ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1330

“จ๊ากๆๆ”

อสูรน้อยดิ้นสุดชีวิต ถ้ามันพูดภาษาคนได้ มันต้องร้องว่าพี่พญายมช่วยด้วยแน่ๆ เลย

พระแม่ธรณีที่เตรียมจะกินข้าวถึงกับตกตะลึง

ตลกหรือ ล้อเล่นอะไรกัน

พญายมตัวน้อยเริ่มเรียนรู้การใช้จิตเทพโจมตีผู้อื่นแล้วหรือ?

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การโจมตีจริงๆ แต่การที่สามารถยกอสูรน้อยขึ้นมาได้ก็ถือเป็นการโจมตีอย่างหนึ่ง

พระแม่ธรณีพึมพำว่า “ไม่จริง มันเป็นแค่ข่าวลือ มีสติหน่อย...”

แต่นางรับประกันได้เลยว่าในถ้ำของนางนอกจากซู่เป่าและอสุรกายที่เธอจับมาก็ไม่มีใครอื่นเลย

พวกอสุรกายก็ถูกล้อมไว้หมดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะหลุดออกจากเชือกแดง

และนางก็ไม่ได้จับอสูรน้อย ซู่เป่าที่นั่งสมาธิเข้าฌานก็ไม่ได้จับ นอกจากจิตเทพของเธอแล้วจะเป็นอะไรได้อีก?

“ไม่ได้ ข้าต้องรีบแล้ว” พระแม่ธรณีรับรู้ถึงอันตราย

อันตรายที่อายุอานามปานนี้แล้วแต่ถูกเด็กน้อยแซงหน้า

นางรีบเอื้อมมือไปคว้าอสุรกายยัดใส่ปากทีละตัวทันที

พลังหยิน นางต้องการพลังหยิน นางต้องบำเพ็ญเพียร นางต้องกลับมายิ่งใหญ่ นางต้องมาแข็งแกร่ง อ๊ายยย...

อสูรน้อยตกใจจนเกือบหมดสติรอบสอง แต่แล้วก็เห็นพระแม่ธรณีกินอย่างโหดเหี้ยม

นางกลืนอสุรกายทีละตัวโดยไม่คายกระดูกออกมาเลย

ฮือๆๆ ความรุนแรงที่นองด้วยเลือดแบบนี้เด็กดูได้เหรอ

อสูรน้อยยังไม่ทันหายช็อคจาก “ความรุนแรงที่นองด้วยเลือด” จู่ๆ ก็เห็นเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีก

นอกจากพระแม่ธรณีแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ข้างๆ นาง และกำลังกลืนกินอสุรกายเช่นกัน...

พระแม่ธรณี “!!!” บอกว่าหาเหยื่อมาให้นางไม่ใช่หรือ ไฉนจึงแย่งนางกิน

อสูรน้อย “!!!” อ๊ายยย มีผี!

อสูรน้อยกรอกตาขาว อยากสลบแต่ไม่สลบจึงชกตัวเองทีหนึ่ง

ซู่เป่ากำลังจมอยู่กับการเข้าฌาน ในขณะที่เธอจับอสูรน้อยขึ้นมาได้ ในที่สุดที่เธอก็รู้แจ้ง

การโจมตีด้วยจิตเทพมันสุดยอดอย่างนี้นี่เอง

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น เธอก็รู้สึกหิวโหยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน พลังหยินเพียงน้อยนิดที่เธอเก็บสะสมมาอย่างยากลำบากถูกใช้จนหมดในชั่วพริบตา

ซู่เป่าถึงได้รู้ว่าทำไมเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนอยู่ข้างนอกพลังหยินของเธอจึงใช้หมดอย่างรวดเร็ว ที่แท้พลังจิต(จิตเทพ)ก็ต้องใช้พลังหยิน และใช้หมดเร็วยิ่งกว่าการต่อสู้เสียอีก

เดิมทีตอนที่เธอใช้พลังวิเศษก็ต้องใช้พลังหยินจำนวนมาก ตอนนี้มีจิตเทพเข้ามาอีก เธอกลายเป็นผู้ใช้พลังหยินรายใหญ่ไปเลย...

มีพรสวรรค์ก็จริง แต่ก็ใช้พลังเปลืองมากจริงๆ ด้วยการใช้พลังของทั้งสองอย่าง แม้แต่ผีบำเพ็ญสิบตนก็ถูกดูดพลังจนหมดได้ในพริบตา

ซู่เป่าน่าสงสารเหลือเกิน รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป แม้จะมีพลังวิเศษและจิตเทพ แต่พลังหยินมีไม่เพียงพอ

พูดให้ถูกก็คือการสะสมพลังของจุดตันเถียนม่วงและจินตันม่วงมีไม่เพียงพอ

เธออ่อนแอเกินไป ทำไมจินตันม่วงของเธอถึงห่วยขนาดนี้ เธอต้องการเลื่อนขั้น...

(จินตันม่วง: แล้ว...?)

หลังจากที่ซู่เป่าตระหนักรู้ถึงจุดอ่อนของตัวเอง ความหิวก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ไม่ได้การแล้ว เธอต้องรีบเติมพลังหยิน หากเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เธออาจหิวตายได้

ซู่เป่าที่เข้าฌานอยู่ยังคงหลับตา แต่เธอสามารถรับรู้ถึงแหล่งพลังหยินได้โดยสัญชาตญาณ จากนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่ามีพลังหยินจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ใกล้ๆ

แต่เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคว้าจับคุกกี้อัดแท่งที่เธอจับมา

ซู่เป่ากลืนกินจากจิตใต้สำนึก ยัดใส่ปากไม่ยั้งเพราะหิวมาก

หลังจากที่พระแม่ธรณีได้สติก็รีบแย่งอาหารทันที

ที่ตกลงกันว่าจะให้นางล่ะ หา?! ตกลงกันว่าจะให้นางล่ะ!

พระแม่ธรณีเปลี่ยน “ความทุกข์โศก” ให้เป็นพลัง แล้วก้มหน้าก้มตากินไม่ยั้ง

ทั้งเล็กและใหญ่ใช้ความเร็วที่สุดในการกิน “คุกกี้อัดแท่ง” กองใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

หินสีชาดกองพะเนินเทินทึกของเธอไม่มีแล้ว

อัญมณีอัคนีกองพะเนินเทินทึกของเธอก็ไม่เหลืออยู่เช่นกัน

ตอนนี้เหลือเพียงหินอุดผืนฟ้าที่ขุดมาจากถ้ำบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์คุนหลุน...

ซู่เป่ารู้สึกปวดใจราวกับมีเลือดไหลออกมา กัดฟันแน่น จากนั้นจิตเทพก็แปรสภาพเป็นมือเล็กๆ คัดเลือกหินอุดผืนฟ้า

(หินอุดผืนฟ้าก้อนนี้มีรอยแตก ใช้มันไปก่อน)

(หินอุดผืนฟ้าพวกนี้ขุดขึ้นมาจากพื้นดิน ยังมีดินติดอยู่เลย... แต่ใช้ไปก่อน)

ซู่เป่าแยกหินอุดผืนฟ้าออกจากกัน เพราะใช้จิตเทพเธอจึงเคลื่อนไหวได้อย่างเร็วไว

ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาทีเธอก็แยกหินอุดผืนฟ้าที่มีรอยตำหนิและไม่ค่อยบริสุทธิ์ทั้งหมดออกเป็นกองเล็กๆ

พูดตามตรงเลยว่าหินอุดผืนฟ้าในแหวนของเธอมีมากกว่าหินสีชาดมากๆๆ แต่แยกออกมาแล้วได้แค่กองเล็กๆ เท่านั้น ซู่เป่ายังคงรู้สึกเหมือนใกล้จะตาย

เธอตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วรีบดูดพลังหยินจากหินอุดผืนฟ้าอย่างเร็วไว กลัวว่าตัวเองจะเสียใจทีหลัง

สมกับเป็นหินอุดผืนฟ้าจริงๆ มันแปรเปลี่ยนเป็นพลังหยินในพริบตาทันทีที่ซึมซับเข้าสู่ร่างเธอ และไหลเวียนในเส้นลมปราณอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดจินตันม่วงที่นิ่งเงียบมานานก็ขยับเสียที ไม่ใช่แค่ “ของตกแต่ง” อีกต่อไป

การไหลเวียนของจินตันม่วงทำให้ซู่เป่าพลันรู้สึกสมองเบาขึ้นทันที สมองก็ชัดเจนแจ่มแจ้งกว่าที่เคยเป็นมา แม้แต่ความเข้าใจที่เธอมีต่อกฎแห่งวิถีก็รู้แจ้งเห็นชัดขึ้นอย่างมาก

ความรู้สึกนี้เหมือนกับการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ตอนแรกรู้สึกมึนงงและปวดหัว แต่หลังจากดื่มยาวิเศษขวดหนึ่ง จู่ๆ ก็แก้โจทย์ได้ทันที

(มีฟังชั่นนี้ด้วย?) ซู่เป่ารู้สึกทึ่งในความอัศจรรย์ของหินอุดผืนฟ้า

อัศจรรย์ก็จริง... แต่เมื่อซู่เป่ามองเห็นกองหินอุดผืนฟ้าที่กลายเป็นเถ้าธุลี เหลือเพียงดินโคลนที่ติดอยู่เล็กน้อย เธอก็รู้สึกปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก

แต่สิ่งที่ทำให้เธอโล่งใจในตอนนี้ก็คือทันทีที่เธอผ่อนคลายลง จิตเทพก็ขยายกว้างออกไปถึงห้าสิบเมตร ความเร็วราวกับนั่งจรวดเลย

เพราะจิตเทพที่แข็งแกร่งมากนี้ จู่ๆ ซู่เป่าพลันอุทานว่าเอ๊ะ!

เธอรับรู้ได้ว่าเหมือนมีบางอย่างกำลังลอยมาหาเธอ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน