ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 32

จี้ฉางหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มองดูซู่เป่าด้วยสีหน้าสงสัย

มันเป็นไปไม่ได้ แค่ความบังเอิญเท่านั้น?

เขาถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง“เรียกผีผู้หญิงกลับเข้ามาเร็วๆวิชาย้ายวิญณาณที่สอนไปยังจำได้ไหม?ถ้าจำไม่ได้ก็... ”

ยังพูดไม่ทันจบประโยคซู่เป่าก็ยกแขนขึ้นมา

นิ้วมือน้อยๆก็ได้ทาบไปที่กระจกแล้วทำท่าหยิบจับไปมา

ในชั่วพริบตา ผีผู้หญิงก็ได้กลับเข้าไปอยู่ในน้ำเต้าวิญญาณแล้ว

จี้ฉางจับจมูกไปมา

นี่มันคือวิญญาณยี่ห้ออะไรเนี่ย...

แล้วนมที่ชงเสร็จแล้วก็ได้ยกเข้ามา เขายื่นแก้วรูปทรงกลมๆให้ซู่เป่าพร้อมกับพูดว่า“รีบดื่มนะ!”

ซู่เป่ารับเอาไว้จากนั้นก็พูดอย่างเสียงอ่อนหวาน“ขอบคุณลุงห้านะคะ!”

ซูจื่อหลินยิ้มอย่างเกรงใจ

ถึงเขาจะมีลูกแล้วสองคนแต่ไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับลูกเลย

เขายอมรับว่าตัวเองยังทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีนัก

วินาทีนี้เขารู้สึกละอายใจขึ้นมา จึงเอามือลูบหัวของซู่เป่า จากที่เงียบกริบไม่พูดจาอะไรก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า“ซู่เป่า หนูคิดว่าลุงรองควรจะหย่ากับป้าสะใภ้รองไหม?”

ซู่เป่าเงยหน้ามองดูเขาและถามว่า“ลุงรอง ทำไมถึงต้องหย่ากันด้วยคะ

แต่งงานกันแล้วก็มาหย่ากันอีก?”

เธอเคยได้ยินคำว่าหย่ามาบ้าง เพราะเมื่อก่อนคุณพ่อมักจะพูดอยู่บ่อยๆว่าจะหย่ากับคุณแม่

ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ยังไม่เข้าใจว่าการหย่าคืออะไร มาทีหลังถึงได้รู้ว่า——แท้จริงแล้วการหย่าคือการไปแต่งงานกับน้าคนใหม่

ซู่เป่าไม่เข้าใจพวกผู้ใหญ่เลย ในเมื่อตอนแรกก็ได้เลือกมาอย่างดีแล้ว?

แต่ทำไมถึงไม่อยากได้ขึ้นมาในภายหลัง

ซูจื่อหลินโดนถามจนอึ้งเงียบเหมือนคนใบ้

คำถามของซู่เป่า ทำให้เขาไม่รู้จะตอบกลับยังไง

เขาเม้มปากพร้อมกับพูดอย่างกดดันว่า

“เพราะว่าตอนนั้นมีพี่จื่อซีอยู่ข้างในท้องของป้าสะใภ้รองไงล่ะ”

ไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องที่ตัวเองก่อขึ้นมา แต่เรื่องที่ทำให้ซูจื่อหลินเสียใจจนถึงวินาทีที่หานหานคลอดออกมาก็คือ เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองถูกวางแผนมาตลอด

ตอนนั้นน้องสาวซูจิ่นอวี้กำลังป่วยหนักและมาหายตัวไปอีก เขากลุ้มใจมากจนไม่มีกะจิตกะใจไตร่ตรองอย่างรอบคอบ

ซู่เป่าขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ“แล้วในท้องของป้าสะใภ้รองมีพี่จื่อซีได้ยังไงคะ?

ลุงรองชอบป้าสะใภ้รองไหม?”

ซูจื่อหลินส่ายหน้าปฏิเสธ“น่าจะไม่ชอบ!”

ซู่เป่า “……”

เธอจ้องมองซูจื่อหลิน

ซูจื่อหลินรู้สึกขนลุกที่โดนจ้องแบบนี้ก่อนจะถามขึ้นว่า“ทำไมเหรอ?”

ซู่เป่าจึงพูดว่า“ลุงรองไม่ชอบป้าสะใภ้รอง แต่ก็มีพี่จื่อซีกับป้าสะใภ้รอง

ลุงรองคือผู้ชายเฮงซวยที่คนอื่นเค้าชอบพูดกันหรือคะ?”

เธอทำหน้าไร้เดียงสาอย่างน่ารัก ท่าทางดูเอาจริงเอาจัง

ซูจื่อหลินอ้าปากจะพูด แต่ก็หยุดชะงักลงเพราะคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร“เอ่อ……”

ซู่เป่าตบไหล่ซูจื่อหลินแสดงท่าทางเหมือนเข้าอกเข้าใจพร้อมกับพูดปลอบว่า

“ไม่เป็นไรนะลุงรอง ซู่เป่าเข้าใจ”

ซูจื่อหลิน“???”

อะไรนะ เธอจะเข้าใจได้ยังไงล่ะ?

ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ซูอิ๋งเอ่อร์ก็เข้ามาพอดี “ซู่เป่า เด็กดีของลุงห้า!”

ซูอิ๋งเอ่อร์ยังไม่ได้ถอดหมวกนิรภัยออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ

ยื่นมือทำท่าจะอุ้มซู่เป่าอย่างดีอกดีใจ

ซูจื่อหลินปัดมือของเขาออกอย่างรวดเร็ว“รู้จักรักษาความสะอาดหน่อยสิ?”

ซูอิ๋งเอ่อร์ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นคิดแต่จะอุ้มอย่างเดียว จากนั้นก็อุ้มซู่เป่าพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง

“ซู่เป่าตอบลุงห้ามาสิ อยู่ที่นี่น่าเบื่อหรือเปล่า?ไป เดี๋ยวลุงห้าจะพาหนูไปเดินเที่ยวที่ไซต์งานก่อสร้าง!”

เมื่อกี้ไปเดินสำรวจตรวจสอบมาแล้ว เมื่อทำงานเสร็จก็ตั้งใจไว้ว่าจะพาหลานสาวที่รักไปเดินอวดเพื่อนๆที่ทำงานสักหน่อย

ซูจื่อหลินยิ่งไม่เห็นด้วย “ไซต์งานก่อสร้างเป็นสถานที่ๆอันตรายมาก

และห้ามไม่ให้คนนอกเข้าไปเด็ดขาด!”

.ซูอิ๋งเอ่อร์พูดอย่างไม่สนใจว่า“ซู่เป่าไม่ใช่คนนอก แต่เป็นผู้อำนวยการตัวจิ๋ว?”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างเห็นด้วย“ใช่แล้วคะ ซูเป่าไม่ใช่คนนอกสักหน่อย

ซู่เป่าพูดอย่างใจร้อน เมื่อกี้น้าขี้เหร่บอกว่า ป้าสะใภ้รองไปที่ไซต์งานฝั่งนั้น

ต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในรูปปั้นทองสัมฤทธิ์นั้นแน่ๆ

เธออยากจะไปสำรวจดู

แล้วซูอิ๋งเอ่อร์ก็อุ้มซู่เป่าเดินไปอย่างตื่นเต้นดีใจ เมื่อเดินผ่านใครก็จะทักทายไปทุกครั้ง

“เหล่าจาง นายดูสิ นี่คือหลานสาวของฉัน!”

ซูจื่อหลิน“……”

ซูอิ๋งเอ่อร์นั่งลงด้านหน้าของซู่เป่า และคอยๆพูดแนะนำเครื่องมือแต่ละชิ้น

“นี่คือค้อนช่างไม้ ไว้สำหรับตอกตะปูทั่วไป”

“นี่คือค้อนช่างหิน...นี่คือค้อนหัวขวาง…”

ซูอิ๋งเอ่อร์หยิบมาแต่ค้อนเล็กๆ ที่ซู่เป่าสามารถถือได้

ซูจื่อหลินจึงไม่ได้พูดอะไรอีก

เมื่อเห็นเจ้าแก้มก้อนทำหน้าจริงจัง ถือค้อนขึ้นมาลองยกเล่นๆ

และหยิบค้อนแต่ละด้ามดูไปดูมา

ที่แท้ก็แค่ดูค้อนจริงๆ

จี้ฉางลอยอยู่ข้างๆ และพูดชี้แนะให้ซู่เป่าว่า“เป๋าน้อย หยิบอันนั้นขึ้นมา แล้วทุบรูปปั้นนี้ทิ้ง!”

ซู่เป่า“แต่หนูยกไม่ไหว.. …”.

ดูค้อนเหมือนจะหนักมาก

จี้ฉางเบ้ปาก“เจ้ายังไม่ได้ยกเลย รู้ได้ยังไงว่ายกไม่ไหว?”

เมื่อเห็นซู่เป่าแตะไปที่ค้อนอันใหญ่ ซูอิ๋งเอ่อร์จึงพูดขึ้นว่า“อันนี้สุดยอดมาก!

ใช้สำหรับงานหนักทุบกำแพง!ด้ามของมันนุ่มมากและสามารถงอได้ด้วย

ที่ออกแบบมาแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการเกิดแผ่นดินไหว…”

ซูเป่าอยากจะลองยกขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหว

จี้ฉางจึงพูดว่า“ใช่แล้ว ยกขึ้นมาแล้วก็ทุบได้เลย!”

ซู่เป่าพูดอีกว่า“ลุงห้า ของยืมค้อนของลุงหน่อยนะคะ!”

ซูจื่อหลินกับซูอิ๋งเอ่อร์ลืมเรื่องที่เธอเคยหักราวเหล็กจนงอไปชั่วครู่

และสิ่งแรกที่คิดได้คือหนักขนาดนี้ยังไงเธอก็ยกไม่ไหวอยู่แล้ว

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเบ่งพลังของเจ้าแก้มก้อน‘ย๊าก’พร้อมกับยกค้อนขึ้นมาเหวี่ยง

และทุบลงไปที่รูปปั้นนั้นอย่างแรง!

เจ้าแก้มก้อนเหวี่ยงมือไปพร้อมกับพูดตะโกนว่า“แปดสิบ!แปดสิบ!”

แล้วก็ได้ยินเสียงตู้ม~ดังขึ้นมา ที่ขาของรูปปั้นโดนทุบจนเป็นรูขนาดใหญ่

ข้างในมีเสียงคล้ายของอะไรตกลงมาพร้อมกับเกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว

ซูจื่อหลินกับซูอิ๋งเอ่อร์ถึงกับอึ้งจนตาค้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน