หม่าหลินไม่พอใจ เธอจ่ายไปตั้งห้าแสนเพื่อวันนี้จนเงินเก็บทั้งหมดไม่เหลือ
ความล้มเหลวก็เป็นเช่นนั้น ไม่สู้ลองพนันดูสักตั้ง
หม่าหลินกัดฟันแล้วทำเป็นล้มใส่ซูเยว่เฟยด้วยทักษะการแสดงที่ยอดแย่ จากนั้นคว้าที่หลังของซูเยว่เฟย... แล้วถือโอกาสแปะยันต์เสน่ห์
เสี่ยวอู่ตกตะลึง “รู้สึกช็อค ผู้หญิงคนหนึ่งกล้าทำเรื่องแบบนี้กลางวันแสกๆ มันเป็นเพราะความผิดเพี้ยนของธรรมชาติมนุษย์หรือเพราะขาดศีลธรรม ผู้ชายเห็นแล้วเงียบ ผู้หญิงเห็นแล้วน้ำตาไหล ไม่หันกลับไม่ใช่คนประเทศหลง”
ทุกคน “...”
หม่าหลินตกใจกับประโยคนั้นของเสี่ยวอู่จนหัวใจแทบจะถลนออกมา เธอมองไม่เห็นยันต์เผาไหม้และตอนเธอกำลังรีบ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ายันต์เสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในมือหายไปแล้ว
สำเร็จแล้ว
หม่าหลินถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอไม่กลัวว่าคนอื่นจะพูดยังไงอีกต่อไปแล้ว
แม้กระทั่งนึกถึงชายผู้อ่อนโยนและสง่างามที่อยู่ตรงหน้ากำลังจะไล่ตามเธอ หัวใจของหม่าหลินก็เกือบหยุดเต้น
“ห๊า... ขอโทษค่ะ” หม่าหลินเงยหน้าและมองไปที่ซูเยว่เฟยด้วยสีหน้าแสร้งทำเป็นขอโทษ
ซู่เป่าและมู่กุยฝานที่เห็นเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้น “...”
พ่อลูกมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
แม้ว่ามู่กุยฝานจะมองไม่เห็นเปลวไฟของยันต์ที่ถูกเผาไหม้ แต่เขามองเห็นยันต์หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่มันถูกแปะ
นี่เล่นดาบใหญ่ต่อหน้ากวนอู เล่นขวานใหญ่ที่หน้าประตูของหลู่ปันและจับผีเฮี้ยนต่อหน้าพญายมเหรอ
ลุงพี่สามของเขาคนนี้ไม่ไหวจริงๆ แค่นี้ก็ให้คนล้มโดนตัวเองได้
ถ้าเป็นเขาละก็ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางเข้าใกล้เขาได้ภายในระยะสามก้าวอย่างแน่นอน
ซู่เป่ากำลังอยากจะดึงยันต์ออก แต่ทันใดนั้นมู่กุยฝานกลับห้ามไว้และพูดเสียงต่ำว่า “ลูกรัก อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
สีหน้าของซู่เป่าเต็มไปด้วยความงุนงง แต่ก็ดึงมือกลับมา
ลุงสามซูเยว่เฟยที่สับสนอยู่ตลอดเวลา “?”
เกิดอะไรขึ้น ทำไมรู้สึกอ่อนแรง โลกรอบตัวก็ดูแปลกไปเล็กน้อยและผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็ดูสวยขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของเธอ เขาแทบอยากจะพุ่งเข้าไปปลอบใจเธอ
ลุงสามฝืนทน จากนั้นก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว... แล้วยืนอยู่ข้างหลังซู่เป่า
เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นต้องมีปีศาจแน่นอน เขาไม่ได้ขี้ขลาด แต่หลีกเลี่ยงอันตรายอย่างเร่งด่วน
หม่าหลินผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าซูเยว่เฟยจะรีบแก้ต่างให้เธอ...
แต่ไม่เป็นไร คงต้องใช้เวลากว่ายันต์เสน่ห์จะมีผล ยังไงซะถ้าซูเยว่เฟยต้องการตามหาเธอ เขาต้องหาข้อมูลการติดต่อของเธอได้แน่
เธอแค่ต้องกลับไปรอก็พอแล้ว
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วหม่าหลินก็ขอโทษนายหญิงซูด้วยรอยยิ้มจางๆ “ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ ที่ทำให้พวกคุณต้องยุ่งยาก... ฉันจะกลับไปจัดการกับบาดแผลด้วยตัวเอง ขอโทษอีกครั้งค่ะ...”
เธอพูดจบและจากไปจริงๆ
อาเนี่ยเพิ่งเจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก เขารู้สึกแปลกๆ และเดาไม่ออกเลยว่าหม่าหลินคนนี้ยังไงกันแน่ แต่เขาก็ไปส่งเธอ
นายหญิงซูยิ่งคิดยิ่งไม่กระจ่าง “แปลกจัง ฉันเข้าใจผิดเหรอ...”
เมื่อสักครู่ดูเหมือนหม่าหลินจะจงใจล้ม แต่ดูจากปฏิกิริยาภายหลังของเธอกลับดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
เธอไม่ได้ถือโอกาสดึงดูดความสนใจของซูเยว่เฟยและไม่หาข้ออ้างอยู่ต่อ
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนทานเต้าหู้ ทานเสร็จแล้วหนีเหรอ
นายหญิงซูมองซูเยว่เฟยอย่างประหลาด
ซูเยว่เฟย “...”
เขาไม่ปกติ ไม่ปกติมากๆ
เขาอยากจะพุ่งออกไปรั้งหม่าหลินไว้เหรอ
อีกด้าน มู่กุยฝานจับซูเยว่เฟย “ไปซะ ลุงพี่สาม”
ซู่เป่าดึงขากางเกงของลุงสาม “ไปซะ ลุงสาม”
สีหน้าของซูเยว่เฟยเต็มไปด้วยความสับสน “พวกเธอ หมายความว่า...”
มู่กุยฝานยิ้มและพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างน่ากลัว “พี่สาม โดนแปะอีกแล้วนะสิ”
ลุงสาม “...”
เขายอมแพ้และขึ้นไปชั้นบนด้วยความร่วมมืออย่างมาก
เมื่อซูเหอเวิ่นได้สติกลับมาก็รีบตามขึ้นไป
ไทยมุงซูจื่อหลิน “?”
ไทยมุงซูอิ๋งเอ่อร์ “?”
ไทยมุงซูอี้เซิน “?”
“ไปแล้วๆ ไปทำงานแล้ว” ซูอี้เซินมองดูเวลา แล้วพึมพำพลางเดินออกไป
จริงๆ เลย เดิมทีอยากจะเห็นหลานสาวตัวน้อยผู้น่ารักและอ่อนโยนสวมใส่ชุดใหม่ แต่กลับไม่ได้เห็นเลย
ซูจื่อหลินก็หยิบกล่องอาหารที่ป้าอู๋เตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้าและออกไปเยี่ยมซูจื่อซีที่โรงพยาบาล
ยัยหานหัวโตลงมาจากชั้นบนด้วยความดีใจและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เลือกชุดๆ ซู่เป่า เธอเลือกเสร็จแล้วเหรอ”
“เอ๊ะ น้องสาวล่ะ”
“เอ๊ะ คุณน้าที่ส่งชุดมาล่ะ”
“เอ๊ะ พวกอาสามล่ะ”
เมื่อสักครู่ตอนที่หม่าหลินแปะยันต์แผ่นนี้ที่หลังของซูเยว่เฟย เขาเพียงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติจากสัญชาตญาณ
ยันต์นี้ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย
มันทำให้มู่กุยฝานนึกถึงชายหัวล้านคนนั้นจากสัญชาตญาณ แต่กลับไม่สามารถยืนยันได้ว่าชายหัวล้านกับหม่าหลินเกี่ยวข้องอะไรกัน
ดังนั้นจึงห้ามซู่เป่าไม่ให้ทำอะไรโจ่งแจ้งจนอีกฝ่ายรู้ตัว
ซู่เป่าถึงเข้าใจว่าแหวกหญ้าให้งูตื่นหมายความว่าเช่นนี้และไม่มีงูเลย
ได้รู้สำนวนใหม่อีกแล้ว
ซูเยว่เฟยค่อยๆ ผ่อนคลายลงและพูดว่า “ซู่เป่า ครั้งนี้ลุงสามโดนแปะอะไร”
พอนึกถึงเมื่อวานดึงออกมาเป็นหนัง ซูเยว่เฟยก็รู้สึกขนหัวลุก
ซู่เป่าอธิบายว่า “สิ่งนี้เรียกว่ายันต์เสน่ห์ค่ะ จะเกิดหลงเสน่ห์หลังจากโดนแปะ ปกติแล้วผีจะใช้มัน แต่ตอนนี้น้าหม่ากลับใช้มัน”
“ยันต์จะดูดกลืนไอหยางของน้าหม่า ต่อไปก็จะตามติดน้าหม่า คล้ายๆ กับที่คนอื่นเลี้ยงกุมารทองค่ะ”
“หลังจากที่ลุงสามถูกแปะยันต์ ลุงสามก็จะชอบน้าหม่า”
ซูเยว่เฟยถึงเข้าใจว่าความคิดแปลกๆ ของเขาเมื่อสักครู่เป็นเพราะฤทธิ์ของยันต์นี้
ซูเหอเวิ่นพูดอย่างประหลาดใจ “ร้ายมากเลย คนที่เขียนยันต์นี้ต้องไม่ใช่คนดีอะไร อาสามอาเสร็จแน่”
ซูเยว่เฟย “...”
ซู่เป่าพูดปลอบว่า “ไม่ต้องกลัวค่ะลุงสาม หนูมาแล้ว”
เธอก้าวไปข้างหน้าทันทีและจับที่หลังของซูเยว่เฟย
เธอจับสักที่บนหลัง จากนั้นใช้แรงดึงมันออกมาอย่างแรง
เธอออกแรงมากเล็กน้อย ซูเหอเวิ่นและมู่กุยฝานมองไม่เห็นอะไร เห็นเพียงว่าเธอลำบากมาก
ซูเหอเวิ่นถามอย่างตื่นเต้นว่า “น้องสาว ต้องการให้ช่วยไหม”
ซู่เป่าดึงอากาศไปด้านหลัง แล้วร่างเล็กๆ ก็ล้มลงไปด้านหลังพลางพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ... พี่ช่วยไม่ได้... เฮ้”
มู่กุยฝานพูดอย่างลังเลว่า “ซู่เป่า อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องรางของขลังหรือเปล่า”
ยันต์นั่นมีพลังมาก ดึงออกไม่ได้ด้วยมือเปล่าสินะ...
ในขณะที่เขากำลังคิดเช่นนั้นก็ได้ยินเสียงดังปังและยันต์บนหลังของซูเยว่เฟยก็ถูกดึงออกมา
ซู่เป่าล้มและนั่งลงกับพื้นอย่างแรงพลางร้องเสียงดังโอ๊ย “ก้นหนู”
เธอกำยันต์แผ่นหนึ่งไว้ในมือ นั่นก็คือยันต์ที่หม่าหลินแปะเมื่อสักครู่...
นักพรตมู่สำลักคำพูดในทันทีและหยุดพูดอย่างรู้ความ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...