ในขณะที่ผอ.กำลังบ่นอยู่ว่าห้ามเกิดเรื่องอะไรอย่างเด็ดขาด
ทว่าตาก็กระตุก รู้สึกว่ายิ่งกลัวมันก็จะยิ่งเกิด...
หานหานตอนนี้อยู่อนุบาลสามแล้ว ตอนเช้าก็นั่งรถโรงเรียนมาพร้อมกับซู่เป่า
จี้ฉางลอยมาอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
ถึงแม้จะรู้ว่าเด็กน้อยเข้าเรียนอนุบาลไม่น่าจะมีอะไร เขาสามารถฉวยโอกาสช่วงเวลานี้ไปพักผ่อนหย่อนใจ หรือจะฝึกฝนวิชาก็ได้
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก็ตามมาเองโดยไม่รู้ตัว
หานหานจูงมือซู่เป่า เมื่อเจอเพื่อนร่วมชั้นก็พูด “นี่คือน้องสาวของฉัน!”
“อย่าก่อปัญหาให้กับน้องสาวฉันเข้าใจไหม”
ซู่เป่าเพิ่งย้ายมาใหม่ จริง ๆ แล้วตามวัยเรียน เด็กควรเริ่มเรียนอนุบาลหนึ่งเมื่ออายุสามขวบ และมักจะเริ่มเรียนอนุบาลสองเมื่ออายุสี่ขวบ
ตอนซู่เป่าอยู่หนานเฉิงไม่มีคนดูแล ตอนสามขวบก็เลยไม่ได้เข้าเรียนอนุบาล
ตอนนี้ก็เลยได้มาอยู่อนุบาลสองเลย ชื่อห้องคือ ห้องสับปะรด
ซู่เป่ามีความสุขมาก “หนูชอบห้องสับปะรด!”
เป็นชื่อห้องที่ฟังดูแล้วอร่อยดี
“ซู่เป่า พี่อยู่ห้องเอดินบะระ ถ้าหากมีใครกล้ารังแกเธอ เธอก็มาหาพี่นะ”
“โอเคค่ะ”
ครูที่พาพวกเธอมาที่ห้องรู้สึกขำขัน “วางใจได้เลย ไม่เป็นอะไรหรอก มีครูอยู่ทั้งคน หานหานเองก็รีบกลับไปห้องเรียนนะจ้ะ”
หานหานส่ายหัว
“ไม่ได้ค่ะ หนูจะต้องส่งน้องสาวให้ถึงห้องเรียนอย่างปลอดภัย นี่คือภารกิจที่พ่อมอบให้กับหนู”
ครูรู้สึกขบขัน พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า “โอเค”
ครูมองไปที่ซู่เป่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “วันนี้เป็นวันแรกที่ซู่เป่ามาเข้าเรียนรู้สึกมีความสุขไหมจ้ะ ครูเป็นครูประจำชั้นของห้องสับปะรด ครูแซ่ฮวา เรียกว่าครูฮวาก็ได้นะ”
ซู่เป่าตาลุกวาวเป็นประกาย “ว้าว ครูฮวาฮวานั่นเอง”
ตอนที่เธอวาดรูปเธอมักจะชอบวาดรูปคุณหนูฮวาฮวา ตอนนี้มีครูฮวาฮวามาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว และก็เข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ครูฮวายิ้มจนตาหยีเป็นพระจันทร์เสี้ยว ไม่รู้ว่าทำไมพอเห็นเด็กคนนี้ตาลุกวาวเป็นประกาย ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
พอมาถึงประตูเข้าห้องเรียน หานหานกอดไหล่ของซู่เป่าอย่างอาลัยอาวรณ์
“ถึงแล้ว เดี๋ยวพอพี่ไปแล้วเธออย่าร้องไห้นะ”
“หนูไม่ร้อง”
หานหานไม่ไว้วางใจ ถ้าหากมีคนมารังแกเธอล่ะ
ทันใดนั้นเธอก็โบกมือ “เฮ้! เด็ก ๆ ห้องสับปะรดมองมาทางนี้!”
เด็ก ๆ ที่กำลังเล่นหรือกินข้าวเช้าอยู่ก็หันหน้ามาทันควัน
พวกครูที่กำลังยุ่ง ๆ อยู่ก็ตกตะลึง
หานหานเลียนแบบท่าทางของครู “นี่คือเพื่อนใหม่ของพวกเธอ ทุกคนพูด สวัสดีพี่ใหญ่”
เด็กหลายคนตื่นมาตอนเช้ายังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ
แถมครูอนุบาลก็มักจะพูดแบบนั้นอยู่บ่อย ๆ
ดังนั้นพวกเด็ก ๆ จึงพูดตามอย่างเชื่อฟังโดยไม่รู้ตัว “สวัสดีพี่ใหญ่!”
พี่ใหญ่ซู่เป่ายืนงงไปแล้ว
พวกคุณครูก็ตะลึงกันไปเลย
จี้ฉางเม้มปาก
ผอ.ที่เพิ่งมาสอดส่อง ก็ถึงกับงง ยังเผลอคิดว่าอยู่ในองค์กรอะไรที่น่าทึ่งสักอย่าง…
หานหานพูดจบ เธอก็สะพายกระเป๋าหนังสือเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ
ครูอีกคนพาซู่เป่าเข้ามาในชั้นเรียน ส่วนจี้ฉางกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่าย แล้วก็หยิบตำราขึ้นมาอ่าน
ผอ.ยืนกำชับครูฮวาอยู่ที่ประตู “ดูแลเธอดี ๆ เด็กคนนี้ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ...”
“ฉันทราบแล้วค่ะ...”
ขณะเดียวกันครูสาวอีกคนมาถึงด้วยอาการหอบ ได้ยินสิ่งที่ผอ.และครูประจำชั้นพูดกันพอดี
“ขอโทษค่ะ...ฉัน...ฉันมาสายแล้วค่ะ”
ซู่เป่าวางชามใบเล็กลงบนโต๊ะ “ถ้านายพูดอีกฉันจะอารมณ์ไม่ดีแล้วนะ!”
ในขณะนี้ ครูสาวที่มาสายคนนั้นก็เดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นจ้ะ” เธอเอื้อมมือไปแตะศีรษะของเด็กผู้ชาย จากนั้นมองไปที่ซู่เป่าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผอ.และครูประจำชั้นพูดเมื่อกี้ เธอก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้น
“ซู่เป่า ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะ” ครูสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ซู่เป่ามองไปบนหัวครูสาวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นหันไปมองจี้ฉาง อ้าปากพูดแบบไม่ออกเสียง ท่านอาจารย์...
“หืม พบได้ยากมากเลย นี่มันผีหลายใจใช่ไหม”
มีผีผู้หญิงดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงกำลังนอนขดอยู่บนหัวของครูสาว
ที่จี้ฉางรู้สึกว่าพบเห็นได้ยาก เพราะผีหลายใจส่วนมากที่จะเจอเป็นผีผู้ชาย แต่ผีผู้หญิงหลายใจโดยทั่วไปแล้วส่วนมากจะเรียกว่าผีสวาท
ผีหลายใจกับผีสวาทแตกต่างกัน อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ผีหลายใจก็นอกใจ ผีสวาทก็นอกกาย...ดังนั้นสิ่งที่พวกเขายึดติดก็ไม่เหมือนกันแล้ว
พูดตรง ๆ ก็คือ อันแรกอยากให้ผู้ชายหลาย ๆ คนชอบเขา ส่วนอันหลังอยากนอนกับผู้ชายหลาย ๆ คน
ทว่าผีผู้หญิงด้านหน้านี้คือผีหลายใจ แถมยังสิงอยู่ในร่างของผู้หญิงอีกด้วย...
นี่มันพบเห็นได้ยากมาก
“ซู่เป่า ค่อยว่ากันทีหลัง จัดการกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ก่อน”
ซู่เป่าพยักหน้า “ครูคะ เขาว่าหนูว่ายัยพุงโต หนูไม่ชอบ บอกเขาว่าอย่าพูดเขายังจะพูดอีก”
เด็กผู้ชายคนนั้นทำหน้าตาทะเล้น
ครูสาวยิ้ม “อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เอง ไม่เป็นไรนะ พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เสี่ยวหยางหยางพูดขอโทษซู่เป่า ซู่เป่าก็พูดว่าไม่เป็นไรนะ แล้วก็จับมือคืนดีกัน ดีไหม”
เธอยิ้มด้วยความประนีประนอม น้ำเสียงน่ารักเหมือนเสียงนางเอกการ์ตูนเลย
เด็กผู้ชายที่ชื่อเสี่ยวหยางหยางก็รีบพูดขอโทษ แต่ซู่เป่าไม่พูดคำว่า ไม่เป็นไร
เธอเบะปากคว่ำไม่พูดสักคำ ถือจานขึ้นมาแล้วเอาไปไว้ที่อ่างล้างจาน
ครูสาวก็เดินตามมา นั่งยอง ๆ โดยมือข้างหนึ่งประคองเข่าไว้ ส่วนอีกข้างจับผมเปียของซู่เป่า
“ซู่เป่า เป็นอะไรเหรอ ทำไมอารมณ์ไม่ดีแล้วล่ะ บอกครูเชอร์รี่ได้ไหมน้า~”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...