ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 117

ตอนที่ 117 ถ้าคุณไม่อยากให้ผมแทรกแซง ผมก็จะไม่ยุ่ง

เฉินถิงเซียวไม่สนการทำตัวบ้าๆบอๆของกู้จือหยั่น เขามองไปยังทิศทางของมู่น่อนน่อนเหมือนมีลาง ก็จับมู่น่อนน่อนที่กำลังจะวิ่งหนีได้อย่างคาหนังคาเขา

มู่น่อนน่อนกัดฟันหันหลังจะไป ก็ถูกเขาเรียกตัวเอาไว้

“มู่น่อนน่อน”

น่อนน่อนหันไปมองเขา ฉีกรอยยิ้มที่แข็งกระด้างออกมา:“พวกคุณคุยต่อเลยค่ะ ฉันแค่เดินผ่าน”

เธอพูดจบ ก็เดินผ่านข้างกายของพวกเขา และไปรินน้ำในห้องครัว

ตอนที่ออกมา เฉินถิงเซียวกับกู้จือหยั่นไม่ได้พูดคุยกันต่ออีก

กลับเป็นกู้จือหยั่นที่พอเจอเธอปุ๊บก็ยิ้มแก้มปริเหมือนเอาใจ:“น่อนน่อน เสิ่นเสี่ยวเหลียงได้โทรหาคุณมั้ยครับ?”

“โทรซิคะ”มู่น่อนน่อนถือแก้วน้ำเดินมานั่งลงบนโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขา

กู้จือหยั่นฟังเธอพูดแบบนี้ พริบตาเดียวตาก็เปล่งประกายขึ้นมา

แต่ว่า คำต่อไปของมู่น่อนน่อน ก็ได้ทำให้แสงในดวงตาเขาดับสนิท

“เธอบอกกับฉันว่า คุณคือผู้ชายเฮงซวย”ตอนที่มู่น่อนน่อนพูด ใบหน้าได้ยิ้มแฉ่ง ดูหน้าตาแล้วไม่มีการโจมตีเลย

แต่กู้จือหยั่นกลับฟังจนไม่รู้สึกไม่ดีไปทั้งคน

“ผมถูกปรักปรำนะครับ ผมไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงสองคนนั้นสักหน่อย วันนั้นผม……”จู่ๆกู้จือหยั่นหยุดชะงักไว้ เขาเงยหน้ามองเฉินถิงเซียวทีนึง แล้วปิดปากเงียบ

 เฉินถิงเซียวดันจะทำตัวลึกลับขนาดนี้ เอาโรงแรมจีนติ่งกับบริษัทเสิ้งติ่งไว้ในนามของเขา ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้ว

“วันนั้นผมดื่มเยอะไปหน่อย ก็เลยพักที่จีนติ่งโดยตรง ผมไม่ได้นอนกับผู้หญิงสองคนนั้นนะครับ”

“คุณไปอธิบายให้เสี่ยวเหลียงฟังเองดีกว่าค่ะ”มู่น่อนน่อนมองกู้จือหยั่นด้วยสายตาเย็นชา

กู้จือหยั่นก่ายหน้าผาก:“แต่เธอไม่รับโทรศัพท์ผม”

“คุณไปหาเธอได้นี่คะ คุณน่าจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ถ้าแค่ความเข้าใจผิดเล็กๆนี้คุณยังอธิบายไม่ได้ งั้นก็อย่าราวีเธออีกเลยค่ะ”มู่น่อนน่อนไม่คิดจะพูดมากต่อ ดื่มน้ำไปกรึ๊บนึง ก็จะลุกขึ้นจากไป

เฉินถิงเซียวที่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด จู่ๆกลับยื่นมือเอาแก้วน้ำในมือเธอมา และดื่มกรึ๊บนึงโดยตรง

“นั่นเป็นของที่ฉัน……”เคยดื่มแล้ว

 มู่น่อนน่อนเห็นเขาได้ดื่มไปแล้ว คำพูดข้างหลังก็กลืนลงไปอย่างรู้ตัว แต่ใบหูกลับเริ่มแดงก่ำ

 หน้าของเธอไม่ได้ด้านเหมือนเฉินถิงเซียว อีกอย่างตรงนี้ยังมีคนนอกอยู่

แม้แต่แก้วมู่น่อนน่อนก็ไม่เอาแล้ว เธอหันหลังวิ่งขึ้นไปชั้นบนโดยตรง

กู้จือหยั่นมองดูเธอขึ้นชั้นบน จากนั้นก็พูดกับเฉินถิงเซียวเหมือนครุ่นคิดอย่างหนัก:“ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่รู้สึกว่ามู่น่อนน่อนพูดจาประชดประชันขนาดนี้เลยวะ?”

ไม่รอให้เฉินถิงเซียวพูด เขาก็พูดเองเออเองอีกคำ:“น้ำเสียงการพูดการจาแบบนี้ จะตามนายทันอยู่แล้ว”

“อย่าพูดไร้สาระอีกเลย รีบไปหาดาราน้องใหม่คนนั้นของนายเถอะ”เฉินถิงเซียวพูดจบ เฉินถิงเซียวก็ลุกขึ้นเดินไปชั้นบน

กู้จือหยั่นค่อนข้างหมดคำพูด:“ไม่รั้งฉันไว้กินข้าวสักหน่อยเลยเหรอ?”

เฉินถิงเซียวหันมามองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย:“ไสหัวไป”

บะหมี่ชามเค็มจนขมปี๋ที่เขากินในตอนเช้านี้ ยังต้องพึ่งใบบุญของเฉินเจียฉินเลย

ตั้งแต่มู่น่อนน่อนรู้ว่าเขาคือเฉินถิงเซียว ก็ไม่เคยมีสีหน้าดีๆให้เขาเลย ยิ่งอย่าบอกว่าทำกับข้าวให้เขาทานเลย

เขาเองยังไม่ได้กินเลน กู้จือหยั่นยังอยากมาขอแจมอีก?

กู้จือหยั่นไม่รู้ว่าตัวเองไปขัดใจคุณชายเฉินตรงไหนเข้า แต่ตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ ก็ไม่มีเวลามาถือสาเรื่องพวกนี้

..................

เฉินถิงเซียวกลับมาถึงที่ห้องนอน ก็เห็นมู่น่อนน่อนหอบโน๊ตบุ๊คไว้ซุกอยู่ที่โซฟา

เธอใส่ที่อุดหูไว้ มองดูหน้าจออย่างไม่กระพริบตาเลย เหมือนกำลังดูหนังอยู่

เฉินถิงเซียวเดินไป โน้มตัวไปดูทีนึง พบว่าเป็นหนังที่ซือเฉิงหยู้แสดง

เขาพับโน๊ตบุ๊คเธอลงมาด้วยสีหน้าเย็นชา

มู่น่อนน่อนเอาที่อุดหูออก ถามเขาอย่างไม่สบอารมณ์:“นี่คุณทำอะไรน่ะ?”

ดูเหมือนเธออยากระเบิดอารมณ์ แต่ก็มีความกังวล ถึงแม้สีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่มาก แต่ในดวงตายังมีความโกรธอยู่เสี้ยวนึง

ดูแล้วค่อนข้างน่ารัก

เฉินถิงเซียวยกมุมปากขึ้น มองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม:“คุณได้ยินหมดแล้ว?”

คนฉลาดมักจะไม่ยอมทำเรื่องแบบนี้

................

หลังจากเฉินถิงเซียวรับปากจะช่วยบริษัทมู่ซื่อ ไม่นานก็ลงมือทำจริงๆแล้ว

ก่อนอื่นคือข่าวด้านลบของบริษัทมู่ซื่อพริบตาเดียวก็ไม่เห็นแล้ว ต่อมาก็คือบริษัทที่อยากยกเลิกการร่วมงานกับบริษัทมู่ซื่อต่างก็พากันเปลี่ยนใจอีก

ไม่นาน บริษัทมู่ซื่อก็กลับคืนสู่ความถูกต้อง

แม้กระทั่งยังมีคนเป็นฝ่ายหามาถึงที่ว่าจะเป็นฝ่ายจัดหาเงินทุนให้กับบริษัทมู่ซื่อ

มู่น่อนน่อนมองทุกอย่างนี้ไว้ในสายตา อารมณ์ซับซ้อนมาก

เธอนึกว่าเฉินถิงเซียวแค่พูดเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะลงมือช่วยจริงๆ แถมยังช่วยอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้

ในเน็ตมีโพสต์ด้านมืดของบริษัทมู่ซื่อโผล่เป็นบางครั้ง แต่ไม่นานก็จะถูกลบโพสต์ทิ้ง

ผู้สื่อข่าวกับกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลบนWeiboเหมือนพากันสูญเสียความทรงจำ ลืมเรื่องนี้ไป และไม่มีใครเอ่ยถึงอีกเลย

ส่วนเสิ่นเหลียงที่ทำการโปรโมทหนังอยู่ข้างนอกก็ได้กลับมาที่เมืองหู้หยางแล้ว มู่น่อนน่อนเพิ่งได้รับเงินเดือนพอดี จึงได้นัดเธอทานข้าวด้วยกัน

ตอนเลิกงาน คนที่มารับมู่น่อนน่อนไม่ใช่สือเย่ แต่เป็นคนขับคนอื่น

มู่น่อนน่อนขึ้นรถปั๊บก็แจ้งชื่อร้านอาหาร:“ส่งฉันไปที่ร้านอาหารร้านนี้ก็พอแล้ว แล้วไม่ต้องมารับฉันนะ ฉันกลับไปเอง”

ปีนี้เฉินเจียฉินมีรายได้อู้ฟู่ นับสมุดการบ้านของเพื่อนนักเรียนครู่นึง ก็ได้หันมาถามเธอ“พี่จะไปไหนครับ?”

“ไปทานข้าวกับเพื่อนจ้า”

“ผมก็จะไปด้วย”

มู่น่อนน่อนไม่อยากพาเขาไป แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ จึงได้พาเฉินเจียฉินไปด้วย

เสิ่นเหลียงเห็นเฉินเจียฉินปุ๊บ ก็ถามมู่น่อนน่อน:“นี่เป็นเด็กบ้านใคร?ฉันไม่รู้ว่าตระกูลมู่เธอ มีจะลูกของญาติคนไหนสามารถมีDNAที่ดีขนาดนี้”

เฉินเจียฉินเป็นเด็กที่หน้าตาดี ผมหยิก ผิวพรรณขาวผ่อง ยังมีความเป็นเด็กๆไร้เดียงสาอยู่ ตอนยิ้มขึ้นมาน่ารักมาก

เฉินเจียฉินแนะนำตัวอย่างสนิทสนม:“ผมชื่อเฉินเจียฉินครับ”

“พู่”น้ำชาที่เสิ่นเหลียงเพิ่งดื่มเข้าไปในปากได้พ่นออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม