เมิ่งจิ่นเหยาและกู้จิ่งซีไม่ได้อยู่กินข้าวเที่ยง เมิ่งตงหย่วนแค่รั้งให้อยู่ต่อพอเป็นพิธีและพูดคุยไม่กี่คำก่อนจะปล่อยไป พาพวกเขามาส่งที่ประตูใหญ่ แล้วถึงจะโล่งอก
แม้ว่ากู้จิ่งซีจะเป็นลูกเขย แต่สถานะและตำแหน่งยังคงอยู่ สกุลเมิ่งที่กำลังเสื่อมถอยไม่สามารถเทียบได้กับสกุลกู้ที่ฮ่องเต้กำลังโปรดปราน คับข้องใจก็ต้องทนรับไว้
ด้วยเหตุนี้ เมิ่งตงหย่วนจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิบุตรสาวคนโตที่สร้างความยุ่งยาก กู้จิ่งซีที่ควรจะได้เป็นบิดาของสามีของครอบครัวที่ลูกหลานเกี่ยวดองกันกลับกลายมาเป็นบุตรเขย สร้างความกดดันให้เขาอย่างไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายสกุลเมิ่งยังถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอีก
แม้ว่ากู้ซิวหมิงจะหนีงานแต่ง แต่สกุลกู้ก็ยังคงจัดงานแต่งตามกำหนดเดิม หากบุตรสาวคนโตไม่โวยวายที่จะเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าว ทำแบบนี้สกุลกู้จะผิดต่อสกุลเมิ่ง ติดหนี้สกุลเมิ่ง หนี้ก้อนนี้ยังสามารถนำมาใช้แสวงหาผลประโยชน์บางอย่างได้
โถงหรงฝู
ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งโมโหจัด ด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว “ให้ตายสินังเด็กชั้นต่ำ! ไต่เต้าขึ้นสูงจนลืมกำพืดของตัวเองไปแล้ว!”
นางซุนจะไม่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้หรือ?
เหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้นางรู้สึกอับอายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซ้ำยังถูกบุตรเขยที่สวมตัวกะทันหันคนนี้พูดจากำกวมใส่ด้วย กู้จิ่งซีบอกว่าเมิ่งจิ่นอวี้เป็นคนอ่อนโยน มีความรู้ สง่าภูมิฐาน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำอะไรแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่มากไม่น้อยพอประมาณเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิด นั่นไม่ใช่เป็นการพูดอ้อม ๆ ว่านางไม่อ่อนโยน ไม่มีความรู้ ไม่สง่างาม ไม่มีน้ำใจ ทำอะไรจิตใจคับแคบหรอกหรือ?
เมื่อเห็นมารดาของสามีหน้าเขียวบูดบึ้ง ดวงตาของนางก็มีประกายวูบวาบ พลางปลอบใจด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่อย่าโมโหเลย อาเหยาอาจจะกำลังถือโทษโกรธพวกเราที่ในวันวิวาห์รู้ทั้งรู้ว่ากู้ซิวหมิงไม่ได้ส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่กลับบังคับให้นางขึ้นเกี้ยว เฮ้อ เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากู้ซิวหมิงหนีการวิวาห์ไปแล้ว?”
โชคดีที่นางไม่ได้ปลอบโยน หากไปปลอบฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งก็จะยิ่งโมโหมากขึ้น “พวกเราบังคับให้นางขึ้นเกี้ยวเพราะหวังดีต่อนาง งานมงคลดี ๆ แบบนี้ของสกุลกู้ ต่อให้จุดโคมก็ตามหาไม่เจอ พลาดไปก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว คนอกตัญญูตัวนี้ได้อำนาจแล้ว จึงกลับไปอวดเบ่งบารมีที่บ้านพ่อแม่ หากรู้แบบนี้แต่แรก ช่วยเหลือนางให้ล่มการวิวาห์ในวันนั้นเสียดีกว่า!”
นางซุนปลอบใจอีกครั้ง ในที่สุดก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเมิ่งสงบลง ก่อนจะออกจากโถงหรงฝู กลับมาถึงเรือนของตัวเอง หลังจากเข้าไปในห้อง สีหน้าของนางก็ควบคุมไม่อยู่ทันที
เมิ่งจิ่นอวี้เห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกสงสารมารดา ก่อนจะพูดอย่างหัวเสีย “ท่านแม่ พี่ใหญ่ทำเกินไปจริง ๆ! ร้ายดีอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของนาง ตอนนางเด็ก ๆ ท่านก็เคยอุ้มชูนาง แต่มาปฏิบัติกับท่านเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก