ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 327

มู่กุยฝานมองศพหญิงตรงหน้า

ศพของผู้หญิงคนนี้โดนผ่าตัวออก อวัยวะภายในโดนผ่าออกมาหมด

จากนั้นก็ใช้เกลือยัดลงไป ใช้เกลืออย่างน้อยหนึ่งกระสอบเป็นอย่างต่ำ ทำให้ทั่วทั้งร่างของศพเต็มไปด้วยน้ำเหนียวสีขาว

ซู่เป่าที่เห็นภาพอย่างนั้นก็กอดมู่กุยฝานไว้แน่น ใบหน้าเล็กซบลงบนคอของเขา ก่อนที่จะถามเสียงเบา “พ่อคะ ของพวกนี้คืออะไร?”

มู่กุยฝานเม้มปากก่อนที่จะเอ่ยถาม “รู้จักเนื้อเค็มไหม?”

ซู่เป่าส่ายหน้าไปมา

“เนื้อเค็มหรือที่เรียกว่าเนื้อหมัก เนื้อดอง มักจะพบกันที่ภาคใต้ คนชอบที่จะหมักทิ้งไว้หลังหน้าหนาว ก่อนที่จะขึ้นฤดูใบไม้ผลิ ใช้เกลือจำนวนมากพอกเนื้อเอาไว้ จากนั้นก็จะแขวนไว้ใต้ชายคาระยะหนึ่งเพื่อให้เนื้อแห้ง...เนื้อที่ผ่านการหมักจะไม่เสียง่ายในฤดูหนาว และถ้าเก็บรักษาอย่างถูกต้องก็จะสามารถเก็บไว้ได้ประมาณสามปี...จึงเป็นที่นิยมมากในบางพื้นที่”

ซู่เป่า “……?”

เนื้อสามารถอยู่ได้ถึงสามปี?

มู่กุยฝานเอ่ยต่อ “ฆาตกรคนนี้คงจะเลียนแบบการหมักเนื้อ ใช้เกลือจำนวนมากพอกศพเอาไว้ ก่อนที่จะใช้ถุงพลาสติกมัดปิดเอาไว้”

น่าเสียดายที่นี่คือคน ไม่ใช่เนื้อ ไม่สามารถเอาศพมาแขวนไว้เพื่อตากแห้งได้

ดังนั้นไม่ว่าจะจัดการดีอย่างไร ก็ยังคงส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาอยู่ดี

“ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้ว จากการคาดคะเนช่วงเวลาการตายของผู้ตายน่าจะตายมาแล้วกว่าสองเดือน”

นานขนาดนี้ถึงส่งกลิ่นเหม็นเน่า จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าทักษะการหมักเนื้อของฆาตกรไม่เลวเลย

นักชันสูตรฝึกหัดอายุยังน้อยที่อยู่ด้านข้างนั้นเป็นผู้ช่วยของนักชันสูตร เมื่อได้ยินที่มู่กุยฝานพูด เขาก็รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เขาคงรู้สึกไม่ดีอย่างรุนแรงกับเนื้อหมักเสียแล้ว…..

มู่กุยฝานรอดูสถานการณ์ถึงแค่ตอนนี้ เขามองนาฬิกา จะตีห้าครึ่งแล้ว

“ไปกัน กลับบ้าน” เขาอุ้มซู่เป่าแล้วก้าวยาวออกไป

ตำรวจจราจรจะมาช่วงเจ็ดถึงแปดโมงที่ทุกคนไปทำงาน ถ้ายังไม่ไป เขาที่พาซู่เป่าขี่มอไซต์มานั้นจะถูกจับเอา

ท้องฟ้ากำลังจะสว่าง มอเตอร์ไซต์ของมู่กุยฝานแล่นไปตาถนน เสียงดังจนทำให้หลายคนหันมามอง

ด้านหน้าของมอเตอร์ไซต์มีร่างเล็กคดตัวอยู่ สวมหมวกกันน็อคสีชมพู ช่างแตกต่างกับรูปร่างสูงใหญ่ของคนขับ

มอเตอร์ไซต์จอดลงข้างทางไม่ไกลจากบ้านตระกูลซูมากนัก มู่กุยฝานโยนกุญแจรถให้กับลูกน้อง ก่อนที่จะพาซู่เป่ากลับกรงทองอย่างรวดเร็ว

ลูกน้อง “…….”

เขาเป็นได้แค่เครื่องมือที่ไม่มีความรู้สึกเท่านั้น

มู่กุยฝานมองกำแพง เตรียมที่จะพาซู่เป่าปีนกำแพงเข้าไป ตอนนี้เองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

เสียงหงุดหงิดของซูอีเฉินดังมาจากปลายสาย “ยังไม่กลับมาอีก?!”

มู่กุยฝาน “อ้อ ตอนนี้อยู่บนกำแพงแล้ว”

ซูอีเฉิน “……..”

มู่กุยฝานเอ่ย “นายบอกกับคุณนายไป ว่าพึ่งเห็นฉันพาซู่เป่าออกไปข้างนอก”

ซูอีเฉิน “…….”

เขาเหลือบมองคุณนายที่ตอนนี้หาซู่เป่าไม่เจอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตเดินมาทางเขา

เขาเอ่ยเสียงเบาเก็บกดความโมโหเอาไว้ “คุณนายเดินมาแล้ว”

พูดจบเขาก็ตัดสายทันที

มู่กุยฝานหลุบตาลง มองดูซู่เป่าที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วยใบหน้าตื่นเต้น

“ว้าว! สูงจังเลย!” เธอเอ่ยออกมาอย่างมีความสุข

มู่กุยฝานเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะทำเสียงชู่ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “เบาๆ หน่อย”

เขาอุ้มซู่เป่าแล้วกระโดดลงมาจากบนกำแพง

จากนั้นก็กำชับอีกฝ่าย “เด็กดี เดี๋ยวพวกเรามาเดินถอยหลังกัน”

ซู่เป่าสงสัย “ทำไมคะ?”

มู่กุยฝานเอ่ย “เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ถ้าเกิดว่ายายลูกถาม ลูกไม่ต้องพูดอะไรดูพ่อเฉยๆ”

ซู่เป่า “?”

แม้จะไม่เข้าใจ แต่เธอก็เรียนเรื่องไม่ดีกับพ่อไปตามเรื่องอยู่ดี

เมื่อเห็นพ่อเดินถอยหลัง เธอเองก็ทำตาม แต่ว่าเพราะยังไม่ชำนาญเท่าไหร่ มีหลายครั้งที่ต้องหันไปมองข้างหลัง แล้วก็เกือบล้มหน้าหงายอยู่หลายครั้ง

ตอนนี้เอง ก็ได้ยินเสียงโมโหดังขึ้นมา “มู่กุยฝาน!”

มู่กุยฝานอุ้มซู่เป่าขึ้นมา “ไปกัน!”

เขาอุ้มซู่เป่าแกล้งทำเป็นวิ่งไปด้านหน้า

คุณนายซูออกมาหาอยู่รอบนึง ก็เห็นเงาของมู่กุยฝานกับซู่เป่า เธอรู้ที่ไหนล่ะว่าทั้งสองคนกำลังแกล้งเดินถอยหลัง เห็นท่าทางคิดว่าทั้งสองคนจะแอบหนีออกไปข้างนอก

พอได้ยินเสียงเธอ มู่กุยฝานยังอุ้มซู่เป่าวิ่งไปข้างหน้าอีก

หญิงชราหยิบไม้กวาดวิ่งตามไปทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

มู่กุยฝานหันมาก่อนที่จะลูบจมูก “โอ้ย….โดนจับได้ซะแล้ว”

คุณนายซูคิ้วกระตุก เธอกัดฟันก่อนเอ่ยถาม “จะไปไหนกันตั้งแต่เช้า?”

ซู่เป่าเอ่ยออกมา “ที่สำคัญเลยก็คือ ข้างกายพี่สาวคนนี้พี่ผีอยากจะทำร้ายเขา ดังนั้นหนูเลยให้พ่อพาหนูออกไป”

เด็กน้อยไม่กลัวคุณยายจะโกรธ แม้เธอจะยังเด็กอยู่ก็รู้ว่าคุณยายนั้นเป็นห่วง

ดังนั้นเธอเลยพูดความจริงออกไป

คุณนายซูไม่รู้จะพูดอะไร เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ

“กินข้าวเถอะ!” เธอเอ่ยออกมาอย่างจนปัญญา

ตอนแรกซู่เป่าอยากจะเล่าต่อ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายไม่ถามต่อ เธอเลยอ้าปากพะงาบๆ

ซูอีเฉินเดินเข้ามาหาก่อนที่จะอุ้มเธอขึ้น “ขึ้นบ้านไปล้างหน้าแปรงฟันก่อน แล้วค่อยกินข้าว”

ซู่เป่าพยักหน้า “อืมๆ”

คุณนายซูบ่นออกมา “ทำผิดก็ต้องลงโทษ เมื่อคืนหลานคิดที่จะหนีออกไปคนเดียว เช้านี้ไม่มีหมั่นโถวให้กิน”

ซู่เป่าเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสาร “คุณยาย…..”

คุณยายซูชะงักงันไป “ไม่มีก็คือไม่มี มาเรียกยายก็ไม่มีผล”

ซู่เป่าซบหน้าลงบนไหล่ของซูอีเฉิน “ถ้าอย่างนั้นมีน้ำเต้าหู้ไหมคะ?”

คุณนายซูทำหน้าเคร่งขรึม “ไม่มี”

ซู่เป่า “เค้กล่ะคะ?”

คุณนายซู “ก็ไม่มี”

ซู่เป่า “……..”

เช้านี้ไม่มีอะไรกินแล้ว!

คุณนายซูที่มองใบหน้าที่น่าสงสารของหลานสาว เกือบจะใจอ่อน แต่ก็อดทนไว้ได้

ช่วงนี้ซู่เป่าชอบกินหมั่นโถวไส้นมมากที่สุด ช่วงเช้าเป็นเวลาที่หลานสาวไม่อยากจะพลาดเลย

ตะ……แต่จะใจอ่อนไม่ได้….

คุณนายซูเงยหน้า ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “ป้าอู๋ วันนี้ให้ซู่เป่ากินหมั่นโถวดอกไม้แทน”

ป้าอู๋ “?”

ที่คุณนายซูพูดเมื่อกี้เธอเองก็ได้ยินนะ

คุณนายซูเน้นย้ำ “หมั่นโถวดอกไม้นะ ไม่ใช่หมั่นโถวธรรมดา”

ป้าอู๋ “……..”

ก็ได้ ถ้าคุณเขาบอกไม่ใช่ก็ไม่ใช่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน