ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 328

ภายในห้อง

ซูอีเฉินเอ่ยถาม “ซู่เป่า เรื่องราวเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

ซู่เป่าเอ่ยเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้อีกฝ่ายฟัง “หาพี่สาวคนนั้นเจอ จากนั้นก็เจอศพในห้องพี่สาวคนนั้น”

“ศพนั้นโดนหมักไว้ด้วยเกลือ ทำให้ตอนนี้พึ่งจะส่งกลิ่นเหม็นเน่า แล้วพี่สาวคนนั้นก็พึ่งได้กลิ่น”

“พี่สาวเป็นลมไป ส่วนศพตำรวจก็เอาไปแล้วค่ะ”

ซูอีเฉินเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด แม้อีกฝ่ายจะเล่าแบบไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก เขาพยักหน้ารับ “พ่อเราพาเราเรียกรถไปที่นั่นเหรอ?”

ซู่เป่าส่ายหน้าไปมา ก่อนที่จะเอ่ยอย่างตื่นเน “พ่อพาหนูขี่มอเตอร์ไซต์ไป มอไซต์คันใหญ่เลย!”

“ฟิ้วๆ ๆ…….บินได้!” เด็กน้อยยกมือขึ้นวาดบนอากาศ

ซูอีเฉิน “…….”

นัยตาของเขามีความอาฆาตแวบออกมา…..

หลานยังเด็กอยู่ขนาดนี้ ยังจะเอาเธอไปขี่มอเตอร์ไซต์อันตรายอีก

ซูอีเฉินเก็บอารมณ์โมโหเอาไว้ ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมา “เรื่องบางเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล หนูต้องเข้าใจด้วยนะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง”

เขากำลังคิดว่าจะพูดอะไร แต่ก็เปลี่ยนความคิด ไม่ถูกต้องอย่างนั้นเหรอ….

ถ้าเทียบกับการยึดติดกับตรรกะอะไรบางอย่างแล้ว ถ้าเกิดสามารถเปลี่ยนความคิดไปได้ตามสถานการณ์แบบนี้ล่ะก็…..มันน่าจะเหมาะกับจิตใจมนุษย์ที่แสนลึกล้ำมากกว่านะ

เพราะเมื่อออกไปสู่สังคมแล้ว ใครจะมาอธิบายเหตุผลแต่ละข้อให้เธอฟังกัน?

เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าทุกคนที่หลานเขาเจอนั้นเล่นตามกฎกติกา ถ้าเกิดเจอคนที่ไม่มีเหตุผลล่ะ จะให้หลานของเขาไปอธิบายสิ่งที่ถูกต้องให้อีกฝ่ายฟังอย่างนั้นเหรอ

แล้วค่อยไปเรียนการยืดหยุ่นตามสถานการณ์เอาตอนนั้น นิสัยก็คงจะเปลี่ยนไม่ได้ง่ายแล้ว

ซูอีเฉินขมวดคิ้วอย่างปวดหัว “ซู่เป่า…..”

แต่กลับได้ยินซู่เป่าเอ่ยออกมา “อืมๆ บางครั้งพ่อก็ไม่ถูกหรอกค่ะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องหญ่ายเสียหาย”

ซูอีเฉิน “?”

อ้อ——เขาเข้าใจแล้ว เด็กน้อยน่าจะกำลังจะพูดว่าไม่ได้ทำให้เสียหายเป็นเรื่องใหญ่

เขารู้สึกอยากขำเป็นอย่างมาก เห็นว่าซู่เป่ากลับมาเหมือนแต่ก่อนยังคงไร้เดียงสาและน่ารัก ต่อให้มู่อีฝานจะพาเธอไปทำเรื่องไม่เข้าเรื่องมากมาย แต่เธอก็ยังเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด

กลับกัน เธอกลับเข้มแข็งขึ้นและก็หัวไวมากขึ้น

เด็กเนอะ….ซนเสียน้อยก็ไม่ได้ทำให้เสียหายเป็นเรื่องใหญ่อะไร

จะว่าไป จะทำอะไรก็ทำให้คนเป็นคนก็พอ ขอแค่คิดดี พูดดี ทำดี เรื่องอื่นก็ปล่อยไปเถอะ

“มันคือไม่ได้ทำให้เสียหายเป็นเรื่องใหญ่” ซูอีเฉินลูบหัวซู่เป่าอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “จากนี้ไปไม่ว่าเรื่องอะไร ก็มาหาลุงได้ตลอด”

“ลุงคนนี้จะเป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งที่สุดให้ซู่เป่าเสมอ”

ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรผิดหรืออะไร เขาหวังว่าเธอจะมาหาเขาเป็นคนแรก ไม่ใช่ว่าพอโตไปแล้วมีอะไรก็ไม่มาคุยกับเขา

ซู่เป่า “อืมๆ!”

เธอยื่นมือออกไปกอดซู่อีเฉินเอาไว้ ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “คุณลุง หนูพาพี่ผีคนนั้นกลับมาแล้ว”

ซูอีเฉินเสียวหลังวาบ

“เธอ…..อยู่ไหน?”

ซู่เป่าเบ้ปาก “อยู่ด้านหลังลุงไงคะ”

ผีหญิงเพิ่งโดนปล่อยออกมา สีหน้าเคร่งขรึมแล้วขมวดคิ้วจ้องมองซูอีเฉิน

ซูอีเฉินรู้สึกเย็นคอไปหมด ใบหน้าที่อบอุ่นของเขาเองก็แข็งทื่อไปด้วย

ซู่เป่าเอ่ยออกมา “แต่ว่าพี่ผีเขาจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่มีคนมาฆ่าเขา แต่คนแรกที่เธอเจอกลับเป็นพี่จวินจวิน”

แปลกมากเลย

หรือว่าตอนที่ฆาตกรฆ่าเธอแล้ว ฆาตกรก็จากไป แต่พี่จวินจวินยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุ?

ซู่เป่าไม่เข้าใจ

วิญญาณนั้นคิดเรื่องก่อนตายไม่ออก หรือว่าควรจะกลับไปที่เกิดเหตุที่แรกที่ถูกฆ่าเพื่อหาฆาตกรกัน ถึงจะช่วยหาความทรงจำของเธอกลับมาได้

ซูอีเฉินมุมปากยุกขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “กินข้าวก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน!”

พูดจบ เขาก็ค่อยๆ เขยิบตัวจากที่ที่ยืนอยู่

ซู่เป่าพยักหน้ารับก่อนที่จะรีบวิ่งเข้าไปแปรงฟัน และก็ไม่ลืมที่จะทักทายเสี่ยวอู่ “ไง เสี่ยวอู่ ฉันกลับมาแล้ว!”

เสี่ยวอู่เอียงหัวไปมา “ไง กินข้าวหรือยัง?”

ซู่เป่าชะงักงัน ก่อนที่จะบ่นออกมา “ไม่มี วันนี้ซู่เป่าไม่มีอาหารเช้ากินแล้ว!”

เสี่ยวอู่ตะลึงงัน “แม่เจ้า ทรมานกันเกินไปแล้ว!”

ซู่เป่า “ใช่ไหมล่ะ?”

ซูอีเฉินรู้สึกตลกมาก

เด็กน้อยคิดว่าจะไม่มีของกินจริงเหรอ?

เขาเหมือนโดนยั่วโมโหขึ้นมาทันที นึกย้อนไปครั้งก่อนตอนที่เขาวิดพื้น สายตาของมู่กุยฝานที่มองมาอย่างหยิ่งผยอง

เขาเอ่ย “ถ้าเก่งนักนายก็ทำให้ฉันดู ฉันนับ! ครึ่งชั่วโมงถ้าไม่ถึงหนึ่งพัน ฉะ….ฉันจะไปฟ้องแม่!”

มู่กุยฝาน “……”

เขาหัวเราะออกมา “กี่ขวบแล้ว ยังกลับบ้านไปฟ้องแม่อีกเหรอ”

ซูอิ๋งเอ่อร์ “……”

น่าโมโหนัก ทะเลาะกันก็ไม่เคยชนะเลย ชกต่อยก็ยิ่งไม่ชนะเข้าไปใหญ่

“นายทำตอนนี้เลยสิ! เอาแต่พูดจะมีประโยชน์อะไร!” ซูอิ๋งเอ่อร์ยิ้มเย็น

มู่กุยฝาน “นับให้ดีแล้วกัน”

พูดจบ เขาก็ก้มหน้าก้มตาวิดพูดโดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น

เขาออกกำลังกายมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้รับการฝึกฝนจากหน่วยรบที่เข้มงวดมาก การวิดพื้นสำหรับมู่กุยฝานแล้วไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

เมื่อกี้ตอนคุยกับซูอิ๋งเอ่อร์ เขาก็ได้พักไปแล้ว

จะเอาใหม่อีกครั้ง ความเร็วของเขาก็พอๆ กับตอนกวาดสายตาอ่านหนังสือนั่นแหละ อาจจะช้าเล็กน้อยเท่านั้นเอง

ซูอิ๋งเอ่อร์เบิกตากว้าง ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น

ทำได้จริงด้วย…..

สิบหกนาทีผ่านไป มู่กุยฝานก็ทำอีกหนึ่งพันที่เหลือเรียบร้อยแล้ว

ในระหว่างสงคราม ทหารที่กำลังกายแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับทหารที่กำลังอ่อนแอแล้ว มีเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตมากกว่าถึง 30%

ตอนที่มู่กุยฝานฝึกใฝนอยู่ในกองทหารนั้น เขาสามารถซิดอัพได้หนึ่งพันเก้าร้อยกว่าครั้ง หรือว่าวิดพื้นได้พันหกร้อยกว่าครั้งได้ภายในครึ่งชั่วโมง (อ้างอิงข้อมูลจากการแข่งขัน "สมรรถภาพทางกายและทักษะการต่อสู้" ของกองทัพนานาชาติครั้งแรก)

การฝึกฝนที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้นั้น สำหรับพวกเขาแล้วเป็นเพียงเรื่องปกติเท่านั้น——เพราะว่าสงครามนั้นโหดร้าย มีเพียงการรอดชีวิตเท่านั้นถึงจะปกป้องอย่างอื่นไว้ได้

มู่กุยฝานปัดมือก่อนที่จะลุกขึ้น “สิบหกนาที หนึ่งพันครั้ง”

เขาเหลือบมองซูอิ๋งเอ่อร์ ก่อนที่จะตบบ่าอีกฝ่าย

ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ก็เหมือนพูดทุกอย่างออกมาหมดแล้ว

เขาปล่อยให้ซูอิ๋งเอ่อร์นั่งอยู่ที่เดิมตากลมไป

เขาไม่เชื่อ มู่กุยฝานจะต้องฝืนตัวเองถึงทำได้แบบนั้น!

เขาก็อยากจะดูเหมือนกัน เดี๋ยวตอนที่ไปกินข้าวมือของมู่กุยฝานจะสั่นขนาดไหน…..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน