเจน “นางจะเป็นพระชายาของข้าขนาดไป ถ้าเจ้ายังจะกล้าแตะต้องนางอีก ข้าจะให้เจ้าอยู่อย่างตายทั้งเป็น!”

เพิ่งพูดจบ แววตาขององค์รัชทายาทก็ยิ่งดูโหดเหี้ยมและโมโหขึ้น

“งั้นก็ลองดูสิ” องค์รัชทายาทชักดาบออกมาจากข้างหลังเขา วิชาการต่อสู้เพียงพริบตาเดียว ทำให้ดาบยาวของเขาพุ่งไปอยู่ต่อหน้าของโม่ฉีหมิงโดยทันที

“ฉินหยิ่น ทำเยี่ยงไรดี? พวกข้าต้องไปช่วยหรือไม่?” เย่หวินรู้สึกไม่ได้การแล้ว แล้วหันหน้าไปถามฉินหยิ่น

ทั้งสองต่อสู้ก็ตรงนี้ไม่ดีเสียเท่าไหร่ ถึงแม้วิชาการต่อสู้ที่โม่ฉีหมิงมีทำให้คู่ต่อสู้อย่างองค์รัชทายาทสู้ไม่ไหว แต่เขานั่งเสียใจมานานขนาดนี้ ไม่รู้ว่านี่จะทำให้เขาลำบากหรือไม่ ตอนนี้ต้องการ เย่หวินชักดาบออกมาพุ่งไปข้างหน้า นางทอดทิ้งโล่หวินหลานไปแล้ว จะต้องพยายามปกป้องโม่ฉีหมิงให้ได้ดีที่สุด

“ทำไมองค์รัชทายาทถึงตามมาได้?” ฉินหยิ่นขมวดคิ้วพูดกับตนเอง และพูดออกมาทีหลัง “ใจเย็น พวกข้าดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันอีกที”

“ต่อสู้กันเยี่ยงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดี จะทำให้พระชายาตกใจและวิตกวังกลหรือไม่? ในเมื่อนางจากไปแล้ว ก็คงไม่อยากจากแบบอย่างเจ็บปวดใช่หรือไม่?” เย่หวินรู้สึกกังวลขึ้นมา

“เย่หวิน ข้ารู้ว่าเจ้ากังวล แต่ว่าเรื่องของท่านอ๋องกับองค์รัชทายาทไม่ใช่เป็นเรื่องที่พวกข้าเข้าไปยุ่งได้ พวกข้าดูๆกันไปก่อนค่อยว่ากัน” ฉินหยิ่นยื่นมือไปจับนิ้วของเย่หวินที่เต็มไปด้วยเหงื่อ และโอบมือนางไว้ เพื่อคลายความกดดันของนาง

เพิ่งจะพูดจบ แค่เห็นองค์รัชทายาทยิ้มแห้งๆเบาๆ ที่จริงทุกอย่างเพราะเขาคิดมากเองหรือ เรื่องทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว แต่ไม่มีใครบอกเขา แต่มันก็ไม่แปลก เพราะใจของเขาไม่มีที่ว่างสำหรับใครอื่นใด นอกจากโล่หวินหลาน

“วันนี้ถือว่าข้าไม่ได้มาแล้วกัน” องค์รัชทายาทพูดขึ้นอย่างเฉยชา และหันหน้าไปมองโล่หวินหลานและพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “หวินหลาน ข้ารู้การตัดสินใจของเจ้าแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่มารบกวนเจ้าอีก”

พูดจบ เขาเงยหน้ามองฟ้าแล้วหัวเราะขึ้น สลัดแขนเสื้อเบาๆ และค่อยๆเดินไปยังทางออก

อากาศที่หนาวเย็นมีลมพัดมาเบาๆ จะให้เกล็ดหิมะลอยมาด้วย และตกอยู่บนตัวของทุกคน ทำให้รู้สึกเหน็บหนาวเป็นอย่างยิ่ง เหมือนหิมะที่มาจากขั้วโลกเหนือ ตัวของพวกเขาพูดน้ำแข็งย่ด้วยแข็งกระด้าง

เปลวไฟยังคงรุกไม่หยุด แผดเผาจนมีเสียงออกมา ทำให้ภูเขาที่เงียบสงบแห่งนี้กลับรู้สึกเงียบเหงาขึ้นไปอีก

องค์รัชทายาทไปด้วย โม่ฉีหมิงกลับไม่ได้มีความสุขกับความสำเร็จนี้เลย ไม่มีโล่หวินหลานแล้ว เขารู้สึกหัวเราะออกมายังเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์

“ท่านอ๋อง พระชายา…..จากไปแล้วจริงๆ” เย่หวินที่ยืนอยู่ข้างๆเขา มองเปลวไฟที่กำลังแผดเผาศพของโล่หวินหลาน เสียงที่ดังขึ้นจากเปลวไฟทำให้นางยิ่งรู้สึกบาป

โม่ฉีหมิงก้มหน้าลง สายตามองไปยังที่อื่น เขาไม่มีความกล้าหาญ และความกล้าที่จะมองไปทางนั้น

“เย่หวิน เจ้ารับใช้พระชายามานานแค่ไหนแล้ว ส่งนางไปสู่สุคติโดยดีเถอะ!” พูดคำนี้จบก็ไม่มีอะไรพูดต่ออีกต่อไป

เปลวไฟที่รุกขึ้นปะปนไปกับเกล็ดหิมะที่ลอยไปลอยมาบนท้องฟ้าดูงดงาม เสียงเปลวไฟที่กำลังรุกดังเข้ามาในหูของโม่ฉีหมิงอย่างไม่หยุด เขาพยายามจะสงบสติอารมณ์ของตนลง แต่ว่าใจกลับเต้นเร็ว

ผ่านไปไม่นาน เปลวไฟเบาลง ข้างหลังเขาไม่มีเสียงเกิดขึ้นใดๆ เหมือนมันผ่านไปนานมากๆ มีคนบางคนทูลขึ้นและดังข้างหูเขา “ท่านอ๋อง ไฟดับแล้ว ข้าน้อยสมควรเก็บผงกระดูกหรือยังขอรับ?

กองหญ้าที่อยู่บนนั้นถูกเผาไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่ซากใดๆ สุดท้าย ขนาดแสงของเปลวไฟยังไม่มีอยู่

“เก็บ” โม่ฉีหมิงหันไปดู เขามองไปที่แท่นเผาศพอย่างเจ็บปวดหัวใจ และค่อยๆเดินไปอยู่ต่อหน้าแท่นนั้น

ระหว่างจากที่เดินไป ข้างทางเต็มไปด้วยกองหญ้า สวินโม่รีบเอาเครื่องลายครามออกมาที่แกะสลักไปด้วยลวดลายที่ดูไม่ออกว่าคืออะไร โม่ฉีหมิงยื่นมือไปเก็บผงกระดูกนางด้วยตัวเอง สุดท้าย เขาเก็บจนไม่เหลือผงใดๆอยู่ที่นั้น

คนที่ใช่สำหรับเขายังไงก็ยังคงอยู่ในใจของเขา แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่สำหรับเขา จะร้องขอยังไงก็ไม่ใช่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก