ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 52

ตอนที่52 ฉันสมคบคิดกับเฉินถิงเซียว

ฟู้ถิงซีก็เดินตามเขาเข้ามาเหมือนกัน แล้วก็ยิ้มให้มู่น่อนน่อนอย่างมีมารยาทมาก “ฉันก็เหมือนกัน”

หลังจากพูดจบ พวกเขาก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร กู้จือหยั่นก็รีบนั่งลงที่ข้างเขา

เหลือก็แต่เฉินถิงเซียว ที่ยังยืนอยู่ตรงประตูไม่ยอมเข้ามา

มู่น่อนน่อน:“……”

ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ

เฉินถิงเซียวเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา แล้วก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร

มู่น่อนน่อนเห็นดังนั้น ก็เข้าไปเอาชามจากในห้องครัวมาอีกสองชาม

เฉินถิงเซียวอดไม่ได้ที่จะเอาเท้าเตะทั้งสองคนใต้โต๊ะ “กินข้าวก็ไม่รู้จักไปเอาถ้วยเองรึยังไง?”

เมียของเขา ทำให้เขาคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องทำให้สองคนนี้ด้วย?

กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซีก็รีบลุกขึ้นไปเอาถ้วยในห้องครัวทันที

มู่น่อนน่อนมองผู้ชายทั้งสองคนที่เดินไปหยิบชามในห้องครัวอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นก็เห็นท่าทีเอ้อระเหยลอยชายของ“เฉินเจียฉิน”เขาสามารถทำให้ผู้ชายที่ไม่ธรรมดาสองคนนั้นสวามิภักดิ์ได้

ใช่แล้ว พวกเขาทำให้มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า พวกเขาสวามิภักดิ์ต่อ“เฉินเจียฉิน”

มู่น่อนน่อนก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร

เธอกำลังคีบอาหารมาเพื่อจะกิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียง “เกร็งๆ”จากตะเกียบดังขึ้นมาจากโต๊ะอาหาร

พอเงยหน้าขึ้นมา เธอก็เห็นผู้ชายสามคนกำลังแย่งอาหารกันอยู่ โดยเฉพาะ“เฉินเจียฉิน”ก็ทำเกินไป เขาพยายามแย่งอาหารของสองคนนั้นตลอด

มู่น่อนน่อนกินข้าวลงไปเงียบๆ เธอรู้สึกว่าผู้ชายทั้งสามคนที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง แต่กลับเป็นเด็กอนุบาลสามคน

พอฟู้ถิงซีเห็นว่ามู่น่อนน่อนกำลังมองอยู่ ก็รีบขอโทษ “ทำให้คุณนางเฉินรู้สึกว่าน่าขำซะแล้ว ฉันไม่ได้กลับบ้านมาสามทีแล้ว ก็เลยไม่ได้กินอาหารรสชาติของที่บ้านเลย”

กู้จือหยั่นก็รีบพูดตาม “งานที่บริษัทยุ่งมากเลย ฉันต้องกินข้าวนอกบ้านทุกวัน”

เฉินถิงเซียว:”ไม่ต้องไปฟังคำพูดไร้สาระของพวกนี้”

กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซีได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ

ในสายตาของมู่น่อนน่อน ก็ดูเหมือนว่า“เฉินเจียฉิน”กำลังรังแกพวกเขาอยู่

เธอกระแทกข้อศอกของเธอเบาๆที“เฉินเจียฉิน” พอเห็นว่าเขาหันหน้ากลับมามองเธอ เธอก็พูดกับเขาว่า “ในเมื่อคุณให้พวกเขาอยู่กินข้าวที่นี่ ก็อย่าทำแบบนี้เลย กินข้าวดีๆกันเถอะ”

เขาอนุญาตให้สองคนนี้อยู่กินข้าวด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่?

เฉินถิงเซียวยิ้มอย่างเย็นชาแล้วมองไปที่สองคนนั้น แล้วก็พูดจาอย่างมืดมน “พวกนายกินเยอะๆเลยนะ”

มู่น่อนน่อนมือสั่น ทำไมอยู่ดีๆเธอรู้สึกเหมือนกับว่าผู้ชายพวกนี้จะตีกันเมื่อไหร่ก็ได้เลยล่ะ?

……

มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ พอกินข้าวเสร็จก็กลับไปที่ห้องนั่งเล่น

เธอไม่เข้าใจพวกผู้ชายพวกนี้เลยจริงๆ

พอมู่น่อนน่อนไป ในห้องอาหารก็กลับมาสามัคคีกันอีกครั้ง

ในที่สุดกู้จือหยั่นก็มีโอกาสได้ถามในสิ่งที่เขาสงสัยออกมา “มู่น่อนน่อน....มันคือยังไงกันแน่?”

เฉินถิงเซียวจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา

กู้จือหยั่นก็ทำท่ารูดซิปปากทันที

ฟู้ถิงซีเป็นคนที่มีนิสัยหนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไร แต่พอคบกับกู้จือหยั่นนานๆไป ก็มีนิสัยหลุดออกมาบ้าง แต่ว่าเรื่องไหนที่จริงจัง เขาก็จริงจังมาก

วันนี้เขาไม่ได้แค่อยู่เพื่อกินข้าวเท่านั้น แต่เขายังมีเรื่องอื่นที่อยากจะพูดอีก

สีหน้าของ ฟู้ถิงซีจริงจัง “มู่ลี่เหยียนเอาสัญญาการโอนหุ้นมาให้มู่น่อนน่อน มันมีอะไรเจ้าเล่ห์อยู่ เหมือนมีช่องโหว่ของสัญญาอยู่”

เธอเองก็มีเสื้อผ้าสวยๆ ที่ซื้อมาด้วยตัวเองเหมือนกัน เสิ่นเหลียงเองก็ซื้อให้เธอไม่น้อยเลย

ครอบครัวของ เสิ่นเหลียงไม่เลวเลย เมื่อสมัยตอนเรียนมัธยมเขาเป็นอันธพาลของโรงเรียน มีคนมากมายที่ติดตามเธอ และคนที่เกลียดเธอก็ไม่น้อยเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กผู้หญิง

วิธีการที่ผู้หญิงจะจัดการผู้หญิงที่ตัวเองเกลียด จะใช้ทั้งวิธีที่ทั้งต่ำและเลวร้าย

พวกเธอใช้ประโยชน์จากเสิ่นเหลียง จับเธอไปในอาคารร้างแล้วก็ทำร้ายร่างกายเธอ ทำให้เธอต้องร้องเหมือนกับหมา แล้วก็ฉีกเสื้อผ้าของเธอแล้วก็ถ่ายรูปไว้….

ตอนที่มู่น่อนน่อนไปให้อาหารแมวจรจัดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงนึง ก็เลยหยิบมีดเป็นสนิมขึ้นมาแล้วก็เดินเข้าไป แล้วก็ขู่พวกเธอว่า “คนบ้าฆ่าคนก็ไม่ติดคุกหรอกนะ”

ผู้หญิงพวกนั้นกลัวจนหนีไป

หลังจากนั้น เสิ่นเหลียงก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอมานานหลายปี

มู่น่อนน่อนเลือกใส่เสื้อคลุมสีแดง ด้านในใส่เสื้อยืดสีดำ แล้วก็ใส่รองเท้าหนังสีดำ ดูมีชีวิตชีวาและมีความสามารถมาก

เธอถือกระเป๋าแล้วลงมาจากชั้นบน ก็เห็น“เฉินเจียฉิน”ที่กำลังนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์พอดี

พอได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ก็ได้เห็นมู่น่อนน่อน สวมใส่เสื้อคลุมสีแดง ใบหน้าขาวผ่องบวกกับริมฝีปากสีแดงสด ผมยาวเหมือนน้ำตก

แถมเสื้อคลุมตัวนั้นยังสั้นเหนือเข่าเพียงหนึ่งนิ้วเท่านั้น เผยขาที่เรียวยาวของเธอ

อ่อนหวาน และสดใส

เฉินถิงเซียวจ้องเธออยู่หลายวินาที หลังจากนั้นก็หรี่ตาแล้วพูดออกมา “อาศัยตอนที่ลูกพี่ลูกน้องเธอไม่อยู่ ก็เลยอยากจะไปสมคบคิดกับพวกผู้ชายป่ารึไง”

สิ่งที่เขาพูดออกมาไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่าต่างหาก

ตอนที่มู่น่อนน่อนส่องกระจกนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองดูไม่เลว ก็เลยอารมณ์ดี

เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินถิงเซียว แล้วก็มองหน้าเขาอย่างเหยียกหยาม “ถ้าเกิดว่าฉันจะสมคบคิดกับใคร ฉันก็จะสมคบคิดกับเฉินถิงเซียว อย่าคิดว่าคนอื่นจะสกปรกแบบนั้นเสมอไปสิ”

พอเฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น มือก็สั่นทันที ทันใดนั้นกาแฟเขาก็สั่นแล้วก็หกเลอะเต็มชุดสูทของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม