ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 31

กลางวันแสกๆอย่างนี้ แต่เหวยหว่านและแม่ก็ต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน ทั้งสองจึงรีบเดินขึ้นบนออฟฟิศอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างคึกคัก ถึงได้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง

เมื่อหันหลังไปมอง ถุงพลาสติกสีขาวใบนั้นเหมือนตามพวกมาด้วย และยังหมุนวนอยู่บนพื้น...

เหวยหว่านเกิดอาการขนลุกขนพอง จึงรีบวิ่งเข้าห้องออฟฟิศของซูจื่อหลิน

และกำลังจะพุ่งเข้าไปซบอกของเขาพร้อมกับเสียงร้องไห้

“จื่อหลิน!”

ซูจื่อหลินกำลังดูรูปวาดอยู่กับซู่เป่า เมื่อเห็นเหวยหว่านกำลังเดินพุ่งเข้ามาในอ้อมอกของเขา

เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับถอยหลังไปสองก้าว

เหวยหว่านตั้งใจไว้ว่าจะเข้าไปโอบกอดเขา แต่เมื่อซูจื่นถอยหลังออกไป

จึงทำให้เธอล้มลงอยู่กับพื้นจนมีเลือดออกมาจากจมูก

เหวยหว่านจับจมูกของตัวเองแล้วลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า

“ซูจื่อหลิน คุณ……”

พนักงานที่ผ่านไปมาต่างก็ชวนกันสงสัย และยื่นคอชะโงกดูด้านในห้องออฟฟิศว่าเกิดอะไรขึ้น

ยายของหานหานหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาอย่างไว “ตายจริง! ทำอะไรลงไปเนี่ย เสี่ยวหว่านเป็นภรรยาของแกนะ มีสามีที่ไหนจะหลบหลีกไม่ให้ภรรยาตัวเองเข้าไปกอดด้วยล่ะ!”

ซูจื่อหลินพูดจาไม่ค่อยเก่ง จึงพูดตรงๆไปว่า“ถ้าจะเข้ามาซบอกอย่างนี้อย่าเลยดีกว่า”

เหวยหว่านรู้สึกขายหน้าอย่างมาก อะไรคือซบอก

พูดเหมือนว่าฉันเป็นหญิงขายบริการที่คิดจะยั่วยวนสามีของคนอื่น!

ถึงเธอจะโมโหขนาดไหนแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ก่อน เพราะเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอกับซูจื่อหลินมีปัญหากันอยู่ เพราะถ้าทะเลาะกันขึ้นมาอาจจะทำให้ตำแหน่งของเธอสั่นคลอนได้...

เหวยหว่านหันไปมองซู่เป่าและกำลังจะเอ่ยปากพูด

ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นภาพวาดที่อยู่บนโต๊ะ จนต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ!

ในภาพวาดนั้นเธอเห็นรูปร่างของคนๆหนึ่ง ถึงจะดูไม่ค่อยชัดเจน

และเป็นการภาพวาดแบบรูปการ์ตูน...

แต่ก็ทำให้เธอคิดถึงหลี่เหมยที่ถูกเธอทุบจนเสียชีวิตในไซต์งานก่อสร้างเมื่อห้าปีที่แล้ว

เหวยหว่านรู้สึกสันหลังเย็นวาบ...

ซู่เป่านั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยและมองไปที่ซูจื่อหลิน

จากนั้นก็หันไปแอบชำเลืองมองหวยหว่านอย่างระมัดระวัง

ป้าสะใภ้รองยิ่งอยู่ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น มีหมอกดำได้ปกคลุมไปทั่วหน้า

เผยให้เห็นแค่ตาสองดวงที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าผีซะอีก...

ซู่เป่ากอดมือไว้และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาจารย์ ป้าสะใภ้รองเป็นอะไรไปเหรอคะ!”

จี้ฉางส่ายหน้าไปมา“คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เจ้าเห็นก้อนอึบนใบหน้าของหล่อนไหม?

มันเป็นฝีมือของหลี่เหมยเอง”

ซู่เป่ากวาดสายตามองดูจากนั้นก็พูดพึมพำต่อว่า “ไม่เห็นมีอึเลย!มีแต่กลิ่นเหม็นๆเท่านั้น”

เหวยหว่านเห็นซู่เป่ากระซิบคุยกับนกแก้วเบาๆ และได้ยินคำว่า‘อึ’กับคำว่า‘เหม็น’

สีหน้าของเธอก็ดูแย่กว่าเดิมอีก...

เมื่อกี้เธอมัวแต่หวาดกลัวอยู่ จนลืมไปว่ามีอึเลอะอยู่ทีใบหน้าของเธอ...

เหวยหว่านรู้สึกผะอืดผะอมจนลืมภาพวาดรูปนั้น

แล้วจึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อล้างทำความสะอาดใบหน้า

ซูจื่อหลินมองยายของหานหานด้วยสายตาที่เยือกเย็นพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกว่า

“พวกคุณมาที่นี่ทำไม?”

ยายของหานหานพูดอย่างเสียงดังว่า “จื่อหลิน ฟังแม่พูดหน่อยนะ จื่อซีกับหานหานก็โตแล้ว

พวกเธอจะหย่ากันไม่ได้นะ!จะต้องให้ลูกๆมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบสิ!”

“สามีภรรยากระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา ทะเลาะกันที่หัวเตียงก็คืนดีกันที่ปลายเตียง

แกเองก็พยายามกลับบ้านให้บ่อยมากขึ้น... ”

ซูจื่อหลินยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าพวกคุณมาเพื่อพูดเรื่องนี้ ก็เชิญกลับไปได้เลย”

เอกสารทะเบียนหย่าผมส่งให้เหวยหว่านไปแล้ว

จะเซ็นหรือไม่เซ็นก็แล้วแต่เธอ

แต่ถึงยังไงผมก็ต้องการหย่าแน่นอน

ซูจื่อหลินแสดงสีหน้าไม่สนใจ และไม่รอให้ยายหานหานพูดจบก่อนก็ดันตัวเธอออกไปจากห้อง

เมื่อเหวยหว่านเดินออกมาหลังจากล้างหน้าเสร็จ ก็ถูกซูจื่อหลินพลักออกไปนอกห้องอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็ปิดประตูออฟฟิศลงอย่างเสียงดัง

พนักงานแต่ละคนแสดงท่าทางตั้งใจทำงานอย่างขยันทันที แต่ที่จริงแล้วมีบางคนแอบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปไว้ด้วย

สีหน้าของเหวยหว่านดูแย่มากๆ แต่ก็ยังพยายามพูดตะโกนอีกว่า “ซูจื่อหลิน เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”

แล้วซูจื่อหลินก็ได้กดโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องออฟฟิศ แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง

ไม่นานก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นมาสองคน

แล้วได้พูดกับเหวยหว่านและยายของหานหานว่า‘เชิญ’ ออกไป!

ทั้งสองตกอยู่ในสภาพที่ถูกไล่ตะะเพิดจนรู้สึกอับอายและไม่กล้าสู้หน้าใคร...

ยายของหานหานทำตัวไม่ถูกเพราะมีคนมากมายจ้องมองอยู่

และเธอก็รู้สึกว่าซูจื่อหลินทำเกินไปแล้ว

เสี่ยวอู่เอียงคอพูดว่า “สองบวกสองเท่ากับห้า!”

ซูเป่า “……”

เฮ้อ เสี่ยวอู่คิดเลขได้แย่จริงๆ

ด้านหลังซู่เป่า มีหญิงสาวหลายคนนั่งทานข้าวกล่องและพูดจากระซุบกระซิบกันอยู่

“โอ้คุณพระ น่ารักจริงๆ เธอสามารถคิดเลขโต้ตอบกับนกแก้วได้ด้วย!”

“นี่เป็นลูกของใครเหรอ!เมื่อกี้ฉันไปข้างนอกมา

กลับมาถึงก็เจอเด็กคนนี้นั่งอยู่ในห้องออฟฟิศแล้ว?”

“ลูกของอาจารย์ซูเหรอ?”

พวกเธอจึงใช้มือชี้ไปที่มุมเครื่องดื่ม เห็นซูจื่อหลินกำลังตั้งใจชงนมผงจนเหงื่อไหลเต็มหน้า

ช่วงที่พักเบรกคนส่วนใหญ่ก็จะไปที่มุมเครื่องดื่ม เพื่อชงกาแฟและชาหรือชานมต่างๆ ฉะนั้นซูจื่อหลินจึงรู้สึกว่าซู่เป่าก็ต้องดื่มอะไรสักหน่อย จึงไปสรรหานมผงมาได้หนึ่งกล่อง

เวลานี้เขาเหมือนนักวิทยาศาตรที่กำลังทำการทดลองบางอย่าง ซึ่งจดจ่อกับการอ่านฉลากข้างกล่องอย่างละเอียดรอบคอบ จากนั้นก็หยิบช้อนมาตวงปริมาณนมผงอย่างแม่นยำ

และสังเกตดูน้ำในแก้วว่ามีปริมาณถูกต้องตามกำหนดหรือไม่....

เวลานั้นมีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกกระจก และมีถุงพลาสติกใบหนึ่งติดอยู่บนนั้น

ซู่เป่าน้อยจึงพูดอย่างสะดุ้งว่า“อ้าว น้าขี้เหร่!”

ผีผู้หญิงแลบลิ้นออกมาคล้ายกับสุนัข“นี่ ให้ฉันเข้าไปด้วย!”

เธออยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาออกมา ช่างไม่มีจิตใจเมตตากันบ้างเลย

ให้ผีออกไปทำงานในเวลากลางวันแสกๆ

เธอโดนแดดเผาจนเกือบจะตายอยู่แล้ว!

จี้ฉางที่พิงอยู่ข้างหน้าต่างอย่างน่าเบื่อน่าเซ็ง ได้แต่หรี่ตารับแสงแดด แล้วก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า

“วางใจได้เลย ข้าไม่ให้แกตายหรอก ถึงแกจะตากแดดนานแค่ไหนก็ไม่มีวันตาย”

ผีผู้หญิงถึงกับอึ้งไปสักพัก

ซู่เป่าจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดว่า “อาจารย์ อย่าพูดโกหกนะ คนพูดโกหกจะถูกฟ้าผ่าได้นะ”

จี้ฉางหัวเราะเยาะออกมาและกำลังอ้าปากจะพูด

ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าร้องขึ้นมาจากข้างนอกทั้งๆที่ท้องฟ้ามอากาศแจ่มใส!

เปรี้ยง!

มีแสงไฟเส้นเล็กๆได้พาดผ่านบนท้องฟ้า

จี้ฉาง “……”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน