ตอนที่ 116 เมียฉันก็แซ่มู่เหมือนกัน
มู่น่อนน่อนไม่ค่อยใกล้ชิดสนิทสนมกับกู้จือหยั่นเท่าไหร่ ไม่ค่อยรู้นิสัยใจคอของกู้จือหยั่น
แต่ในเน็ตลือสะพัด กู้จือหยั่นคือต้นฉบับของคนเจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า แฟนที่เป็นข่าวมีเยอะแยะมากมาย แต่ส่วนมากล้วนเป็นรูปถ่ายที่ไม่มีหลักฐานแท้จริง ไม่มีแรงโน้มน้าวเลยสักนิด
ดังนั้น จนถึงตอนนี้ กู้จือหยั่นก็แค่มีข่าวซุบซิบเยอะ แต่กลับไม่เคยยอมรับมาก่อนว่าผู้หญิงคนไหนเป็นแฟนตัวจริงของเขา
แต่เพราะกู้จือหยั่นรวมหัวกับเฉินถิงเซียวหลอกมู่น่อนน่อน และเพราะความสัมพันธ์ของเขากับเสิ่นเหลียงซับซ้อน มู่น่อนน่อนก็ไม่ค่อยมีความรู้สึกดีกับกู้จือหยั่นเท่าไหร่
แต่ถึงจะอย่างนี้ก็เถอะ มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ด่ากู้จือหยั่นตามเสิ่นเหลียง
เธอดูรูปถ่ายไปอีกครู่นึง แล้ววิเคราะห์ให้เสิ่นเหลียงฟังอย่างละเอียด:“รูปถ่ายนี้ถ่ายที่หน้าโรงแรมจีนติ่ง
แถมยังตอนกลางคืน อีก กู้จือหยั่นเป็นคนใหญ่คนโตของวงการบันเทิง ปกติผู้สื่อข่าวไม่กล้าเขียนข่าวของเขาไปมั่วและขัดใจเขาไม่มั่ว”
“ถึงจะเป็นแบบนี้ก็สามารถอธิบายอะไรได้?”น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงสงบลงมาแล้ว:“เขาได้พาผู้หญิงสองคนไปเที่ยวที่คลับเฮ้าส์ทั้งคืนไม่กลับมาจริงๆ”
มู่น่อนน่อนรู้สึกที่เสิ่นเหลียงพูดมีเหตุผล
เธอไม่รู้ว่าระหว่างเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นเคยเกิดอะไรขึ้น แต่เธอรู้เสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่น ต่างก็ปล่อยวางไม่ลงซึ่งกันและกัน
ไม่งั้น ทุกครั้งที่กู้จือหยั่นเจอเธอก็ไม่ถามข่าวคราวของเสิ่นเหลียงอ้อมๆหรอก เสิ่นเหลียงเองก็จะไม่เพราะข่าวนี้แล้วโทรมาด่ากู้จือหยั่นให้เธอฟังหรอก
...............
ข่าวของกู้จือหยั่นออกมาปุ๊บ กลุ่มคนที่ชอบซุบซิบในเน็ตก็กระโดดโลดเต้นขึ้นมาอีกแล้ว
คอมเม้นท์และผลงานใต้Weiboของกู้จือหยั่นแปลกประหลาดมาก
“ประธานกู้ของเราตอนนี้เล่นสวิงกิ้งแล้วเหรอ?”
“คุณมีปัญญาเล่นก็ยอมรับแฟนตัวจริงสักคนสิ?”
“ไม่กลัวป่วยเหรอ?”
“ลูกพี่กู้ ต้องทำยังไงถึงจะเข้าบริษัทเสิ้งติ่ง?”
“แปลกแฮะ ครั้งนี้ไม่ใช่ดาราสาว?”
“ทุกคนต่างก็มาดูความเฮฮาที่นี่แล้วเหรอ? พวกคุณลืมเรื่องโรงงานของบริษัทมู่ซื่อไปหรือเปล่า? แวะจุดประเด็นหน่อย:#ด้านมืดของโรงงานบริษัทมู่ซื่อ#”
ด้านล่างของความคิดเห็นนี้มีคนตอบตามเยอะมาก
“ฉันรู้สึกมีเหตุผล”
“เพราะฉะนั้น ประธานกู้สุดหล่อของพวกเราคือแพะรับบาป?”
“ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ บริษัทมู่ซื่อก็ต่ำช้าเกินไปแล้ว!”
“ประธานกู้ผู้น่าสงสาร”
“……”
มู่น่อนน่อนดูคอมเม้นท์พวกนี้เสร็จ แล้วไปดูที่หัวข้อยอดนิยม ไม่นึกเลยว่าประเด็นที่เกี่ยวกับด้านมืดของโรงงานบริษัทมู่ซื่อจะไม่อยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนแคปคอมเม้นท์ส่งให้เสิ่นเหลียง และส่งข้อความเกลี้ยกล่อมเธอ:“ถ้าเธอแคร์มากจริงๆ สู้ฟังกู้จือหยั่นอธิบายหน่อยจะดีกว่า”
ถึงแม้เธอไม่ค่อยรู้จักกู้จือหยั่นดีพอ แต่เธอรู้จักเสิ่นเหลียงดีมาก
เสิ่นเหลียงแก่กว่าเธอสองปี ตอนที่เธอเรียนมัธยมปลายรู้จักกับเสิ่นเหลียงจนถึงตอนนี้ก็หกปีแล้ว
ในหกปีนี้ ผู้ชายที่เข้ามาจีบเสิ่นเหลียงเยอะดั่งปลาคาร์ฟที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำ เยอะจนนับไม่ถ้วน ในนั้นก็ไม่ขาดผู้ชายดีๆที่ฐานะทางบ้านร่ำรวยและเป็นสุภาพบุรุษ
แต่เสิ่นเหลียงกลับมั่นคงเหมือนภูเขาไท่ ไม่เคยหวั่นไหวเพราะผู้ชายคนไหนมาก่อน
เมื่อก่อนมู่น่อนน่อนไม่ค่อยเข้าใจ ต่อมาหลังจากเห็นแววตาที่เธอมองกู้จือหยั่น ก็ค่อยๆเข้าใจแล้ว
ถ้าในใจของคนๆนึงซ่อนคนไว้ ถึงคนอื่นจะดีแค่ไหนก็ไม่เข้าตาหรอก
“……”
มู่น่อนน่อนดูสมุดการบ้านหนาตึ๊บที่อยู่ในกระเป๋าของเฉินเจียฉิน มีประมาณสิบเล่ม งั้นก็เท่ากับว่าเขาสามารถหาเงินได้วันละหนึ่งพันหยวน?
พอเทียบแบบนี้แล้ว เธอหาเงินเยอะสู้เฉินเจียฉินไม่ได้จริงๆ
“เด็กนักเรียนสมัยนี้มีเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”ช่วยเขียนการบ้านครั้งนึงก็สามารถให้หนึ่งร้อยหยวน
เฉินเจียฉินพยักหน้า:“ด้านหลังของโรงเรียนผมคือโรงเรียนของลูกคนรวยครับ”
มู่น่อนน่อน:“……”ความจนได้จำกัดจินตนาการของเธอ
..............
พอกลับไปปุ๊บ เฉินเจียฉินก็เข้าไปในห้องนอนตัวเอง เริ่มหาเงินทำแผนการใหญ่ของเขา
มู่น่อนน่อนกลับไปเขียนตอนที่ห้องนอน เด็กตัวแค่นี้อย่างเฉินเจียฉินยังสามารถคิดหาวิธีหาเงินได้มากขนาดนั้น เธอก็ทิ้งอาชีพเดิมของตัวเองไม่ได้
ช่วงนี้เธอกำลังเขียนบทสืบสวนสอบสวนเล่มนึงอยู่ เสิ่นเหลียงรอเธอเขียนเสร็จ ก็จะช่วยเธอติดต่อผู้กำกับและบริษัทว่ามีใครจะซื้อบทของเธอมั้ย
อยู่บริษัทมู่ซื่อไม่ใช่แผนที่ยาวไกล
เขียนได้สักพัก เธอก็ไม่มีแรงบันดาลใจอะไรแล้ว ก็เลยลุกขึ้นออกไปเดินเล่น
เฉินถิงเซียวไม่รู้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังคุยธุระกับกู้จือหยั่นที่ห้องโถงอยู่
มู่น่อนน่อนไม่มีความชอบด้านแอบฟังคนอื่นพูดคุยกัน เธอหันหลังอยากกลับห้องนอน กลับได้ยิน“บริษัทมู่ซื่อ”โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เธอถอยกลับมา แอบใกล้เข้าไปนิดหน่อย ก็ได้ยินกู้จือหยั่นพูดด้วยความโกรธ:“คนของตระกูลมู่นี่เป็นโรคประสาทหมดเลยเหรอ?เวลาแบบนี้ไม่ไปแก้ไขปัญหา กลับซื้อตัวผู้สื่อข่าวลากฉันเข้าไปเกี่ยวข้อง อยากเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คน ให้ฉันช่วยพวกเขารับกระสุนแทน!สมองมีปัญหา!นายไม่ต้องมาห้ามฉัน ฉันจะเอาพวกมันตาย!”
“อ้อเหรอ”เฉินถิงเซียวตอบอย่างเรียบเฉยคำนึง และพูดอย่างเบาๆ:“เมียของฉันก็แซ่มู่เหมือนกัน”
“……”ไม่นานอารมณ์ที่วู่วามของกู้จือหยั่นก็ได้ลดฮวบลงมา เขากระแอมเสียงใส:“คนของตระกูลมู่นอกจากมู่น่อนน่อนแล้ว ล้วนสมองมีปัญหาทั้งนั้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...