ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 371

ซูจื่อซีกลัวว่าเขาจะไม่ได้พบกับซู่เป่า ไม่เจอพ่อพี่น้องปู่ย่าลุงกับอาของเขาอีก...

เขาพบว่าตัวเองตัดใจไม่ได้ แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าในบ้านตระกูลซู นกแก้วน่าหนวกหูตัวนั้น แล้วไหนจะเจ้ากระดิ่งที่เพิ่งมาใหม่อีก เขาทำใจจากไปไม่ได้

เมื่อเห็นซูจื่อซีร้องไห้โฮ ซู่เป่าก็ปลอบเขาว่า “ไม่เป็นไรนะ นี่พี่ก็กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ ?”

จี้ฉางถามขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “คนที่ขอให้เจ้าเขียนชื่อเป็นใคร? เจ้าเห็นหน้าตาของเขาชัดไหม?”

ซูจื่อซีไม่รู้เลยว่ามี “ผี” ลอยอยู่ข้าง ๆ ตัวเขา!

เขาตกใจจนม่านตาหด อัตราการเต้นของหัวใจของเขาบนจอเครื่องวัดชีพจรก็พุ่งสูงถึง 120

เครื่องส่งเสียงร้องเตือน...

ซูเหอเวิ่นตะลึง “พี่รองเป็นอะไรไป?”

เห็นผีเหรอ?

พยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็ว ตรวจสอบเครื่องวัดชีพจรแล้วก็เริ่มไล่คนออกไป “ผู้ป่วยเพิ่งผ่าตัดเสร็จต้องพักผ่อน ญาติออกไปก่อนนะคะ!”

ซูอีเฉินและคนอื่น ๆ พยักหน้ารับหลังจากพูดกับนายหญิงซูอีกสองสามคำก็ทยอยกันออกไป

นายหญิงซูกับซูจื่อหลินเฝ้ามาทั้งวันทั้งคืนแล้ว คนอื่น ๆ ก็ยังต้องทำงาน สุดท้ายเลยเหลืออาเนี่ย ซูเยว่เฟยที่กำลังพักร้อนกับซู่เป่าอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล

ซูเยว่เฟยไปส่งคนอื่น ๆ ในห้องผู้ป่วยจึงเหลือแค่ซู่เป่าและจี้ฉาง

ซู่เป่าแนะนำให้รู้จัก “พี่ค่ะ นี่คือท่านอาจารย์ของหนู!”

ซูจื่อซี “...”

เขานึกออกแล้ว ซู่เป่าเคยพูดถึงท่านอาจารย์ของเธอ หลายครั้งที่เห็นเธอคุยคนเดียวก็คือกำลังคุยกับท่านอาจารย์อยู่

อันที่จริงรูปลักษณ์ของจี้ฉางนับได้ว่าหล่อเหลามาก ดวงตาของเขาเรียวยาว สันจมูกสูงโด่งและใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบมาก...น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของซูจื่อซีเลย เขาเห็นเพียงว่า ‘เขาเป็นผี’

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีผิวที่ขาวซีดจางและริมฝีปากที่เป็นสีแดงซึ่งตัดกันมากยิ่งทำให้ซูจื่อซีรู้สึกหลอนมากขึ้นกว่าเดิม

จี้ฉางยังคงถามต่อไปว่า “คนที่ขอให้เจ้าเขียนชื่อตัวเองคนนั้น เจ้ายังจำได้อยู่หรือไม่?”

ซูจื่อซีส่ายหัวเล็กน้อยพูดว่า “ผมจำไม่ได้แล้ว”

จี้ฉางถามว่า “สูงเตี้ยอ้วนผอมผู้ชายหรือผู้หญิงก็จำไม่ได้เลยหรือ?”

ซูจื่อซีตอบว่าอืม

จี้ฉางรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ต่อให้วิญญาณที่จิตหลุดไปที่โลกใต้พิภพ ก็ไม่มีใครไปนั่งดักที่ปากทางให้เขียนชื่อ ถ้าเขียนชื่อที่ข้างล่างนั่นแล้วต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

คน ๆ นั้นเป็นใครกันแน่?

จี้ฉางถามต่อ “เจ้าเห็นอะไรอีกบ้าง?”

ซูจื่อซีคิดอยู่พักหนึ่งก่อนพูดเบา ๆ ว่า “ผมเห็นซู่เป่าด้วย...”

ซู่เป่าตกตะลึง เธอร้องว้าว “หนูก็ไปที่ปรโลกด้วยเหรอ ?”

ซูจื่อซีส่ายหัวแล้วพูดว่า “พี่ไม่รู้เหมือนกัน พี่เข้าไปในห้องโถง แล้วก็เห็นว่าในห้องโถงนั้นมีรูปปั้นอยู่เต็มไปหมด”

“ยมทูตหัวม้าหัววัว ยมทูตขาวดำ...แล้วก็มีขุนพลราชาผี ยมทูตปากนก ยมทูตหางเสือดาว ยมทูตเหงือกปลา ยมทูตตัวต่อ”

จี้ฉางประหลาดใจ “เจ้ารู้จักพวกเขาด้วยหรือ?”

ซูจื่อซีก็รู้สึกว่ามันแปลกมากเช่นกัน “ผมก็ไม่รู้ว่าผมรู้จักได้ไงเหมือนกัน...”

เขาอยากจะบอกว่าบางทีอาจเป็นเพราะเขาเล่นเกมมากไป และสิ่งเหล่านี้ก็ติดอยู่ในจิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว?

แต่พอลองคิดดูแล้ว เขาไม่เคยเล่นเกมที่มีตัวละครประเภทนี้เลย

สีหน้าของจี้ฉางเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ “เล่าต่อไปสิ”

หลังจากหยุดพักผ่อนซูจื่อซีก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จากนั้นผมก็มาที่หน้าสุดของห้องโถงถึงได้เห็นว่ามีป้ายเขียนว่าวังยมบาลแขวนอยู่ บนนั้นมีโต๊ะขนาดใหญ่กับบัลลังก์ของยมบาลและซู่เป่าก็นั่งอยู่บนบัลลังก์”

“น้องบอกว่าผมว่ามาที่นี่ไม่ได้แล้วน้องก็ตบผม แล้วผมก็ตื่นขึ้นมานี่แหละ”

ใบหน้าของซู่เป่าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอนั่งอยู่บนบัลลังก์ของยมบาลงั้นเหรอ?

เจ้าตัวเล็กหรอกไม่รู้ว่าตัวเองคือยมบาล เพียงแต่รู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมาก

จี้ฉางพึมพำ “ฟังจากที่เจ้าอธิบายมา เจ้าคงลงไปแล้วแน่ ๆ มันน่าช่างแปลกเสียจริง”

โดยทั่วไปแล้วคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่างอย่างมากก็จะพเนจรไปในโลกโลกมนุษย์ เมื่อไหร่ที่ฟื้นขึ้นมาก็คือเวลาที่วิญญาณกลับเข้าร่าง

แทบจะไม่มีวิญญาณใดสามารถกลับมาได้หลังจากไปที่ปรโลกแล้ว แล้วซูจื่อซียังไปที่วังยมบาลมาด้วย

ในโลกใต้พิภพมียมบาลสิบองค์ แต่ละองค์รับผิดชอบพื้นที่ของตัวเอง พญายมเป็นผู้จัดการความเป็นความตายและก็เป็นใหญ่ในบรรดายมบาลทั้งสิบ

หลังจากซู่เป่าขึ้นมาเกิด ‘ธุรการ’ ของวังพญายมก็ถูกแจกจ่ายไปยังวังยมบาลอื่น ๆ มีเพียงบริวารบางคนเท่านั้นที่ทำ ‘บำรุงรักษารายวัน’ ตัวอย่างเช่นเขาที่มักต้องไปประชุมที่แต่ละวังบ่อย ๆ

ตอนนี้ในวังยมบาลมีแต่รูปปั้นตั้งอยู่

ซูจื่อซีเอ่ยถามว่า “ถ้าอย่างนั้นผมเป็นอะไรกันแน่?”

จี้ฉางอธิบายว่า “ภายใต้บัลลังก์เหยียนหลัวหวังมีมียมทูตสิบองค์ก็คือยมทูตหัวม้าหัววัว ยมทูตขาวดำแล้วก็มีขุนพลราชาผี ยมทูตปากนก ยมทูตหางเสือดาว ยมทูตเหงือกปลา ยมทูตตัวต่อ” สิ่งที่เจ้าเห็นก็คือรูปที่ตั้งปั้นในท้องพระโรง”

เทพประจำเมือง... เทพประจำเมืองแต่ละเมืองก็ยังอยู่ครบ แม่ทัพและทหารผีก็ยังเฝ้าอยู่ข้างล่าง

ยมทูตหางเสือดาว ยมทูตปากนก ยมทูตเหงือกปลา...จี้ฉางเหมือนนึกอะไรได้ มุมปากของเขากระตุก

“ช่างเถอะ” จี้ฉางนวดคลึงหัวคิ้ว “ต่อให้ข้าพูดไปตอนนี้พวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”

ซู่เป่ากลอกตา

โอเค พูดแบบนี้อีกแล้ว

ประโยคนี้มันต่างกับ “เป็นเด็กอย่าถามมาก” ตรงไหน

แต่ซูจื่อซีกลับเข้าใจ เขาพูดขึ้นมาอย่างกระทันหันว่า “หมายความว่าผม...ผ... ผม ผมเป็นหนึ่งในสมุนของยมบาลงั้นเหรอ?”

เขาเบิกตากว้าง

ว้าว เจ๋งสุดยอดไปเลย!

เริดมาก!

เกมยมโลกแบบนี้ต้องสนุกกว่าเกมมือถือแน่ ๆ เลย

ไม่ต้องกังวลว่าโดนสาว ๆ ในโลกออนไลน์มาหลงรัก!...

“ผมต้องเป็นขุนพลราชาผีแน่เลย!” ซูจื่อซีพูดอย่างภาคภูมิใจ เขารู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาไม่ได้เจ็บขนาดนั้นแล้ว

ในตอนกลางคืนที่เงียบงันเขามักจะครุ่นคิดว่าจุดประสงค์ที่เขามายังโลกใบนี้คืออะไรและภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จของเขาคืออะไร

ดูสิ ก็นี่ไม่ใช่หรือไง!

จี้ฉางมีเส้นดำขึ้นเต็มหน้าผาก “นี่ ๆ...”

ซูจื่อซีมีความสุข “นี่น้อง พี่จะต้องเป็นขุนพลราชาผีแน่เลย หากว่าในอนาคตน้องตายและลงไปที่ปรโลกพี่จะคุ้มครองน้องเอง!”

ซู่เป่ามีความสุข “อืม...!”

จี้ฉาง “นี่ ๆ...”

ดวงตาของซูจื่อซีเปล่งประกาย “ในอนาคตรอให้พี่ลงไปก่อน แล้วพี่จะไปใช้เส้นสายขอให้ท่านยมบาลยกตำแหน่งให้น้องสักตำแหน่ง แล้วน้องก็ค่อยตาย!”

ซู่เป่ามีความสุข “อืม ๆ !!”

จี้ฉาง “...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน