เท้าคู่นั้นราวกับโกรธเป็นอย่างมาก แต่ที่แปลกคือยังไม่จากไปเช่นเดิม
ซู่เป่ามองรอยเท้าที่อยู่ด้านนอก แปลแล้วพูดขึ้นอีกว่า “ผีบอกว่าพ่อเองก็กลัว...”
“แล้วจะทำยังไงได้” มู่กุยฝานเลิกคิ้ว ทำท่าทางอวดดีไม่อยู่ในกรอบ
ก็แค่ไม่ออกไป ถ้ามันแน่จริงก็เข้ามาสิ
ซู่เป่ากระพริบตา มองพ่อทีมองผีที
“พ่อคะ พ่อเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ เลยนะ!”
มู่กุยฝาน “นี่ไม่ได้เรียกว่าเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ นี่เรียกว่ายุทธวิธีล่าถอย”
ซู่เป่าพยักหน้าอย่างตั้งใจ เข้าใจแล้ว กลัวไม่ได้เรียกว่ากลัว แต่เรียกว่ายุทธวิธีล่าถอย
พริบตาเดียวก็ฟังไม่เหมือนกันแล้ว!
“พ่อมีความรู้มากๆ!” เจ้าเด็กน้อยชมด้วยดวงตาที่เปล่งประกายปิ๊งๆ
จี้ฉางหมดคำพูดสุดๆ ถ้ามีใบประกาศนียบัตรของโรงเรียนอนุบาล ก็คงไม่ถูกหลอกจนน่าเวทนาแบบนั้น...
มุมปากของมู่กุยฝานกระตุกยิ้ม
มีเจ้าเด็กน้อยแสนน่ารักคนนี้ ช่างน่าสนุกจริงๆ
เขาถามขึ้นว่า “เด็กดี เป็นคนธรรมดาจะจับผีซ้อมผียังไงเหรอ”
ซู่เป่าคิดไปคิดมาก็พูดขึ้นว่า “อาศัยคุณธรรมในตัวค่ะ”
มู่กุยฝาน”...”
เขามีคุณธรรมไม่พองั้นเหรอ
แต่ว่าคิดๆ ดูแล้ว...
หลายปีก่อนหน้านี้เขาเป็นสายลับแฝงตัวอยู่ในองค์กรดำ เพื่อให้มีชีวิตรอดเขาใช้วิธีการไปไม่น้อย และเคยฆ่าคนมาก่อน
บางทีเขาอาจจะมีคุณธรรมไม่พอจริงๆ
มู่กุยฝานยิ้ม ไม่เป็นไรไม่พอก็ไม่พอ
เขาถามขึ้นว่า “งั้นถ้าไม่มีคุณธรรมล่ะ”
ซู่เป่าถูกทำให้ลำบากใจ เธอมองไปที่อาจารย์
จี้ฉางนิ่งเงียบไปชั่วครู่
มู่กุยฝานเป็นคนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หลายปีก่อนหน้าเขาเคยฆ่าคน เคยเปื้อนไอหยิน แต่สู้รบเพื่อประเทศชาติทั้งตัวจึงมีแสงสีทองเปล่งประกาย
คิดจะใช้เพียงแค่คุณธรรมปราบก็ยากอยู่จริงๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางเลย
“มีดฆ่าหมูของคนขายหมูเต็มไปด้วยจิตสังหาร เป็นอาวุธต้านสิ่งชั่วร้าย หลักการเดียวกัน พ่อของเจ้าฆ่า...ฆ่าศัตรูมานับไม่ถ้วน เขาสามารถเอาตัวเองเป็นอาวุธสังหารเล่มหนึ่งได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้การต้านผีฆ่าผีได้”
ทีแรกจี้ฉางจะพูดว่ามู่กุยฝานฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แต่ซู่เป่าอยู่ด้วยจึงเปลี่ยนคำพูด
“แต่อันนี้ยากมาก คนไม่เห็นแม้กระทั่งผี ยิ่งยากถ้าจะสัมผัสหรือฆ่า”
ที่ผีทำร้ายคนได้ ก็เพราะผู้คนหวาดกลัว จึงถูกผีกดหัวเอาไว้
และเพราะหวาดหวั่นว่าจะดับไฟหยางของตน ดวงไม่แข็งพอเป็นต้น จึงถูกผีเล่นงานได้สำเร็จ
“โดยปกติแล้ว หากไฟหยางสามดวงบนตัวคนไม่ดับ และไม่กลัวผีละก็ ผีกับคนก็ไม่แตกต่างอะไรกัน เห็นผีก็เท่ากับเจอคนคนหนึ่งที่ผ่านมา”
ผีเก่งกาจกว่าคน ผีทำร้ายคน
คนเก่งกาจกว่าผี คนกดผี
ซู่เป่าถ่ายทอดคำของอาจารย์ออกมาอย่างไม่ตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว
นัยน์ตาของมู่กุยฝานประกายความประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ก็เท่ากับว่ายังสามารถทำได้!
เขาไม่กลัวว่าจะยาก กลัวเพียงแค่ไร้ทางหนีทีไล่!
“ดูให้ดีนะ เด็กดี!”
มู่กุยฝานก้มลงเล็กน้อย ราวกับกระบี่อันคมกริบที่สั่งสมพลังพร้อมปล่อย
รอยเท้าที่อยู่ด้านนอกราวกับระแวดระวัง ถอยหลังไปอีกครึ่งก้าว
มู่กุยฝานยิ้มเล็กน้อย “อย่ากลัวสิ”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็ออกไปราวกับกระบี่อันคมกริบที่ห้ำหั่น
นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายออกมา เผยให้เห็นจิตสังหาร แล้วตวัดเท้าออกไปข้างหนึ่งอย่างเร่งรีบ
ใต้เท้ายังคงรู้สึกถึงความว่างเปล่า มู่กุยฝานรู้ว่าตัวเองยังคงสัมผัสถึงสิ่งใดไม่ได้
เมื่อโจมตีเขาก็ถอยออกทันที
ผียังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมา ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกเตะทีหนึ่ง มันราวกับตกใจจึงถอยหลังสองสามก้าวอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายเห็นมู่กุยฝานเร็วกว่ามัน เขา “หนี” ไปก่อนแล้ว...
ดูเหมือนว่ามันจะเคียดแค้นและโกรธจัด จึงรีบตามไปสองสามก้าวจนถึงประตู แต่เห็นจี้ฉางกับซู่เป่าที่อยู่ในห้อง จึงรีบหยุดฝีเท้า
ซู่เป่ากระพริบตา เบือนหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “พ่อคะ ผีบอกว่าแน่จริงพ่อก็มาอีกรอบสิ”
มุมปากของผีดวงซวยกระตุกทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ซู่เป่า แบบนี้จะดีจริงๆ เหรอ”
ซู่เป่ากระพริบตา “คุณลุงผีดวงซวย ลุงไม่ชอบเหรอ”
ผีดวงซวยเหยียบรอยเท้าคู่นั้นอย่างแรงสองสามที ขณะนี้เองถึงพูดขึ้นอย่างเงียบๆ ว่า “ชอบสิๆ!”
รองเท้าหนังที่ยมบาลน้อยให้ คุณกล้าบอกว่าไม่ชอบเหรอ
แต่ก็ยังดีที่เขาเป็นผีร้าย ต่อให้รอยเท้าคู่นี้จะเก่งกาจอีกแค่ไหนก็เป็นแค่ผีธรรมดาๆ ตนหนึ่ง จะทำอะไรเขาได้
หลังจากถูกเขาเหยียบไปอย่างแรงสองสามทีก็นิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะนี้รอยเท้าคู่นั้นก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตัวเองจะมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ถูกแยกออกจากเจ้าของ ทีแรกคิดว่าจะหาร่างสิงสักร่างแล้ว ‘มีชีวิต’ ต่อไป
สุดท้ายต้องกลายเป็น ‘รองเท้าหนัง’ ของผีตนอื่น...
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่สู้ถูกมู่กุยฝานซ้อมให้ตายไปเลยดีกว่า!
ผีดวงซวยเผยรอยยิ้ม “มีอะไรอยากให้ฉันทำอีกไหม”
ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่มีแล้วค่ะ ขอบคุณลุงผีดวงซวยด้วยนะคะ!”
ผีดวงซวยได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ “ไม่ต้องขอบคุณๆ!”
หลังจากยืนยันว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เขาถึงกลับไปเล่นไพ่นกกระจอกต่อ
มู่กุยฝานยืนอยู่ที่เดิม ความเกลียดชังบนตัวยังไม่ทันได้จัดการทั้งหมด
วินาทีต่อมาเจ้าตัวจิ๋วแสนน่ารักก็โผลเข้ามาในอ้อมอกของเขา แล้วกอดต้นขาของเขาเอาไว้แน่น พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “พ่อคะ! พ่อซ้อมผีตนนั้นได้ด้วย เก่งมากๆ!”
ดวงตาทั้งคู่ของเจ้าเด็กน้อยเปล่งประกายปิ๊งๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาของการชื่นชมอย่างจริงใจ
มู่กุยฝานตะลึงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่งก่อนจะยื่นมือออกมาลูบศีรษะน้อยๆ ของซู่เป่า
ทันใดนั้นความเกลียดชังบนตัวเขาก็ถูกซ่อนไปในทันทีเช่นกัน
มู่กุยฝานพูดขึ้นว่า “พ่อเก่งไปหมดทุกอย่างเลยใช่ไหม”
ซู่เป่า “อืมๆๆ! พ่อเก่งไปหมดทุกอย่างเลย! เก่งกาจสุดๆ เก่งกว่าอุลตร้าแมนอีก!”
มู่กุยฝานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นอุ้มซู่เป่าขึ้น “ไป ลงไปกินข้าวกัน คุณยายของหนูต้องทำหมั่นโถวกับน้ำเต้าหู้เอาไว้ให้หนูแน่ๆ”
เขาอุ้มซู่เป่าลงไปชั้นล่าง
จี้ฉางมองเงาด้านหลังของมู่กุยฝานอยู่นานสองนานโดยไม่พูดอะไร
คนในครอบครัวข้างกายยมบาลน้อย...เป็นคนในครอบครัวธรรมดาทั่วไปจริงๆ เหรอ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...