กลางวันแสกๆอย่างนี้ แต่เหวยหว่านและแม่ก็ต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้อกสั่นขวัญแขวน ทั้งสองจึงรีบเดินขึ้นบนออฟฟิศอย่างรีบร้อน เมื่อเห็นผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างคึกคัก ถึงได้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาบ้าง
เมื่อหันหลังไปมอง ถุงพลาสติกสีขาวใบนั้นเหมือนตามพวกมาด้วย และยังหมุนวนอยู่บนพื้น...
เหวยหว่านเกิดอาการขนลุกขนพอง จึงรีบวิ่งเข้าห้องออฟฟิศของซูจื่อหลิน
และกำลังจะพุ่งเข้าไปซบอกของเขาพร้อมกับเสียงร้องไห้
“จื่อหลิน!”
ซูจื่อหลินกำลังดูรูปวาดอยู่กับซู่เป่า เมื่อเห็นเหวยหว่านกำลังเดินพุ่งเข้ามาในอ้อมอกของเขา
เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับถอยหลังไปสองก้าว
เหวยหว่านตั้งใจไว้ว่าจะเข้าไปโอบกอดเขา แต่เมื่อซูจื่นถอยหลังออกไป
จึงทำให้เธอล้มลงอยู่กับพื้นจนมีเลือดออกมาจากจมูก
เหวยหว่านจับจมูกของตัวเองแล้วลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า
“ซูจื่อหลิน คุณ……”
พนักงานที่ผ่านไปมาต่างก็ชวนกันสงสัย และยื่นคอชะโงกดูด้านในห้องออฟฟิศว่าเกิดอะไรขึ้น
ยายของหานหานหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาอย่างไว “ตายจริง! ทำอะไรลงไปเนี่ย เสี่ยวหว่านเป็นภรรยาของแกนะ มีสามีที่ไหนจะหลบหลีกไม่ให้ภรรยาตัวเองเข้าไปกอดด้วยล่ะ!”
ซูจื่อหลินพูดจาไม่ค่อยเก่ง จึงพูดตรงๆไปว่า“ถ้าจะเข้ามาซบอกอย่างนี้อย่าเลยดีกว่า”
เหวยหว่านรู้สึกขายหน้าอย่างมาก อะไรคือซบอก
พูดเหมือนว่าฉันเป็นหญิงขายบริการที่คิดจะยั่วยวนสามีของคนอื่น!
ถึงเธอจะโมโหขนาดไหนแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์ไว้ก่อน เพราะเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอกับซูจื่อหลินมีปัญหากันอยู่ เพราะถ้าทะเลาะกันขึ้นมาอาจจะทำให้ตำแหน่งของเธอสั่นคลอนได้...
เหวยหว่านหันไปมองซู่เป่าและกำลังจะเอ่ยปากพูด
ทันใดนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นภาพวาดที่อยู่บนโต๊ะ จนต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ!
ในภาพวาดนั้นเธอเห็นรูปร่างของคนๆหนึ่ง ถึงจะดูไม่ค่อยชัดเจน
และเป็นการภาพวาดแบบรูปการ์ตูน...
แต่ก็ทำให้เธอคิดถึงหลี่เหมยที่ถูกเธอทุบจนเสียชีวิตในไซต์งานก่อสร้างเมื่อห้าปีที่แล้ว
เหวยหว่านรู้สึกสันหลังเย็นวาบ...
ซู่เป่านั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยและมองไปที่ซูจื่อหลิน
จากนั้นก็หันไปแอบชำเลืองมองหวยหว่านอย่างระมัดระวัง
ป้าสะใภ้รองยิ่งอยู่ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น มีหมอกดำได้ปกคลุมไปทั่วหน้า
เผยให้เห็นแค่ตาสองดวงที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าผีซะอีก...
ซู่เป่ากอดมือไว้และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาจารย์ ป้าสะใภ้รองเป็นอะไรไปเหรอคะ!”
จี้ฉางส่ายหน้าไปมา“คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เจ้าเห็นก้อนอึบนใบหน้าของหล่อนไหม?
มันเป็นฝีมือของหลี่เหมยเอง”
ซู่เป่ากวาดสายตามองดูจากนั้นก็พูดพึมพำต่อว่า “ไม่เห็นมีอึเลย!มีแต่กลิ่นเหม็นๆเท่านั้น”
เหวยหว่านเห็นซู่เป่ากระซิบคุยกับนกแก้วเบาๆ และได้ยินคำว่า‘อึ’กับคำว่า‘เหม็น’
สีหน้าของเธอก็ดูแย่กว่าเดิมอีก...
เมื่อกี้เธอมัวแต่หวาดกลัวอยู่ จนลืมไปว่ามีอึเลอะอยู่ทีใบหน้าของเธอ...
เหวยหว่านรู้สึกผะอืดผะอมจนลืมภาพวาดรูปนั้น
แล้วจึงรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อล้างทำความสะอาดใบหน้า
ซูจื่อหลินมองยายของหานหานด้วยสายตาที่เยือกเย็นพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยือกว่า
“พวกคุณมาที่นี่ทำไม?”
ยายของหานหานพูดอย่างเสียงดังว่า “จื่อหลิน ฟังแม่พูดหน่อยนะ จื่อซีกับหานหานก็โตแล้ว
พวกเธอจะหย่ากันไม่ได้นะ!จะต้องให้ลูกๆมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบสิ!”
“สามีภรรยากระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา ทะเลาะกันที่หัวเตียงก็คืนดีกันที่ปลายเตียง
แกเองก็พยายามกลับบ้านให้บ่อยมากขึ้น... ”
ซูจื่อหลินยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าพวกคุณมาเพื่อพูดเรื่องนี้ ก็เชิญกลับไปได้เลย”
เอกสารทะเบียนหย่าผมส่งให้เหวยหว่านไปแล้ว
จะเซ็นหรือไม่เซ็นก็แล้วแต่เธอ
แต่ถึงยังไงผมก็ต้องการหย่าแน่นอน
ซูจื่อหลินแสดงสีหน้าไม่สนใจ และไม่รอให้ยายหานหานพูดจบก่อนก็ดันตัวเธอออกไปจากห้อง
เมื่อเหวยหว่านเดินออกมาหลังจากล้างหน้าเสร็จ ก็ถูกซูจื่อหลินพลักออกไปนอกห้องอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็ปิดประตูออฟฟิศลงอย่างเสียงดัง
พนักงานแต่ละคนแสดงท่าทางตั้งใจทำงานอย่างขยันทันที แต่ที่จริงแล้วมีบางคนแอบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปไว้ด้วย
สีหน้าของเหวยหว่านดูแย่มากๆ แต่ก็ยังพยายามพูดตะโกนอีกว่า “ซูจื่อหลิน เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”
แล้วซูจื่อหลินก็ได้กดโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องออฟฟิศ แต่ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง
ไม่นานก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นมาสองคน
แล้วได้พูดกับเหวยหว่านและยายของหานหานว่า‘เชิญ’ ออกไป!
ทั้งสองตกอยู่ในสภาพที่ถูกไล่ตะะเพิดจนรู้สึกอับอายและไม่กล้าสู้หน้าใคร...
ยายของหานหานทำตัวไม่ถูกเพราะมีคนมากมายจ้องมองอยู่
และเธอก็รู้สึกว่าซูจื่อหลินทำเกินไปแล้ว
เสี่ยวอู่เอียงคอพูดว่า “สองบวกสองเท่ากับห้า!”
ซูเป่า “……”
เฮ้อ เสี่ยวอู่คิดเลขได้แย่จริงๆ
ด้านหลังซู่เป่า มีหญิงสาวหลายคนนั่งทานข้าวกล่องและพูดจากระซุบกระซิบกันอยู่
“โอ้คุณพระ น่ารักจริงๆ เธอสามารถคิดเลขโต้ตอบกับนกแก้วได้ด้วย!”
“นี่เป็นลูกของใครเหรอ!เมื่อกี้ฉันไปข้างนอกมา
กลับมาถึงก็เจอเด็กคนนี้นั่งอยู่ในห้องออฟฟิศแล้ว?”
“ลูกของอาจารย์ซูเหรอ?”
พวกเธอจึงใช้มือชี้ไปที่มุมเครื่องดื่ม เห็นซูจื่อหลินกำลังตั้งใจชงนมผงจนเหงื่อไหลเต็มหน้า
ช่วงที่พักเบรกคนส่วนใหญ่ก็จะไปที่มุมเครื่องดื่ม เพื่อชงกาแฟและชาหรือชานมต่างๆ ฉะนั้นซูจื่อหลินจึงรู้สึกว่าซู่เป่าก็ต้องดื่มอะไรสักหน่อย จึงไปสรรหานมผงมาได้หนึ่งกล่อง
เวลานี้เขาเหมือนนักวิทยาศาตรที่กำลังทำการทดลองบางอย่าง ซึ่งจดจ่อกับการอ่านฉลากข้างกล่องอย่างละเอียดรอบคอบ จากนั้นก็หยิบช้อนมาตวงปริมาณนมผงอย่างแม่นยำ
และสังเกตดูน้ำในแก้วว่ามีปริมาณถูกต้องตามกำหนดหรือไม่....
เวลานั้นมีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกกระจก และมีถุงพลาสติกใบหนึ่งติดอยู่บนนั้น
ซู่เป่าน้อยจึงพูดอย่างสะดุ้งว่า“อ้าว น้าขี้เหร่!”
ผีผู้หญิงแลบลิ้นออกมาคล้ายกับสุนัข“นี่ ให้ฉันเข้าไปด้วย!”
เธออยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาออกมา ช่างไม่มีจิตใจเมตตากันบ้างเลย
ให้ผีออกไปทำงานในเวลากลางวันแสกๆ
เธอโดนแดดเผาจนเกือบจะตายอยู่แล้ว!
จี้ฉางที่พิงอยู่ข้างหน้าต่างอย่างน่าเบื่อน่าเซ็ง ได้แต่หรี่ตารับแสงแดด แล้วก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“วางใจได้เลย ข้าไม่ให้แกตายหรอก ถึงแกจะตากแดดนานแค่ไหนก็ไม่มีวันตาย”
ผีผู้หญิงถึงกับอึ้งไปสักพัก
ซู่เป่าจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูดว่า “อาจารย์ อย่าพูดโกหกนะ คนพูดโกหกจะถูกฟ้าผ่าได้นะ”
จี้ฉางหัวเราะเยาะออกมาและกำลังอ้าปากจะพูด
ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าร้องขึ้นมาจากข้างนอกทั้งๆที่ท้องฟ้ามอากาศแจ่มใส!
เปรี้ยง!
มีแสงไฟเส้นเล็กๆได้พาดผ่านบนท้องฟ้า
จี้ฉาง “……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...