บนรถม้า
กู้จิ่งซีมองภรรยาตัวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นเพียงแม่นางน้อยกำลังอมยิ้ม คิ้วและดวงตาวาดโค้ง ท่าทางอารมณ์ดีมีความสุข อาจเป็นเพราะได้ระบายความขุ่นเคืองออกไปแล้ว เขาจึงถามว่า “อารมณ์ดีมากหรือ?”
รอยยิ้มมุมปากของเมิ่งจิ่นเหยาไม่อาจข่มไว้ได้ จึงสารภาพอย่างตรงไปตรงมา “อารมณ์ดีมาก ๆ บอกแล้วว่าปากของขุนนางบุ๋นเวลาจะประจบประแจงผู้ใด ก็ต้องกล่อมจนผู้นั้นจิตใจเบิกบาน หากคิดจะทำให้ใครโกรธ ก็ต้องโกรธจนตายกันไปข้างหนึ่ง ในที่สุดวันนี้ก็ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
พอนางพูดจบ รอยยิ้มก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้น นางไม่คาดคิดจริง ๆ ว่ากู้จิ่งซีจะมีกำลังต่อสู้แข็งแกร่งขนาดนี้ และยิ่งนึกไม่ถึงว่ากู้จิ่งซีจะพูดคุยกับคนในบ้านบิดามารดาของนางได้เก่งแบบนี้ เดิมยังนึกว่ากู้จิ่งซีแค่แสร้งทำเป็นนอบน้อมและคล้อยตามเพื่อเอาตัวรอดไปก่อน
กู้จิ่งซีจุกอยู่ในลำคอ เวลาแม่นางน้อยชื่นชมใครสักคน ทำไมถึงดูเหมือนกำลังด่าใครอยู่? เขาหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ฮูหยินเวลาอยู่ต่อหน้าข้าพูดเก่งมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดพอกลับถึงบ้านพ่อแม่แล้วเป็นใบ้ไปเสียล่ะ?”
“กำลังต่อสู้ของท่านพี่แข็งแกร่งเกินไป ไม่มีที่ให้ข้าได้แสดงความสามารถเลย” เมิ่งจิ่นเหยาตอบอย่างจริงจัง นางไม่ยอมรับว่านางแค่อยากดูอะไรสนุก ๆ เท่านั้น แล้วพูดอีกว่า “นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นพวกเขาเสียหน้าร่วมกัน ขอบคุณท่านพี่นะเจ้าคะ”
กู้จิ่งซีตอบว่า “คำพูดประโยคนั้นของฮูหยินเตือนสติข้า ถ้าเจ้าขายหน้า ข้าก็ขายหน้าไปด้วย ข้ากำลังช่วยเหลือตัวเองอยู่ ฮูหยินไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก”
เมิ่งจิ่นเหยาเม้มริมฝีปาก รู้สึกว่าคนผู้นี้ยอมรับคำขอบคุณไม่ได้ พลางเหลือบมองเขา แล้วอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “ข้าไม่ได้บอกว่าท่านกำลังช่วยข้า แค่ขอบคุณตามมารยาทเท่านั้น”
กู้จิ่งซีสำลัก “...”
ไม่มีความเกรงใจเลยจริง ๆ เด็กคนนี้ไม่ค่อยน่ารักเลยใช่ไหม? ช่างเถอะ แม่นางน้อยนาน ๆ ทีจะร่าเริงบ้าง อย่าไปถือสานางเลย
ครู่ต่อมา กู้จิ่งซีก็ถามอย่างไตร่ตรองไว้ก่อน “ฮูหยิน เจ้าเป็นบุตรสาวคนโตสายตรงของครอบครัว เป็นบุตรคนแรกในบรรดาสกุลเมิ่งรุ่นหลาน สมควรได้รับการเห็นค่าจากคนในครอบครัว ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?” เมื่อก่อนแม่นางผู้นี้คือว่าที่สะใภ้ เขาเองก็ไม่ได้ตรวจสอบมาก่อน รู้เพียงว่าเป็นแม่นางที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่น่าสงสาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก