ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 372

ซูจื่อซีพูดคุยกับซู่เป่าเกี่ยวกับอนาคตหลังจากที่เขาเสียชีวิต

มุมปากของจี้ฉางกระตุกอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็พูดแทรกไม่ทันสักที

ลูกน้องใครช่างกล้าหาญขนาดนี้นะ กล้าพูดว่าจะคุ้มครองท่านยมบาล

อ๋อ เป็นลูกน้องของท่านยมบาลเอง งั้นก็ไม่เป็นไร

จี้ฉางเหนื่อยใจเป็นที่สุด เขาลอยตัวขึ้นและพูดว่า “อาจารย์จะลงลงไปสืบว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร ซู่เป่าช่วงนี้เจ้าก็ระวังตัวเองให้ดีนะ ทำอะไรก็อย่าหุนหันพลันแล่น หากมีเหตุฉุกเฉิน เจ้าก็เผากระดาษยันต์ที่มีชื่ออาจารย์เขียนไว้ แล้วอาจารย์จะรีบมาเอง”

มีคนกักตัวซูจื่อซีไว้แล้วให้เขาเขียนชื่อตัวเอง เรื่องนี้แปลกมาก จี้ฉางรู้สึกว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติเขาต้องไปสืบให้ชัด

ซู่เป่าและซูจื่อซีกำลังคุยกันเพลิน ๆ จึงโบกมือให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ “อืม ๆ ท่านอาจารย์ บ๊ายบาย!”

จี้ฉาง “...” เด็กใจร้าย

เขาพึมพำและหายตัวไป

หลังจากความตื่นเต้นหายไปซูจื่อซีก็รู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างรวดเร็วและค่อย ๆ หลับไป

ซู่เป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง และเฝ้าดูเขาอย่างรับผิดชอบในน่าที่

ทันทีที่ซูเยว่เฟยเข้ามาเขาก็เห็นเจ้าเล็กนั่งเงียบ ๆ เอามือวางบนเข่า ตั้งเท้าไว้บนเก้าอี้รองเท้า จ้องมองไปที่ซูจื่อซีโดยไม่กระพริบตา

เธอยังเด็กแต่มีความรับผิดชอบ

เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอบอุ่น “ซู่เป่าเหนื่อยหรือยังคะ? อยากกลับไปนอนสักพักไหมหน่อย?”

ซู่เป่าไม่ค่อยได้เห็นลุงสามเท่าไหร่ เธอมองเขาด้วยความทั้งคุ้นเคยทั้งห่างเหิน เธอถามเขาด้วยความสงสัย

“ลุงสามวันนี้ลุงไม่ต้องบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหรอคะ”

ซูเยว่เฟยสุภาพอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยน “วันนี้ไม่บินครับ ลุงจะพักผ่อนจนถึงก่อนที่พวกหนูจะเปิดเทอม”

ซู่เป่าเข้าใจทันที “แล้วเครื่องบินลำใหญ่ก็พักผ่อนด้วยหรือเปล่าคะ?”

ซูเยว่เฟยยิ้มมุมปาก “เครื่องบินลำใหญ่ไม่พักผ่อนครับ มีคนอื่นขับแทน”

ซู่เป่าส่ายหัว “เครื่องบินลำใหญ่คงเหนื่อยแย่เลย”

ซูเยว่เฟยยิ้ม “เครื่องบินลำใหญ่จะได้รับการซ่อมแซมด้วย ไม่ต้องกังวล!”

ซู่เป่าเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเครื่องบินต้องซ่อมแซมด้วย แถมซ่อมทุกวันอีกต่างหาก

เธอถามคำถามมากมายกับซูเยว่เฟยด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าผ่านนานแค่ไหนก่อนที่เธอจะหลับไป

แป๊บเดียวก็ผ่านไปเป็นเวลาสามวัน

ซูจื่อซีพ้นช่วงสังเกตอาการแล้ว ตอนแรกว่าจะย้ายไปโรงพยาบาลเอกชน แต่อยู่ไปก็คุ้นเคยกับที่นี่แล้ว ซูจื่อซีบอกว่าไม่อยากย้ายให้วุ่นวาย

นายน้อยซูจื่อซีที่กินหรูอยู่สบายมาโดยตลอด หลังจากเข้าโรงพยาบาลคราวนี้เขาก็ติดดินมากขึ้น

ตื่นเช้ามาก็กินโจ๊กข้าวฟ่างกับผักกาดฮ่องเต้สีเขียวขจี เปิดวิทยุฟังข่าว

หลังจากกินเสร็จก็ลงจากเตียงไปเดินเล่น ถึงจะไม่ได้ถึงขั้นไปนั่งคุยสับเพเหระกับญาติผู้ป่วยในโถงทางเดิน แต่ก็ยอมนั่งฟังว่าคนอื่นเขาคุยอะไรกันบ้าง

ไม่มีใครรู้หลังจากที่ซูจื่อซีรู้ว่าเขาเป็น “ผู้ขุนพลราชาผี”... เขาก็เริ่ม ‘สังเกตความเป็นอยู่ของประชาชน’ และ ‘ทำความเข้าใจความยากลำบากของประชาชน'!

เขาต้องพยายามให้มากเพื่อจะได้ลงไปเป็นกองหนุนให้น้องสาว!

น้องสาวของเขาจับผีเป็นด้วย เธอต้องมีตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

เดี๋ยวก่อนทำไมตอนที่เขาเดินทางไปที่วังยมบาลแบบไปเช้าเย็นกลับน้องสาวของเขาถึงนั่งอยู่บนบัลลังก์ของเหยียนหลัวหวังได้ล่ะ?

ซูจื่อซีตกตะลึง เป็นไปได้ไหมว่าน้องสาวของฉันจะ...เป็นยมบาล???

ซูจื่อซีตกตะลึงกับความคิดของตัวเอง เป็นไปไม่ได้ ๆ... ยมบาลจะน่ารักเหมือนซู่เป่าได้ไง?

น่ารักละมุนละไม

แถมขี้อ้อนด้วย

เขาต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ...

**

ในขณะที่ซูจื่อซีพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลซู่เป่ากับหานหานก็กำลังเตรียมตัวสำหรับการเปิดเทอม

วันนี้ตอนเช้านายหญิงซูได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง

“ก็ได้ พรุ่งนี้เช้า 10 โมงเช้า... ส่งมาเยอะ ๆ หน่อยนะ โตสุดเป็นเด็กชายอายุเก้าขวบ ที่อายุน้อยที่สุดเป็นเด็กหญิงอายุสี่ขวบ”

ซู่เป่าถามด้วยความสงสัย “คุณยายคะ ใครเหรอคะ?”

นายหญิงซู “เป็นร้านเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่งน่ะ พวกหนูใกล้จะเปิดเทอมกันแล้ว คุณยายจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกหนูหน่อย “

คนรวยบางคนชอบไปรูดบัตรตามร้านแบรนด์เนมต่าง ๆ และซื้อของโดยไม่กระพริบตา...

แต่ก็มีคนแบบนายหญิงซูที่ไม่ชอบการเดินช็อปปิ้งอยู่มากเหมือนกัน พวกเขาจะชอบการบริการแบบถึงบ้านมากกว่า

พวกแบรนด์หรูต่าง ๆ ก็จะมีรายชื่อลูกค้าของตัวเอง และทุกไตรมาศเมื่อถึงเวลาออกผลิตภัณฑ์ใหม่พวกเขาจะติดต่อลูกค้าเป็นอันดับแรก และส่งเสื้อผ้าไปให้เลือกถึงบ้าน

เมื่อผู้จัดการฝ่ายขายของแบรนด์เนมแบรนด์หนึ่งโทรมาหานายหญิงซู ท่านถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เด็ก ๆ แล้ว

ซูเยว่เฟยสวมชุดอยู่บ้านสบาย ๆ และเดินออกจากห้องทานอาหารพร้อมกับกาแฟหนึ่งแก้ว “เดี๋ยวผมจะพาพวกซู่เป่าไปเที่ยวหน่อยนะครับ เมื่อวานซู่เป่าบอกว่าอยากไปสวนสนุก”

ซู่เป่า “...”

ซูเหอเวิ่น “...”

หานหานจ้องไปที่เสี่ยวอู่ “เสี่ยวอู่! ฉันจะจับแกย่างซะ!”

ซู่เป่าขู่ว่า “จะถอนขนเสี่ยวอู่ ให้เสี่ยวอู่เป็นนกหัวล้าน!”

เสี่ยวอู่เงียบไปทันที มันทำหน้าไร้เดียงสา

มันทำไม? มันไม่ได้พูดอะไรผิดนะ!

ซูจื่อหลินพยายามจะยึดมั่นในหลักการของตัวเอง บอกให้พวกซู่เป่าไปกันแต่ตัวเอง

แต่เขากลับเห็นซู่เป่ากะพริบตาปริบ ๆ ทำหน้าตาวิงวอน “ลุงรอง ได้โปรดเถอะนะคะ!”

ซูจื่อหลิน “...”

ในที่สุดหานหานก็วิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งราวกับสุนัขฮัสกี้ที่เชือกจุงหลุด ตามพวกซู่เป่ากับซูเหอเวิ่นไปขึ้นรถ ออกเดินทางไปยังสวนสนุก!

ซูจื่อหลินรู้สึกหน้าชาเล็กน้อย...

เสี่ยวอู่เกาะติดหน้าต่างมองรถที่แล่นออกไปไกล ๆ ดวงตาของถั่วเขียวน้อยเศร้าโศก “ฉันไม่ใช่ที่รักของเธออีกต่อไปแล้ว เธอบอกว่าเธอจะถอนขนฉัน ความรักลึกซึ้งที่เคยมีให้บัดนี้เอาไปป้อนแมวกินหมดแล้ว”

กระดิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืดก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ

อีกก้าว

เสี่ยวอู่ไม่รู้ตัวมันยังร้องเพลงด้วยความเศร้า

ในขณะนี้เหมือนมีสายฟ้าฟาดผ่านไป!

เสี่ยวอู่ร้องกร๊ากพร้อมบินขึ้นไป แต่ถูกกระดิ่งตะปบด้วยกรงเล็บ เหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าของมัน!

เสี่ยวอู่ “มันจบแล้ว! ตายแน่แล้ว!”

กรงเล็บของกระดิ่งจับเสี่ยวอู่ไว้ดวงตาของมันเย็นชา

มันคิดว่าเจ้านกตัวนี้กำลังดูถูกมันอยู่

ยังไม่แน่ใจ ขอลองดูอีกครั้ง

เสี่ยวอู่เป็นนกที่มีใจยืดหยุ่น “พี่ใหญ่ ๆ ยินดีต้อนรับ ขอบคุณที่มาหาฉันนะ! กินข้าวหรือยังครับพี่”

สายตากระดิ่งเผยให้เห็นแววอาฆาต มันอ้าปากกว้าง ๆ แล้วงับหัวนกแก้วเข้าอย่างจัง!...

เสี่ยวอู่ “!!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน