ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 331

ชายหนุ่มสารภาพขั้นตอนการฆ่าคน ฆ่ายังไง ดองศพยังไง

หลังเอาศพไปซ่อนไว้ในตู้ติดผนัง ก็ซื้อสเปรย์กำจัดแมลงสาบมาสองขวด บวกกับพัดลมที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่พัดทั้งวันทั้งคืน

ไม่ถึงสองวันก็มีผู้เช่ามาดูห้อง ตอนนั้นเขาขับรถไปทำลายหลักฐานที่ตัวอำเภออื่น เลยให้เพื่อนช่วยเอากุญแจไปให้...

ที่ทิ้งร้างแบบนี้ แม้เป็นคดีฆาตกรรมอย่างอำมหิตที่ไม่มีความซับซ้อนใดๆ แต่ก็ไม่มีใครพบเลยสักคน

ต่อไปก็เป็นคำบอกเล่าของผู้เช่าถานจื่อจวิน

“น่าจะช่วงเดือนมิถุนายนมั้งคะ ฉันมาเช่าห้องที่นี่...”

“เห็นข้อมูลการเช่าห้องในเน็ต วันนั้นอยู่ใกล้ๆ พอดี พอไปถึงชุมชนฉันก็โทรหาเจ้าของห้อง บอกว่าอยากดูห้อง”

สภาพแวดล้อมของชุมชนก็ดีทีเดียว เธอมองสำรวจอาคารทีหนึ่ง ส่วนหนึ่งอยู่ริมถนน เสียงดังมากๆ อีกส่วนหนึ่งอยู่ด้านใน จะเงียบสงบกว่า

“ฉันอยากดูว่าห้องนั้นอยู่อาคารไหน ถ้าอยู่ริมถนนฉันก็จะไม่ดูแล้ว...”

“วันนั้นเหมือนเจ้าของห้องยุ่งมาก น้ำเสียงที่คุยก็ดูหอบเหนื่อย ฉันถามข้อมูลห้องกับเขานิดหน่อย ว่าอยู่อาคารที่เท่าไรชั้นไหน มีระเบียงหรือเปล่า เจ้าของห้องเพียงแค่พูดอย่างรีบๆ ว่าห้องอยู่อาคารสอง ชั้นสิบเอ็ด อยู่ทางฝั่งนั้นของชุมชน มีระเบียง ไม่เสียงดังมาก...จากนั้นก็วางสายไปเลย...”

ตอนนี้ถานจื่อจวินนึกถึงขึ้นมาก็กลัวเป็นอย่างมาก คิดคำนวณเวลาดีๆ แล้ว นั่นไม่ใช่ตอนที่เจ้าของห้องกำลังฆ่าคนอยู่หรอกเหรอ

“เจ้าของห้องบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ในใจฉันคิดว่ามาก็มาแล้ว”

อันที่จริงถานจื่อจวินเองก็ไม่รู้ว่าคือห้องไหน ได้ยินเพียงเจ้าของห้องพูดแบบนั้น ก็เดินไปดูอาคารสองทีหนึ่ง

เป็นอาคารที่อยู่ด้านในสุดของชุมชนพอดี เงียบสงบเป็นอย่างมาก

เจ้าหน้าที่ได้ยินถึงตรงนี้ก็ถามขึ้นประโยคหนึ่ง “หลังจากนั้นคุณได้ขึ้นไปดูไหมครับ”

ถานจื่อจวินพยักหน้า “ไหนๆ ก็มาถึงใต้อาคารแล้ว เลยคิดว่าถ้าไม่ดูสักหน่อยก็คงมาเสียเที่ยว...ก็เลยอยากขึ้นไปดูว่าชั้นสิบเอ็ดเสียงดังหรือเปล่า”

แม้จะอดหลับอดนอนอยู่บ่อยๆ แต่การนอนของเธอย่ำแย่ หากรถสัญจรไปมาเสียงดังเกินไปจะทำให้เธอสะดุ้งตื่น

มีคนกำลังถือของลงมาด้วยความเร่งรีบพอดี ประตูรักษาความปลอดภัยของอาคารถูกเปิดออก เธอจึงฉวยโอกาสเข้าไปข้างใน

เมื่อเจ้าหน้าที่ฟังถึงตรงนี้ก็มองถานจื่อจวินทีหนึ่ง

คนทั่วไปเมื่อได้ยินว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ เข้าไปดูห้องไม่ได้ ส่วนมากก็เลือกที่จะจากไป

แต่ถานจื่อหลินดีเลย ไม่นึกว่าในสถานการณ์ที่ไม่มีคนพาไปดูก็ยังขึ้นไปอีก

แต่มีคนนิสัยประเภทนี้อยู่จริงๆ เป็นประเภทคิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ ไม่ได้ดูก็จะไม่สบายใจประเภทนั้น

“จากกล้องวงจรปิด ตอนที่คุณเข้าประตูอาคารไป คนที่เปิดประตูออกมาพอดีคือนาย ก. คุณพอจะจำเขาได้ไหมครับ” (*นายก. คือเจ้าของห้อง)

ทันใดนั้นสีหน้าของถานจื่อหลินก็ซีดลง

อะไรนะ...เป็นเจ้าของห้องพอดีงั้นเหรอ

เธอพูดขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน “ฉัน ฉันไม่ได้สนใจเท่าไร...”

ถานจื่อจวินคิดดีๆ อีกที “จำได้แค่ว่าเขาเหมือนรีบไปมากๆ ตอนเปิดประตูยังชนประตูทีหนึ่งด้วย”

เจ้าหน้าที่พยักหน้า “คุณลองคิดดีๆ อีกทีนะครับ แน่ใจไหมครับว่าเป็นเจ้าของห้องของคุณตอนนี้”

สีหน้าของถานจื่อจวินเริ่มซีด คิดไปคิดมาอยู่นานสองนานจึงส่ายหน้า “ฉันไม่แน่ใจค่ะ...”

สวนทางกันอย่างรีบเร่ง เธอไม่ได้สนใจจริงๆ

จากนั้นเธอก็ขึ้นไปยังชั้นสิบเอ็ด ถึงด้านที่หันไปทางชุมชนที่เจ้าของห้องบอกนั่นแล้ว ด้านนั้นมีสองห้อง เธอไม่รู้ว่าเป็นห้องไหน

“ฉันแค่เดินไปหยุดที่นอกทางเดินแป๊บหนึ่ง แล้วฟังเสียงจากด้านนอก เพื่อให้แน่ใจว่าตรงนี้ไม่ได้ยินเสียงแตรรถบนถนน...”

เธอพอใจห้องนั้นมาก เมื่อบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของห้องเอาไว้แล้วนัดมาดูห้องครั้งหน้าเสร็จก็จากไปเลย

หลังมู่กุยฝานให้ซู่เป่าฟังคำให้การของทั้งสองคนเสร็จ ก็ถามขึ้นว่า “เป็นยังไงบ้าง ได้อะไรบ้างไหม”

ซู่เป่ามองไปที่ผีสาว “เป็นยังไงบ้าง ได้อะไรบ้างไหม”

ผีสาวจ้องฆาตกร ทันใดนั้นก็ตามไป

มู่กุยฝานถามขึ้นอีกว่า “เธอว่ายังไงบ้าง”

ซู่เป่าชี้ไปที่ผีสาวที่กำลังลอยไป “เธอไปหาคุณลุงคนนั้นแล้ว! พ่อคะ เรารอพี่ผีสาวอยู่ที่นี่กันเถอะ!”

มู่กุยฝานลวดดึงเก้าอี้ออกมานั่งตัวหนึ่ง จากนั้นเทน้ำให้ซู่เป่าหนึ่งแก้ว แล้วหยิบบิสกิตบนโต๊ะของหัวหน้าคนหนึ่งมากองหนึ่ง

ราวกับเป็นบ้านของตัวเองอย่างนั้น...

“หนูแน่ใจเหรอว่าเธอจะกลับมา” มู่กุยฝานช่วยซู่เป่าแกะถุงบิสกิตไปพลางถามไปด้วย

ซู่เป่าพยักหน้า “ต้องกลับมาอยู่แล้ว”

ถานจื่อจวินยืนอยู่บนทางเดินตรงประตูพอดี เธอก็เลยลอยตามถานจื่อจวินออกไปทั้งอย่างนั้น...

“สองวันนั้นฉันตามถานจื่อจวินไปตามสัญชาตญาณ ฉันไม่ได้อยู่ตอนที่แฟนจัดการศพของฉัน...จนฉันกลับมาอีกครั้งก็เพราะตามพี่ถานจื่อจวินกลับมา เดิมจะหาศพของตัวเองได้ แต่กลับพบว่าถูกผนึกเอาไว้...”

เมื่อทั้งหมดมาถึงตรงนี้ความจริงก็ปรากฏอย่างชัดเจน

ถานจื่อจวินเองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าวันนั้นเพราะตัวเองบังเอิญไปยืนอยู่ตรงประตูห้อง 1102 ก็เลยถูกผีสาวตาม...

ระหว่างทางกลับไป มู่กุยฝานพูดขึ้นอย่างซาบซึ้ง “อย่างที่บรรพบุรุษว่าเอาไว้ว่าอย่ายืนดูอะไรส่งๆ คำนี้ท่าจะจริง...”

อย่างเช่นที่ใดที่หนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชน มีคนตายหลายคน

บางคนชอบร่วมมุงดูด้วยความสนุก ไม่แน่ว่าจะพาผีที่ตายเพราะอุบัติเหตุกลับบ้านมาด้วย

“เพราะเหตุผลนี้ใช่ไหม หืม” มู่กุยฝานถามขึ้น

แต่กลับพบว่าซู่เป่ากำลังพาดตัวอยู่ที่เบาะหลัง ในอ้อมอกกอดพนักพิงศีรษะเอาไว้ แล้วหลับไปทั้งอย่างนี้...

มู่กุยฝานที่ไม่ยอมคนอยู่เสมอ ขับรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถใกล้ๆ อย่างอ่อนโยนที่สุด

จากนั้นก็ไปอุ้มซู่เป่าที่เบาะหลังขึ้นมา แล้วกลับมาปรับเบาะที่นั่งข้างคนขับ

เขานั่งอย่างกึ่งนอนอยู่บนเบาะอย่างสบาย ส่วนซู่เป่ากลับพาดตัวอยู่บนอกของเขา...

สายตาของมู่กุยฝานแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเล็กน้อย ฝ่ามือกว้างลูบหลังของเจ้าเด็กน้อยเบาๆ

“นอนนะ...นักพรตน้อย”

ริมฝีปากของเขายกยิ้ม “นับวันพ่อยิ่งอยู่ใกล้ทางแห่งนักพรตแล้ว ต่อไปก็อยู่เป็นเพื่อนหนูได้แล้วนะ”

เพิ่งจะพูดจบ ทันใดนั้นบนถนนนอกลานจอดรถเส้นนั้นก็มีเสียงเบรกรถอย่างรุนแรงดังเอี๊ยดขึ้นเสียงหนึ่ง ต่อมาก็มีเสียงชนดังปังดังขึ้นมา

โครม!

มู่กุยฝานหันหน้าไปมองตามสัญชาตญาณ สุดท้ายก็เห็นคนที่ถูกชนจนกระเด็นลอยข้ามถนนมากระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถของเขาอย่างจัง

คนคนนั้นตายตาไม่หลับ เขาเบิกตาโพลง เลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด

มู่กุยฝานสบตากับเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาทั้งสองของผู้ตายสบกับดวงตาของเขาพอดี

นักพรตมู่ “...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน