ซูอีเฉินและเฉินเจียคังหลังพูดอีกสองสามคำเสร็จ ทั้งสองก็บอกลากันที่ประตู
ก่อนออกเดินทาง ซู่เป่าแนบตัวอยู่บนหน้าต่างรถ บอกลากับคุณท่านเฉิน “คุณปู่ รีบหายไวๆนะคะ!”
คุณปู่พูดงึมงำ ณ ขณะนี้สติปัญญาการรับรู้ของคุณปู่อาจดีไม่เท่ากับเด็กคนหนึ่งด้วยซ้ำไป ทำได้แต่เพียงกวักมือโง่ๆ พูดอะไรก็ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ซูอีฉินบอกกับเฉินเจียคังว่า “เรื่องที่จะฝึกฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายนั้นเดี๋ยวฉันจะส่งคนมาเอง”
ตระกูลเฉินซาบซึ้งใจมาก อยู่รอส่งซูอีเฉินจนรถจากไปจึงค่อยกลับมา
ในรถ
จู่ๆ ซูจิ่นอวี้ก็รีบพูดว่า “โอ้ว พี่ชายฉันลืมเรื่องปิดปากคนไปแล้ว!”
เรื่องที่ซู่เป่าเพิ่งโยนพี่หลี่จนลอยขึ้นไปแล้วตกลงมา มีคนใช้เห็นตั้งหลายคน
จี้ฉางกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ไม่จำเป็นต้องปิดหรอก”
ซูจิ่นอวี้แปลกใจ “ทำไม?”
ซู่เป่าไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร พลางจับเท้าเล็กๆมาหยิกเล่น พลางทำเสียงเด็กๆถามตาม “ทำไม?”
จี้ฉางกล่าว การจงใจที่จะปิดปากยิ่งทำให้มันดูเหมือนเรื่องจริงมากกว่า บนโลกนี้มีเพียงสองวิธีที่จะสามารถปกปิดความจริงเหล่านี้ หนึ่งคือปิดปากพวกเขาโดยสมบูรณ์ หรืออีกวิธีหนึ่งคือทำให้ความจริงกลายเป็นข่าวลือไปเอง”
เมื่อเรื่องๆหนี่งดูเกินจริงจนคนทั่วไปไม่เชื่อ กระนั้นการที่ปล่อยให้คนรับใช้เหล่านั้นพูดกับคนอื่นอย่างไร คนอื่นก็จะไม่เชื่อ
กลับกันถ้าให้เงินปิดปากไป อาจยิ่งทำให้มีหลักฐานหลงเหลือไปโดยปริยาย
ส่วนเฉินเจียคัง ถึงแม้จะรับรู้อะไรไม่ชอบมาพากลก็คงไม่พูดเรื่อยเปื่อย
ซูจิ่นอวี้ตระหนักได้ทันทีว่า “พูดอย่างนี้มันก็ถูก สมกับเป็นพี่ใหญ่ หัวสมองดีกว่าคนทั่วไปจริงๆ”
ซูอีเฉินพูดเสียงเบาถามซู่เป่า “พูดอะไรกันอยู่?”
ซู่เป่าเอียงหัวตอบ “แม่บอกว่า สมกับเป็นพี่ใหญ่ หัวสมองดีกว่าคนทั่วไปจริงๆ”
ซูอีเฉินเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันทีว่าหมายถึงอะไร เลยอดไม่ได้ที่แอบยิ้มที่มุมปากเบาๆ
แต่จู่ๆ ซู่เป่าก็ยกเท้าขึ้นมา หัวเราะฮ่าๆ “คุณลุงใหญ่ หนูเอาเท้าเหม็นๆของหนูให้ลุงดม!”
ซูอีเฉินจับเท้าเล็กๆของเธอ จับจมูกเธออย่างเอ็นดูแล้วพูดว่า “ซนจริงๆ”
หลังจับผีใจดำกลับบ้านได้แล้ว ที่เหลือก็คือกระบวนการพิจารณาคดี
ที่แปลกก็คือ ผีใจดำไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง และดูเหมือนจะซื่อสัตย์ดี
รถกลับมาถึงบ้านตระกูลซู ซู่เป่าลากผีใจดำเข้าไปข้างใน
ซู่จิ่นอวี้รีบถามว่า “เด็กดี มีอะไรให้ช่วยมั้ยเอ่ย?”
ซู่เป่าส่ายมือ “ไม่ต้องหรอกคะ!เอื้องของหนูเด๋วหนูทามเอง!”
เสียวอู่รูดซิปเปิดกระเป๋าสัตว์เลี้ยงออกเอง แล้วชะโงกหัวออกมา กางปีกออกเสียงตบๆ
แต่มันไม่ได้บิน เพราะชอบเดินตามหลังซู่เป่าแล้วส่ายหัวไปมา
ช่วงเวลานี้เอง จู่ๆก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
ผีใจดำจู่ๆ ก็มีกลิ่นไอแผ่รังสีความอำมหิตออกมา ดูเหมือนจะอั้นความเกลียดชังทั้งหมด แล้วพุ่งออกมาจากตาข่ายจับวิญญาณอย่างฉับพลัน
จี้ฉางมองแวบเดียวก็รู้ว่ามันไม่ได้ซื่อสัตย์ขนาดนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจนักก็คือ ผีใจดำไม่ได้พุ่งเข้าหาซู่เป่า แต่กลับพุ่งเข้าหาเสียวอู่ที่เดินส่ายหัวไปมาตามซู่เป่าอยู่ข้างหลัง
“ทำไมถึงมาตามฉัน”
“ก้ากก——ฉันไม่มีน้ำเชื่อมฉุกเฉินติดตัว!”
ผีใจดำคิดง่ายๆแค่ว่า การเข้าสิงคนๆหนึ่งมันลำบากนัก ถึงแม้จะเข้าสิงได้แล้ว แต่มีซู่เป่ากับจี้ฉางก็ไม่มีประโยชน์อะไร
มันจะดีกว่ามั้ยถ้าหากเขาสิงนกแก้วโดยไม่คาดคิด —— ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัวแล้วเขาจะได้รีบบินหนีไปไกลๆ
แต่ว่าผีใจดำดูแคลนความสามารถเสียวอู่น้อยไปหน่อย
นกแก้วที่มีสีเขียวเปล่งประกายบนตัว คาดไม่ถึงว่ามันจะร้องก้ากแล้วรีบบินหนีไปที่จี้ฉาง!
เดี๋ยวก่อนนะ ปกติสัตว์ธรรมดามองไม่เห็นผีไม่ใช่หรอ?ทำไมมันถึงรีบบินไปทางจี้ฉางล่ะ
ผีใจดำก็บินตามนกแก้วอยู่แบบนั้น แล้วก็บินเข้าหาตาข่ายของจี้ฉางเอง
จี้ฉาง “…”
ในใจเธอโกรธมาก รู้สึกว่าพี่ชายแท้ๆไม่น่าเชื่อถือ ไม่คิดเหมือนเธอ
ตอนนี้เธอได้แต่ทุกข์ทรมาณแสนสาหัสอยู่คนเดียว
ในห้องของซู่เป่า
ผีใจดำก็เหมือนกับผีหลายใจในเมื่อก่อนที่ถูกล่ามไว้ที่ปลายเตียง
ซูเหอเวิ่นเอากล้องขึ้นมา
ซูจื่อซีย้ายเก้าอี้เล็กๆมาสองตัว
ภาพในกล้อง มีเงาสีดำคลานอยู่ที่ปลายเตียง “คน” คนนั้นมองมาที่กล้อง สายตาดูมืดมนและแปลกประหลาด
ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว แต่ซูเหอเวิ่นก็ยังกลัวจนตัวสั่น นึกได้ว่าซูจื่อซีอยู่ข้างๆ เลยกลั้นไว้ไม่ร้องออกมา!
แต่กลับเห็นซูจื่อซีมองไปที่ภาพอย่างใจเย็น
ซูเหอเวิ่นถึงกับงง——ว่าเขาไม่กลัวหรือไง??
ไม่รู้ว่าอยู่ๆ ซู่เป่าไปหยิบเอาชูครีมหนึ่งถุงมาจากไหน แล้วมานั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆแกะถุงขนมพร้อมพูดว่า “เอาล่ะ เธอพูดก่อนเลย!”
ผีใจดำ “…”
เฮ้ยยย ทำไมเหมือนกำลังฟังนิทานเลยล่ะ???
ซู่เป่ายัดชูครีมเข้าปาก แล้วพูดว่า “พูดสิ!เธอชื่ออะไร มาจากไหน เกิดเมื่อไหร่?ทำไมถึงตาย?”
เจ้าตัวเล็กนี่ไม่มีความกังวลอะไร แถมยังดูใสซื่อมีความสุข
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะสามารถ “พิพากษา” ได้ว่าผลจะเป็นยังไง อย่างไรก็ยังมีท่านอาจารย์อยู่ เธอแค่ทำตัวเป็นเด็กดีแล้วตามหลังท่านอาจารย์ก็พอแล้ว
ผีใจดำมองอยู่ข้างๆ จี้ฉาง ยอมรับว่าตัวเองดวงซวยจริงๆ พูดได้แค่ว่า
“ฉันชื่อซุนจ่างเซิง เป็นคนอำเภอx เกิดในสมัยยังเป็นสาธารณรัฐจีน ส่วนวันเกิดคือ…ฉันโดนม้าห้าตัวดึงตัวไปมา จนหัวและแขนขาดออกจากกัน …ส่วนหัวใจก็ยังถูกควักออก …”
จนถึงตอนนี้ ซูจือซีถึงค่อยรู้ตัวว่า เชี่ยยย ที่ปลายเตียงมีอะไรผูกไว้เหมือนกับผูกหมาเลย กลับกลายเป็นผีหรอกเหรอเนี่ย
น่ากลัวจัง!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...